ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 719 งานอภิเษกตี้โฮ่ว

ตอนที่ 719 งานอภิเษกตี้โฮ่ว

เดิมทีพวกนางเข้าใจว่า สีดำอมทองเป็นสีที่เหมาะสมกับเขาที่สุดแล้ว แต่ว่ายามเมื่อได้เห็นเขาสวมใส่ชุดสีแดง ความตื่นตะลึงอย่างไม่อาจจะบรรยายได้ก็กระแทกเข้าสู่หัวใจของทุกคน

ชั่วขณะนั้น ทั้งหมดต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดอยู่กับที่ ราวกับว่าได้สูญเสียเหตุผลและจิตวิญญาณไปแล้ว ดวงตาแต่ละคู่ได้แต่จับจ้องอยู่บนร่างของเขาอย่างไม่อาจควบคุมตนเองได้เลย

จนกระทั้งเมื่อเขาเดินมาจนถึงข้างกายตู๋กูซิงหลัน พวกนางถึงค่อยนึกได้ว่าจะต้องคุกเข่าลงไป

เมื่อมีเชียนเชียนเป็นผู้นำ ทั้งหมดก็คุกเข่าหมอบราบลงไป

ทั้งยังไม่มีใครกล้าหายใจโดยแรง ต่างเกรงว่าจะเป็นการรบกวนผู้ที่งดงามจนเลอเลิศทั้งสอง

ยามที่ตู๋กูซิงหลันมองเห็นเขานัยตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมา นางยกกระโปรงขึ้น วิ่งเท้าเปล่าออกไป

จนถึงด้านหน้าของจีเฉวียน ก็ยื่นมือไปหาจีเฉวียน เอ่ยอย่างออดอ้อนว่า “อุ้มๆ”

จีเฉวียนมองดูนาง นับตั้งแต่รู้จักซิงซิงเป็นต้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นนางใบแบบที่แตกต่างไปจากทุกครั้ง

รูปโฉมเช่นนี้ มิว่าผู้ใดได้เห็นล้วนต้องหัวใจสั่นสะท้าน

เขายื่นมือออกไป รับคนเข้ามาในอ้อมกอด จากนั้นก็ยังช่วยจัดแต่งพู่บนหมวกมงกุฏหงส์ ให้อีกรอบหนึ่ง

ตู๋กูซิงหลันเงยหน้ามองดูเขา พร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก

วันนี้พี่ชายคนงามช่างน่าดูเป็นพิเศษ

นางชมดูจนไม่อาจละสายตา

“แขกเหรื่อต่างมากันอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ข้าจะพาเจ้าออกไป” เขายิ้มให้อย่างอ่อนโยน ในแววตามีแต่ความรักใคร่เอาใจใส่

งานอภิเษกของฮ่องเต้หญิง ย่อมต้องจัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการ เดิมทีเต็มไปด้วยพิธีรีตองที่วุ่นวาย

แต่ว่าจิตใจของตู๋กูซิงหลันในตอนนี้เทียบเท่ากับเด็กสามขวบเท่านั้น จีเฉวียนจึงได้แต่ละกฏเกณท์เอาก่อน และมารับนางด้วยตนเอง

ทั่วทั้งเมืองหลวงแขวนผ้าแพรแดง สองข้างถนนหนทางมีกลีบดอกไม้โปรยปราย

ประชาชนนับพันนับหมื่นต่างก็มารออยู่ที่ปากประตูวัง เพื่อจะได้ชื่นชมพระบารมีของฮ่องเต้หญิงและตี้โฮว่

ใบหน้าของแต่ละคนแขวนไว้ด้วยรอยยิ้ม ต่างก็ร่วมยินดีกับฮ่องเต้หญิงจากใจจริง

ภายในวัง ยิ่งคึกคักรื่นเริงด้วยบรรยากาศมงคล

เหล่าขุนนางสวมเครื่องแต่งกายเต็มยศ น้อมคำนับอยู่ที่ด้านนอกของท้องพระโรง

ขุนนางนับพัน คุกเข่าอยู่เต็มลานชั้นนอก พวกเขาเฝ้ารอกันมาพักใหญ่แล้ว ยามนี้ยิ่งคอยืดคอยาวจนแทบจะอดใจไม่ไหว เฝ้ามองไปที่ตำหนักตี้หัวกงอยู่ตลอดเวลา

คนในตระกูลตู๋กูยืนอยู่ด้วยกันในมุมหนึ่ง

ตู๋กูจุนสวมใส่ชุดแม่ทัพผู้พิชิตเต็มยศ บนบ่ายังแบกดาบยักษ์เอาไว้ บนตัวดาบของดาบยักษ์ยังมีพู่สีแดงผูกเอาไว้อันหนึ่ง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศอันเป็นมงคลในงานอภิเษกของน้องเล็กเป็นพิเศษ

ตู๋กูเจวี๋ยก็สวมใส่เสื้อผ้าที่เป็นทางการ เขายืนอยู่ข้างกายท่านผู้เฒ่าตู๋กูด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มดุจดอกเก็กฮวย

นัยตาของเขามีน้ำตาคลอหน่อย ราวกับว่าบุตรสาวของตนเองกำลังจะแต่งงานก็ไม่ปาน

ตู๋กูเจวี๋ยรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง หากว่าชือหลีอยู่ที่นี่ด้วยละก็ เมื่อนางได้เห็นน้องเล็กแต่งงาน จะต้องดีใจอย่างยิ่งแน่นอน

ช่างน่าเสียดาย……

ในใจแม้จะเสียดายอยู่บ้าง แต่ที่สุดแล้วอย่างไรก็ยังคงดีใจ กว่าที่น้องเล็กกับจีเฉวียนเดินทางมาถึงจุดนี้ ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมามากมาย ในที่สุดวันนี้คู่รักก็จะได้เคียงคู่กัน เขารู้สึกปลาบปลื้มจริงๆ

ทั้งยังอิจฉาจีเฉวียนอยู่บ้าง เขาตั้งใจเอาไว้ว่า วันหนึ่งในภายภาคหน้า เขากับชือหลีก็จะต้องได้แต่งงานกันเช่นกัน

เขากระแอมในลำคอ วันนี้เขาจะต้องเป็นผู้ดำเนินพิธีการในงานอภิเษกของน้องเล็กและจีเฉวียน ทันทีที่พวกเขาปรากฏกาย ก้าวต่อไปที่เหลือเขาจะต้องเป็นคนนำทั้งหมด

……………….

ที่ข้างกายเขา ท่านผู้เฒ่าสวมใส่ชุดออกศึกตัวเดิม ดวงตาชราคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยหยาดน้ำตา ได้แต่ต้องฝืนเอาไว้ไม่ให้ไหลลงมา

เขาเลี้ยงดูเด็กน้อยทั้งสามคนจนเติบใหญ่มาด้วยตนเองเพียงลำพัง วันนี้ในที่สุดก็ได้เห็นหลานสาวสุดที่รักออกเรือนแต่งงาน ในใจของเขาเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย

ทั้งเสียดายที่มารดาของหลานสาว….หากว่าชิงชิงได้มาเห็นวันนี้ เชื่อว่านางจะต้องยินดีอย่างแน่นอน

องค์หญิงใหญ่ก็นำซุ่นเอ๋อร์มาด้วย พวกนางยืนอยู่ที่ด้านหลังของตระกูลตู๋กู

หลังจากงานเลี้ยงของครอบครัวในวันนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับตู๋กูจุนก็ใกล้ชิดขึ้นมาไม่น้อย

หยวนเมิ่งมิได้ปรากฏตัวขึ้นมาในสายตาของพวกนางอีก แม้แต่วันที่สำคัญเช่นวันนี้ ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของหยวนเมิ่งเลย

ตู๋กูจุนอดไม่ได้ที่จะสอดส่องมองหานางท่ามกลางฝูงชน

แม่นางหยวนเป็นสตรีที่ทั้งเข้มแข็งและเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรี หลังจากกันในงานเลี้ยงก็ผ่านมาช่วงหนึ่งแล้ว แต่เขากลับไม่ได้เห็นนางอีกเลย

ที่ผ่านมาพอเข้ามาในวัง เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางตำหนักฉางซินกง แต่ว่าก็ไม่เคยเห็นนาง

นางติดตามอยู่ข้างกายเขามาพักใหญ่ พอเมื่อนางจากไป ตู๋กูจุนถึงได้รู้สึกว่าตนเองออกจะไม่คุ้นเคยเสียแล้ว

แม่นางหยวนมักจะมีเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีอยู่เสมอ เมื่อมีนางอยู่ จวนตระกูลตู๋กูก็คึกคักขึ้นมาก พอนางไปแล้ว ทั่วทั้งจวนก็เงียบเหงาลงไป ปราศจากกลิ่นอายผู้คน

เขากวาดตามองดูโดยรอบ ก็ยังคงมองไม่เห็นแม้แต่เงาของหยวนเมิ่ง

ในตอนนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงตะโกนของหลี่กงกงดังออกมาจากทางพระตำหนักตี้หัว

“ฮ่องเต้หญิงและตี้โฮ่วเสด็จ รับการคุกเข่าคำนับจากพสกนิกร~!”

ทันทีที่ได้ยินเสียง เหล่าขุนนางที่ยืนออกันอยู่เมื่อครู่ก็รีบคุกเข่าลงไป

ตู๋กูเจวี๋ยก็รีบก้าวออกมาจากแถวของครอบครัวตนเอง เริ่มทำหน้าที่ผู้ดำเนินพิธีการงานอภิเษกของตน

เขาพึ่งจะก้าวออกไป ก็ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีดังรับขึ้นมา ตามด้วยเสียงกลองดังตึงๆๆๆๆอย่างกึกก้อง

เสียงกลองกึกก้องไปบนท้องฟ้า ปลุกบรรยากาศให้คึกคักกว่าเดิม

จากนั้นก็เห็นขบวนมงคลเคลื่อนออกมาจากตำหนักตี้หัว

บนพื้นโรยด้วยกลีบดอกไม้สดสีแดงกลาดเกลื่อน ทั้งยังมีฝนบุปผาหล่นลงมาราวสายฝน เสียงดนตรีบรรเลงไพเราะดังขึ้นมา

พอถึงยามนี้ ฝูงชนค่อยเห็นว่า ผู้ที่นำขบวนมานั้น ก็คือ …..พระสนมหยวนเฟย?

นางเปลี่ยนจากชุดแบบสตรีต้าโจว ไปสวมใส่ชุดของสตรีหนานเจียง แต่งกายด้วยเครื่องทรงขององค์หญิงหนานเจียงที่เป็นสีม่วงทั้งชุด จึงทั้งงดงาม มีเสน่ห์ไม่ธรรมดา

นี่เป็นคำขอของตู๋กูซิงหลัน บางทีในสมองของนางอาจจะยังพอมีอะไรสะกิดเตือนอยู่บ้าง จึงทำให้จำได้ว่าในงานอภิเษกสมควรมีเพื่อนเจ้าสาวด้วย

จึงเรียกเสี่ยวหยวนหยวนให้มาเป็นเพื่อนเจ้าสาวของนาง ยามจัดพิธี ก็ระบุให้นางเป็นผู้นำขบวนออกไป

หยวนเมิ่งปฏิเสธไม่ได้ จึงต้องรับเอาไว้

ได้รับความสำคัญจากไทเฮาน้อย ในใจของนางก็อบอุ่นขึ้นมา

เมื่อต้องเดินนำขบวนทั้งหมดในพิธีแต่งงาน นางก็วางตนเรียบร้อยระมัดระวังกริยา ไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆ

ยามที่ตู๋กูจุนได้เห็นนาง คนก็ถึงกับต้องตกตะลึงไป

เขาไม่ได้เห็นนางมาเจ็ดวันแล้ว

แม่นางหยวนผ่ายผอมลงไป…..

เขาแทบจะไม่เคยมองดูนางอย่างพินิจพิจารณามาก่อน ตอนนี้ถึงได้เห็นว่า เมื่ออยู่ท่ามกลางขบวนที่ฉูดฉาดไปด้วยสีแดงนั้น นางโดดเด่นและดึงดูดสายตาเพียงไร

ความงามของหยวนเมิ่ง พิเศษยิ่งนัก แทบควักดวงตาผู้คนออกไป

ตู๋กูจุนมองดูนาง ในสมองก็อดไม่ได้ที่จะปรากฏภาพของสตรีในชุดสีดำขึ้นมา

อยู่ๆสมองของเขาก็ปวดตุบๆขึ้นมาอีกครั้ง

หยวนเมิ่งก็มองเห็นเขาแล้วเช่นกัน เพียงแต่ว่าครั้งนี้กลับไม่มีประกายใดๆในดวงตาอีกแล้ว

แววตาของนางไม่สั่นคลอน สงบนิ่งเรียบร้อย นำขบวนอภิเษกไปยังด้านหน้าทีละก้าวทีละก้าว

รอบๆเกี้ยวทรงประดับประดาไปด้วยสีทองและสีแดง ชายผ้าพลิ้วไหว เสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊งไปตลอดทาง รอบตัวเกี้ยวทั้งสี่ด้านประดับประดาไปด้วยหงส์แดงแกะสลักงดงาม

ภายในเกี้ยวทรง มีฮ่องเต้หญิงและตี้โฮว่ประทับนั่งอยู่

รอบด้านกางกั้นด้วนผ้าโปร่งบาง ทำให้เห็นเงาของทั้งสองเท่านั้น

แต่แม้ว่าจะเป็นเพียงเงา ก็ยังงดงามจนคนต้องถอนหายใจ

ภายในเกี้ยว มือของจีเฉวียนประคองรองเท้าปักเอาไว้ข้างหนึ่ง ค่อยๆนำฝ่าเท้าที่ขาวนวลดุจหิมะของตู๋กูซิงหลันสวมใส่รองเท้าให้กับนาง

………………….

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Status: Ongoing

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท