ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 700 พิสูจน์มหามรรค!

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 700 พิสูจน์มหามรรค!

แม้จะเผชิญกับการกดดันจากหมอกดำ ทว่ามหามรรคต้นกำเนิดของหานเจวี๋ยไม่ได้หยุดชะงักเลย ยังคงดันประตูมหามรรคต่อไป

ข้อความสามแถวปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ตรวจสอบพบว่าท่านเผชิญกับการคุกคามจากดวงจิตมหามรรค ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ก้มหัวกล่าวคำปฏิญาณ ยอมสยบต่อจอมเทพฟ้าบุพกาล จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

[สอง เปิดประตูมหามรรค ฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างที่กีดขวางเส้นทางแห่งมรรค โดยไม่หวั่นภยันอันตราย จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน]

ไม่ปรากฏตัวเลือกมานานยิ่งนัก!

นับแต่หานเจวี๋ยพิสูจน์มรรค ตัวเลือกเช่นนี้แทบจะหายไปเลย

แต่ในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าระบบเอนเอียงไปทางตัวเลือกที่หนึ่ง

หานเจวี๋ยรู้สึกว่าระบบต่อต้านเขาอยู่ มันมักจะเสนอของรางวัลมากมายเพื่อดึงดูดใจในเส้นทางที่ตัวเขาไม่อยากเลือกเดิน

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองทันที

[ท่านเลือกเปิดประตูมหามรรค ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน]

ตอนนี้ หานเจวี๋ยรวบรวมชิ้นส่วนมหามรรคครบเก้าชิ้นแล้ว

เขาควบคุมมหามรรคต้นกำเนิดดันเปิดประตูมหามรรคต่อไป

มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่มีทางยอมก้มหัว!

หากอยากแข็งแกร่งขึ้น ก็มีแต่ต้องเปิดประตูมหามรรค หากยอมก้มหัว อนาคตย่อมกลายเป็นของเล่นในกำมือจอมเทพฟ้าบุพกาลอย่างแน่นอน

ตอนนี้หานเจวี๋ยกำลังวางเดิมพันอยู่

เขาเดิมพันว่าหลังจากตนพิสูจน์มหามรรคได้ อาณาเขตเต๋าจะยกระดับขึ้น!

‘เปิดออกให้ข้าซะ!’

หานเจวี๋ยคำรามอยู่ในใจ

หมอกดำที่อยู่เหนือประตูมหามรรคโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเดิม ตะคอกว่า “วิญญาณสามัญ เจ้าต้องจ่ายค่าตอบแทนที่เจ้าไม่มีทางแบกรับไหว!”

หานเจวี๋ยไม่สนใจเขา

หากเป็นจอมเทพฟ้าบุพกาลตัวจริง เขาอาจจะรู้สึกวิตก

แต่ระบบแสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้าสิ่งนี้เป็นเพียงดวงจิตมหามรรค เป็นตัวตนระดับเดียวกับอริยะมหามรรค!

ชัดเจนยิ่งนัก เจ้าสิ่งนี้กำลังแอบอ้างชื่อจอมเทพฟ้าบุพกาล ทำตัวเป็นจิ้งจอกอ้างบารมีเสือ

ครืนๆ….

ประตูมหามรรคถูกดันให้เปิดออกอย่างต่อเนื่อง สายลมโหมกระโชกที่พัดออกมารุนแรงยิ่งขึ้น

หมอกดำสลายไป

ดวงจิตมหามรรคทราบดีว่าพูดพล่ามต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ ได้แต่จากไปเสีย

[ดวงจิตมหามรรคแห่งความสิ้นหวังเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้ 6 ดาว]

เยี่ยมมาก!

กลับไปข้าจะสาปแช่งเจ้า!

หานเจวี๋ยยิ้มเยาะในใจ เขาผสานร่างจำลองเทพมารเข้าไปอีกหลายตน เงาดำที่ผันแปรมาจากมหามรรคต้นกำเนิดยกแขนพลางออกแรงดัน ในที่สุดประตูมหามรรคก็เปิดออกอย่างสมบูรณ์

แสงเจิดจ้าแยงตาสายหนึ่งปรากฏขึ้น เข้าครอบคลุมร่างของหานเจวี๋ย

ในเวลาเดียวกันนี้ หานเจวี๋ยรับรู้ถึงแรงดูดมหาศาลสายหนึ่ง สายลมกระโชกเริ่มหวนกลับ ไม่พัดออกด้านนอกอีก แต่พัดเข้าสู่ด้านในแทน

เขาก้าวเข้าสู่ประตูมหามรรค

….

ครืนๆ…

แดนเซียนและปวงสวรรค์หมื่นโลกามีเมฆสายฟ้าก่อตัวขึ้นกวาดม้วนกลิ้งตลบ อานุภาพอันน่าหวาดหวั่นเข้าปกคลุมปวงสวรรค์

แม้กระทั่งชั้นฟ้าที่สามสิบสามก็ได้รับแรงกดดันเช่นกัน เหล่าอริยะต่างออกจากอาณาเขตเต๋าของตน มารวมตัวกันหน้าตำหนักเอกภพ

“เกิดอะไรขึ้น”

“เป็นแรงกดดันที่น่ากลัวยิ่ง เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นกับมรรคาสวรรค์หรือ”

“หรือว่ามีใครพิสูจน์มรรคอยู่”

“ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเราพิสูจน์มรรคก็ไม่มีปรากฏการณ์เช่นนี้!”

“เช่นนั้นเกิดอะไรขึ้น มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่มาเยือนก่อนกำหนดหรือ”

เหล่าอริยชนต่างมองไปที่จอมอริยะเสวียนตู เขารอบรู้มากที่สุด

จอมอริยะเสวียนตูขมวดคิ้ว เอ่ยว่า “ข้าก็ไม่ทราบแน่ชัด รอดูต่อไปเถิด เกิดแรงกดดันเช่นนี้ แปลว่ามรรคาสวรรค์กำลังปกป้องพวกเราอยู่ กำลังส่งสัญญาณเตือนสรรพสิ่ง สิ่งที่สามารถทำให้มรรคาสวรรค์พยากรณ์ถึงล่วงหน้าได้ แปลว่ามิใช่หายนะทำลายล้าง”

คำพูดของเขาทำให้เหล่าอริยชนโล่งใจขึ้นเล็กน้อย

พวกเขากลัวจะฟ้าบุพกาลจะเข้ามาโจมตีอีก

นับจากมหันตภัยมรรคาสวรรค์ครั้งล่าสุดเวลาก็ผ่านมาหลายหมื่นปีแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเขาจะได้พักหายใจ สงบใจฝึกบำเพ็ญ พวกเขาไม่อยากเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าอริยะอีก

ขนาดเหล่าอริยะยังตื่นตระหนกกันเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงสรรพสิ่งเลย

แดนเซียนในยามนี้ไม่ได้ถูกปิดกั้นข่าวสารเช่นในอดีตแล้ว เมื่อเผ่าหายนะเข้าร่วมมรรคาสวรรค์ สรรพสิ่งก็ได้เข้าใจเกี่ยวกับฟ้าบุพกาลมากขึ้น ทราบว่าในฟ้าบุพกาลซุกซ่อนตัวตนยิ่งใหญ่มากมายที่มีความแค้นต่อมรรคาสวรรค์

ส่วนเขตเซียนร้อยคีรีเนื่องจากมีอาณาเขตเต๋าคอยคุ้มครอง เหล่าศิษย์หลายแสนชีวิตจึงไม่รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ

ภายในอารามเต๋า หานเจวี๋ยเริ่มทะลวงระดับแล้ว

จากเสรีเปลี่ยนผ่านสู่มหามรรค!

นี่คือการเปลี่ยนผ่านที่ยากจะอธิบายได้ เรียกได้ว่าเป็นการถอดร่างผลัดกระดูกเลยทีเดียว!

ตั้งแต่สังขาร พลังเวท วิญญาณไปจนถึงประสาทสัมผัส ทั้งหมดล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลง!

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น มีแสงสีทองส่องเรืองรองในดวงตา ปวงสวรรค์หมื่นโลกาล้วนอยู่ในสายตาของเขา

เขากวาดสายตามองออกไปในฟ้าบุพกาลด้วยความเร็วที่รวดเร็วยิ่ง

เขามองเห็นโลกใบแล้วใบเล่า มองเห็นดินแดนที่งดงามหรือมืดมนแปลกประหลาดแห่งแล้วแห่งเล่า เขามองเห็นผู้แสวงหามรรคที่ท่องอยู่ในฟ้าบุพกาลคนแล้วคนเล่า

เขามองเห็นจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย หานทั่ว ฉู่ซื่อเหริน ทั้งยังมองเห็นศัตรูอีกไม่น้อย

เป็นแค่การกวาดตามองเพียงแวบเดียวเท่านั้น ไม่ใช่การสอดส่อง

หานเจวี๋ยกังวลว่าตนจะมองเห็นตัวตนเหนือชั้นจำพวกเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลเข้า จึงถอนสายตากลับมาทันที

สี่สิบเก้าปีต่อมา

[ตรวจสอบพบว่าท่านพิสูจน์มหามรรคสำเร็จ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง สร้างชื่อสะท้านฟ้าบุพกาล หลังจากตบะมั่นคงจงมุ่งสู่ฟ้าบุพกาล บุกตะลุยสร้างชื่อเสียง จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น รับสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง โอกาสยกระดับอาณาเขตเต๋าหนึ่งครั้ง]

[สอง เก็บตัวบำเพ็ญ รักษาปณิธานเดิม จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน โอกาสยกระดับอาณาเขตเต๋าหนึ่งครั้ง]

มีการยกระดับอาณาเขตเต๋าจริงๆ ด้วย!

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองทันที

[ท่านเลือกเก็บตัวบำเพ็ญ รักษาปณิธานเดิม ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน โอกาสยกระดับอาณาเขตเต๋าหนึ่งครั้ง]

[เริ่มยกระดับอาณาเขตเต๋า]

หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ในที่สุดก็เริ่มยกระดับแล้ว!

ถึงแม้การปฏิเสธดวงจิตมหามรรคจะรู้สึกดียิ่ง แต่เขาย่อมกังวลถึงผลที่จะตามมาอย่างไม่อาจเลี่ยงได้

หานเจวี๋ยปรับตบะให้มั่นคงพลางเรียกหน้าต่างค่าสถานะออกมาตรวจสอบ

[ชื่อ: หานเจวี๋ย]

[อายุขัย: 2650060/ 1,029,999,999,999,999,999,999,999,999,999]

[เผ่าพันธุ์: เทพมารอนธการ (มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต)]

[ตบะ: ระดับเบิกฟ้ามหามรรคระยะต้น (อริยะสมบูรณ์แบบ)]

[วิชายุทธ์: มหามรรควัฏจักรอนธการ (ระดับมหามรรค), วิชาชุบร่างวัฏจักรดารา]

[มหามรรค: มหามรรคเวียนว่ายตายเกิด, มหามรรคแห่งกรรม, มหามรรคต้นกำเนิด]

….

ตรงหน้าอายุขัยมีตัวเลขเพิ่มขึ้นมาสามหลัก บ่งบอกถึงอายุขัยที่เพิ่มขึ้นสูงลิ่ว

คาดว่าหากคงอยู่ไปตามเวลาจริงๆ หานเจวี๋ยจะมีอายุขัยเทียบเท่าฟ้าบุพกาล ถึงขั้นที่เหนือกว่าเลยด้วยซ้ำ

หานเจวี๋ยรู้สึกตื่นเต้น

ไม่นานนัก เขาก็ควบคุมความรู้สึกของตนได้ ปรับตบะให้มั่นคงต่อ

ทันทีที่ทะลวงระดับได้ พลังเวทของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันด้วยความเร็วสูง ส่วนวิญญาณยังอยู่ในระหว่างเปลี่ยนแปลง ความรู้สึกเช่นนี้ยอดเยี่ยมนัก สุดยอดยิ่งกว่าความปีติยินดีและสุขสันต์ใดๆ บนโลกใบนี้

….

ณ ห้วงฟ้าบุพกาล อุกกาบาตนับไม่ถ้วนหมุนวนประหนึ่งวังน้ำวนห้อมล้อมตำหนักใหญ่หลังหนึ่งไว้ ตำหนักหลังนี้ไม่มีหลังคา พื้นที่ตำหนักกว้างใหญ่อย่างยิ่ง

เงาร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในโถงตำหนัก

เป็นโพธิสัตว์เจียอิ๋น

โพธิสัตว์เจียอิ๋นค้อมกายทำความเคารพ บนแท่นด้านหน้าปรากฏเงาดำสายหนึ่งขึ้น ดูคล้ายพายุหมุน ยากจะจำแนกรูปลักษณ์ที่แท้จริงได้

“จอมเทพ หานเจวี๋ยที่ท่านตามหาตัวซ่อนอยู่ในมรรคาสวรรค์ ไม่สามารถสังหารได้ขอรับ”

โพธิสัตว์เจียอิ๋นรายงานอย่างนอบน้อม

เงาดำเอ่ยเสียงขรึม “เด็กคนนี้ฝ่าฝืนกฎแห่งมหาเคราะห์ ต้องกำจัดทิ้ง เรื่องนี้ขอมอบหมายให้เจ้า”

โพธิสัตว์เจียอิ๋นยิ้มอย่างจนปัญญาพลางกล่าวว่า “โพธิสัตว์จุนทีและอวี้ผูถีแห่งสำนักของข้าทยอยสิ้นชีพลงด้วยฝีมือของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ หานเจวี๋ยคนนี้มีความสัมพันธ์ลึกลับบางอย่างกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ หากต้องการจัดการเขา ต้องจัดการเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก่อนจะดีที่สุดขอรับ ท่านจัดการเจ้าแดนต้องห้ามอันธการได้เมื่อไร ข้าก็ลงมือกับหานเจวี๋ยได้ทันทีขอรับ”

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท