ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 477 ความคิดของจักรพรรดินีผืนพิภพ หานเจวี๋ยทะลวงขั้น

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 477 ความคิดของจักรพรรดินีผืนพิภพ หานเจวี๋ยทะลวงขั้น

สำหรับความต้องการของเต้าจื้อจุน หานเจวี๋ยทำได้เพียงใช้การแสดงธรรมเพื่อเติมเต็มให้

ธรรมของเขามุ่งเน้นว่าจะทะลวงระดับต้าหลัวได้อย่างไร ถึงอย่างไรเขาก็อาบน้ำร้อนมาก่อน มีประสบการณ์โชกโชนยิ่ง

การแสดงธรรมครั้งนี้ดำเนินอยู่สิบปี เต้าจื้อจุนถึงได้จากไปพร้อมความเข้าใจของตนเอง

หานเจวี๋ยตั้งตารอการทะลวงระดับของเขายิ่งนัก

แต่เต้าจื้อจุนบุ่มบ่ามเกินไป ไม่นานมานี้ก็เพิ่งพบกับปัญหาเข้า จำเป็นต้องขัดเกลานิสัยเพิ่ม

เจียงอี้ก็เป็นแบบนี้เช่นกัน ส่วนจ้าวเซวียนหยวนแม้จะรอบคอบระมัดระวัง แต่เขามีลางสังหรณ์ว่าอีกฝ่ายไม่อาจรับผิดชอบภาระหน้าที่ได้

ลี่เหยาเก็บตัวบำเพ็ญเพียรอย่างเดียว ไม่มีทางออกจากอาณาเขตเต๋าเป็นแน่

มู่หรงฉี่ยังนับว่าดีกว่า

แต่น่าเสียดาย พรสวรรค์ของมู่หรงฉี่ไม่เหมาะสม

หานเจวี๋ยหลับตาลงฝึกบำเพ็ญต่อ

….

สองร้อยปีต่อมา

เต้าจื้อจุนพิสูจน์ต้าหลัวสำเร็จ แม้จะไม่มีเคราะห์สวรรค์ แต่ทุกคนล้วนรับรู้ถึงกลิ่นอายอันทรงพลังของเขาได้

ระดับต้าหลัว!

ในที่สุดก็มีต้าหลัวปรากฏขึ้นในหมู่ศิษย์สำนักซ่อนเร้นหนึ่งคนแล้ว!

ห้าปีต่อมา

เต้าจื้อจุนทำให้ตบะเสถียรเสร็จสิ้น หานเจวี๋ยออกมาจากถ้ำอย่างหาได้ยากนัก เรียกรวมตัวศิษย์ทั้งหมด ให้มู่หรงฉี่จัดงานเลี้ยง

นับตั้งแต่สำนักซ่อนเร้นก่อตั้งขึ้นเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน นี่เป็นการจัดงานเลี้ยงครั้งแรก

สิ่งที่กินมิใช่เนื้อ แต่เป็นผลไม้วิญญาณ แกล้มกับสุราเลิศรส

ในงานเลี้ยง หานเจวี๋ยพูดถึงระดับต้าหลัวและความก้าวหน้าของสำนักซ่อนเร้น

“สำนักซ่อนเร้น สำนักที่ซ่อนเร้นจากโลกภายนอก ข้าหวังว่าพวกเราจะรักษาเจตนาดั้งเดิม ใช้ทุกสิ่งเพื่อมุ่งเน้นไปที่การฝึกบำเพ็ญ บางทีในแดนเซียน ณ ขณะนี้ ในด้านอิทธิพลระดับจักรพรรดิเซียน พวกเรานับเป็นที่หนึ่ง แต่ในระดับเทพและต้าหลัวรวมถึงระดับครึ่งอริยะที่สูงขึ้นไปอีก สำนักซ่อนเร้นขาดแคลนเหลือเกิน ยากจะต่อสู้แย่งชิงกับกลุ่มอิทธิพลใหญ่อื่นๆ ได้ ข้าหวังว่าก่อนที่พวกเจ้าจะบรรลุถึงระดับเทพ อย่าได้ออกไปไหนส่งเดช หากไม่บรรลุต้าหลัว ก็อย่าได้ไปยั่วยุศัตรูที่แข็งแกร่งตามอำเภอใจ

ยามที่บรรพชนเต๋าเปิดเผยตัว ตบะของเขาก็เข้าขั้นใต้หล้าไร้ศัตรูแล้ว เส้นทางที่พวกเราจะก้าวเดินคือเส้นทางของบรรพชนเต๋า บากบั่นฝึกบำเพ็ญไปเรื่อยๆ ยามเปิดเผยตัวจะต้องแข็งแกร่งไร้ศัตรูต่อกร”

หานเจวี๋ยโคลงจอกสุรา น้ำเสียงสบายๆ

ทุกคนอดมองไปที่เต้าจื้อจุนไม่ได้ เต้าจื้อจุนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกละอายใจ

เรื่องที่เขากระโดดออกไปสู้กับเจียงตู๋กูก่อนหน้านี้แพร่งพรายไปทั้งสำนักซ่อนเร้นด้วยปากของเจียงอี้แล้ว

ละอายก็ส่วนละอาย แต่เรื่องที่เต้าจื้อจุนสำเร็จเป็นต้าหลัวก็ควรค่าให้ยกย่องจริงๆ เมื่อหานเจวี๋ยพูดจบ เขาก็กลายเป็นตัวเอกของงานเลี้ยง

ทุกคนต่างสอบถามเขาว่ากลายเป็นต้าหลัวแล้วรู้สึกอย่างไร

งานเลี้ยงดำเนินอยู่หลายวัน

หานเจวี๋ยกลับไปที่อารามเต๋าเพื่อฝึกบำเพ็ญต่อ

เขาอยู่ว่างจนเบื่อหน่าย จึงถามในใจว่า ‘อีกนานแค่ไหนกว่าจะถึงมหาเคราะห์ครั้งต่อไป’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

ก็แค่หมื่นล้านปีเท่านั้น ไม่อยู่ในสายตาของหานเจวี๋ยเลย

[หากมรรคาสวรรค์ไม่เกิดความเปลี่ยนแปลง เหลือเวลาอีกสี่หมื่นเก้าพันล้านปีก่อนที่มหาเคราะห์ครั้งต่อไปจะมาถึง]

สี่หมื่นเก้าพันล้านปีหรือ

นานถึงเพียงนี้เชียว!

เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะต้องไร้พ่ายภายใต้มรรคาสวรรค์แล้วอย่างแน่นอน!

หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปรีดา

เขาไม่ได้หลับหูหลับตามั่นใจไปเรื่อย ถึงอย่างไรก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่

หากยั่วยุให้อริยะรู้สึกร้อนรน วิถีแห่งมรรคาสวรรค์จะต้องเปลี่ยนแน่

จะอย่างไรก็ตาม ทำให้สำเร็จภายในร้อยล้านปีก็น่าจะไม่มีปัญหา

พิสูจน์มรรคสำเร็จเป็นอริยะได้ในระยะเวลาร้อยล้านปี หานเจวี๋ยมีความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม

….

แดนเซียนไร้ซึ่งกาลเวลา โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในระหว่างฝึกบำเพ็ญ

เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า

ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งพันปี

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็เข้าใกล้ระดับครึ่งอริยะระยะกลาง

หากนึกย้อนกลับไปที่การทะลวงระดับครั้งก่อน ก็ผ่านมาสี่พันปีแล้ว

ระดับครึ่งอริยะฝึกบำเพ็ญยากเย็นจริงๆ

หานเจวี๋ยคาดการณ์ว่า อย่างมากบำเพ็ญต่ออีกร้อยปีก็น่าจะทะลวงขั้นได้แล้ว

สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าในเขตเซียนร้อยคีรีก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เกินหลักพันไปแล้ว หานตั้วเทียนสานสัมพันธไมตรีกับสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าทุกชนิด ภายหน้าจะรับพวกมันเข้าสำนักก็มิใช่เรื่องยาก

เผ่าเอกาโดยทั่วไปล้วนเงียบสงบยิ่ง ต่างพากเพียรฝึกบำเพ็ญ มีนิสัยอ่อนโยน

หานเจวี๋ยเริ่มใส่ใจเผ่าเอกาขึ้นมาบ้าง

จักรพรรดิเซียนหนึ่งหมื่นคน นี่เป็นกระดูกสันหลังของสำนักซ่อนเร้น

อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วเขายังคงมีความระแวงต่อเผ่าเอกาอยู่เล็กน้อย กังวลว่าจู่ๆ จักรพรรดินีผืนพิภพจะมารับตัวพวกเขากลับไป

เขาพลันบังเกิดความคิดใจกล้าขึ้นอย่างหนึ่ง

ใช้ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์กับเผ่าเอกาทุกคนเลยดีหรือไม่

หานเจวี๋ยเรียกตัวหานโยวหัวหน้าเผ่ามาก่อน ชำระล้างเป็นคนแรก เสียอายุขัยไปร้อยล้านปี

ไม่มากเลย จักพรรดิเซียนมีค่าเพียงร้อยล้านปีเท่านั้น

หลังจากชำระล้างเสร็จสิ้น หานโยวได้เรียกชาวเผ่าเอกามารวมตัวกันในหุบเขา หานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้นเพื่อจะแสดงธรรมแก่พวกเขา แสดงธรรมควบคู่ไปกับการชำระล้าง

ขั้นตอนนี้ดำเนินการอยู่เกือบหนึ่งร้อยปี ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ชำระล้างเผ่าเอกาทั้งหมดเรียบร้อย

ชาวเผ่าเอกาไม่ทราบถึงความสามารถชำระล้างสมบูรณ์ ล้วนรู้สึกซาบซึ้งกันยิ่งนัก หานเจวี๋ยมาแสดงธรรมต่อพวกเขาเป็นการส่วนตัวนานนับร้อยปี บุญคุณในส่วนนี้ พวกเขาจะไม่จดจำได้อย่างไร

หานเจวี๋ยได้กำไรถึงสองต่อ ไม่เพียงแต่ซื้อใจผู้อื่นได้ ยังทำให้ตัวเองสบายใจด้วย

เขาใช้อายุขัยไปเพียงล้านล้านปีเท่านั้น ไม่เพียงพอจะสาปแช่งอริยะให้บังเกิดจิตมารได้ด้วยซ้ำ

เมื่อกลับไปถึงอารามเต๋า หานเจวี๋ยเตรียมจะเริ่มฝึกบำเพ็ญ

[จักรพรรดินีผืนพิภพต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

หืม?

ปุบปับขนาดนี้เชียว

ดูเหมือนจักรพรรดินีผืนพิภพจะสัมผัสถึงชาวเผ่าเอกาได้จริงๆ

หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเลือกยอมรับ

เมื่อเข้าสู่แดนความฝัน เขามาอยู่ที่ริมแม่น้ำปรโลก จักรพรรดินีผืนพิภพยืนอยู่ไม่ไกล จ้องมองเขาอย่างสงบ

หานเจวี๋ยคารวะ พลางเอ่ย “จักรพรรดินีผืนพิภพ ท่านเรียกหาข้าหรือ”

จักรพรรดินีผืนพิภพพลันถามออกมา “สถานการณ์ของเผ่าเอกาเป็นอย่างไรบ้าง”

หานเจวี๋ยกล่าว “ไม่เลวเลย ปิดด่านฝึกบำเพ็ญไปกับข้า วางใจเถิด ข้าปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนคนในสำนัก ไม่มีทางเอาเปรียบพวกเขาอย่างแน่นอน”

เขาแกล้งโง่ คำถามของจักรพรรดินีผืนพิภพแน่นอนว่าหมายถึงเรื่องความสามารถชำระล้างสมบูรณ์

จักรพรรดินีผืนพิภพเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว ข้ารับรู้ได้ว่าพวกเขาบรรลุระดับจักรพรรดิเซียนแล้วกระมัง เจ้าอบรมบ่มเพาะอย่างไรกัน ความสามารถไม่ธรรมดาเลย”

หานเจวี๋ยถอนหายใจ “ข้ามอบสมบัติทรัพยากรทั้งหมดของข้าให้แก่พวกเขา”

จักรพรรดินีผืนพิภพเงียบไป

หานเจวี๋ยลองถามหยั่งเชิง “จักพรรดินีจะรับพวกเขากลับไปหรือ”

จักรพรรดินีผืนพิภพส่ายหน้า “จะเป็นไปได้อย่างไร ข้าฝากฝังพวกเขาไว้กับเจ้าแล้ว พอพวกเขาเติบใหญ่ขึ้นจะมารับกลับไปทีหลังได้อย่างไร”

เจ้ารู้ก็ดีแล้ว!

จักรพรรดินีผืนพิภพเอ่ยว่า “หยางเทียนตงศิษย์ของเจ้าสิ้นชีพภายใต้พลังวิเศษทำลายมรรคา เพียงแต่วิญญาณได้รับการคุ้มครองจากอริยะ ตอนนี้วิญญาณอยู่ในมือข้าแล้ว รอจนระเบียบวัฏสงสารได้รับการฟื้นฟู ข้าจะส่งเขาไปเกิดใหม่”

หานเจวี๋ยคารวะขอบคุณ “ขอบพระคุณจักรพรรดินี”

จักรพรรดินีผืนพิภพสอบถาม “ตอนนี้ตบะเจ้าอยู่ระดับใด”

หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ตอบว่า “ต้าหลัวระยะต้น”

จักรพรรดินีผืนพิภพชื่นชม “คุณสมบัติของเจ้าเลิศล้ำโดยแท้”

ทั้งสองพูดคุยกันต่ออีกสักพัก

เมื่อจิตรับรู้ของหานเจวี๋ยกลับสู่ความเป็นจริง เขาถามในใจ ‘จักรพรรดินีผืนพิภพคิดจะรับเผ่าเอกากลับไปหรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสามพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[มีความคิดนี้อยู่จริง]

หานเจวี๋ยถอนหายใจ

ล้วนเป็นเรื่องผลประโยชน์ทั้งสิ้น

แต่หานเจวี๋ยไม่มีทางปล่อยเผ่าเอกาไป การร่วมมือกันระหว่างเขาและจักรพรรดินีผืนพิภพมีที่มาที่ไป เขาลงทุนไปมากขนาดนี้ จะยอมยกเผ่าเอกาให้ง่ายๆ ได้อย่างนั้นหรือ

ครานั้นจักรพรรดินีผืนพิภพปกป้องเผ่าจอมเวทไว้ไม่ได้ ถึงได้ยกถูหลิงเอ๋อร์ จินกังนู่และเผ่าเอกาให้แก่หานเจวี๋ย ข้อเรียกร้องของนางคือหวังให้หานเจวี๋ยคุ้มครองพวกเขาให้ได้เท่านั้น หานเจวี๋ยทำสำเร็จเป็นอย่างดี

รอจนเขาชุบเลี้ยงเผ่าเอกาไปถึงระดับต้าหลัว ถึงตอนนั้นแม้จักรพรรดินีผืนพิภพอยากรับกลับไป ก็หมดหนทางแล้ว

ชาวเผ่าเอกาไม่ได้โง่งม บุญคุณที่ชุบเลี้ยงและสั่งสอนนั้นใหญ่หลวงกว่าบุญคุณที่ให้กำเนิด!

หานเจวี๋ยปล่อยวางความคิดฟุ้งซ่าน เริ่มฝึกบำเพ็ญ มุ่งมั่นสู่ระดับครึ่งอริยะระยะกลาง

ห้าสิบปีต่อมา

โอกาสฝ่าทะลวงของหานเจวี๋ยมาถึง

ขณะที่เขากำลังจะฝ่าทะลวงนั้น

[ฉิวซีไหลต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

[ฉิวซีไหลต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

[ฉิวซีไหลต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

….

ไอ้คนผู้นี้เริ่มรัวมาอีกแล้ว!

หานเจวี๋ยโมโหจนแทบระเบิด ทำไมต้องเป็นเวลานี้ด้วย

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท