บทที่ 711 พลังล้มล้างความเข้าใจ
จิตศักดิ์สิทธิ์ของหานเจวี๋ยค้นหาไปทั่วฟ้าบุพกาลอย่างรวดเร็ว เข้าครอบคลุมเอกภพและจักรวาลต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ตรวจสอบทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างทางด้วยความเร็วในระดับที่วิญญาณสามัญยากจะเข้าใจได้
ภาพเหตุการณ์นับไม่ถ้วนวาบผ่านเข้ามาในสมองของหานเจวี๋ย
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งนาที ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ค้นพบอาณาเขตลับที่หานทั่วอยู่แล้ว
อาณาเขตนี้ถูกปิดกั้นด้วยผนึกลึกลับอันแข็งแกร่ง ไม่แปลกเลยที่จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายจะบอกว่าหนีไม่ได้
หานเจวี๋ยเพ่งสายตา ยกมือขวาขึ้น ชี้นิ้วออกไป ปลายนิ้วชี้ไปยังทิศทางที่หานทั่วอยู่
รัศมีน่าหวาดผวาอย่างหนึ่งแพร่กระจายออกมา เหล่าอริยชนตกใจจนสีหน้าแปรเปลี่ยน ต่างมองไปที่หานเจวี๋ยทันที
น่ากลัวเหลือเกิน…
จอมอริยะเสวียนตูตกใจจนอกสั่นขวัญผวา
รัศมีนี้…
เขานึกถึงท่านอาจารย์ของเขาขึ้นมาทันที
ที่แท้ความรู้สึกก่อนหน้านี้ของเขาก็เป็นความจริง หานเจวี๋ยแข็งแกร่งเท่าอาจารย์ของเขาจริงๆ!
มิน่าเล่าทุกครั้งที่หานเจวี๋ยออกโรง มักจะเอาชนะศัตรูได้อย่างง่ายดายเสมอ!
ที่แท้เขาคืออริยะมหามรรค!
อริยะที่เหลือต่างไม่ได้นึกถึงจุดนี้เลย พวกเขาเพียงจ้องมองหานเจวี๋ยอย่างเปี่ยมด้วยความนับถือ
หลี่เต้าคง ฟางเหลียงและหวงจุนเทียนรวมถึงอริยะทั้งหมดที่ถูกคุกสวรรค์อนธการสยบทาสล้วนแต่มองหานเจวี๋ยอย่างชื่นชมบูชา
ดวงตาของสือตู๋เต้าเองก็ฉายแววแปลกๆ เช่นกัน
หานเจวี๋ยอยู่ระดับใดกันแน่
ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกมาจากนิ้วของหานเจวี๋ยทันที พุ่งเข้าสู่แดนต้องห้ามอันธการในทันใด ก่อนเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ!
ทุกครั้งที่หานเจวี๋ยทะลวงระดับล้วนจะยกระดับพลังวิเศษมรรคกระบี่ของตน พลังวิเศษนี้ยกระดับขึ้นเป็นระดับมหามรรคแล้วเช่นกัน แน่นอนว่าเพียงแค่มีความทรงพลังระดับมหามรรคเท่านั้น ไม่ได้มีความมหัศจรรย์พันลึกอย่างที่พลังวิเศษมหามรรคขนานแท้ควรจะมี
หานเจวี๋ยใช้วิชาผสานร่างจำลองผสานพลังของร่างจำลองมากมายเข้าด้วยกัน ถ่ายทอดเข้าไปในดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ ในบรรดานั้นมีพลังของเทพมารข้ามภพ เทพมารแยกฟ้า เทพมารพังทลาย เทพมารกาลเวลา เทพมารห้วงมิติและเทพมารฤทธารวมอยู่ด้วย
การโจมตีนี้ เจาะทะลวงมิติหวงห้ามลึกลับแห่งนั้นได้อย่างแน่นอน เปิดโอกาสให้พวกจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายหนีเอาชีวิตรอด!
….
ในห้วงดาราสีเลือด จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย หานทั่ว อี๋เทียนและโจวฝานรวมถึงแม่ทัพหลายสิบนายรวมตัวกันบนสะเก็ดหินขนาดใหญ่ยักษ์ วงแสงขนาดใหญ่วงหนึ่งโอบล้อมห่อหุ้มพวกเขาไว้ ช่วยพวกเขาสกัดกั้นการโจมตีจากทุกทิศทาง
พวกเขาจ้องมองศึกใหญ่ระหว่างเทพจักรพรรดิอัปมงคลและเทพมารฟ้าบุพกาลที่อยู่ห่างไกลออกไป
เชื้อสายของเทพมารฟ้าบุพกาลมีมากมายเนืองแน่น มาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับฝูงมดรุมช้าง ปีนป่ายคืบคลานไปบนร่างของเทพจักรพรรดิอัปมงคล เป็นฉากที่น่าสยดสยองอย่างถึงที่สุด
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายถอนหายใจ มองไปที่หานทั่ว เอ่ยขึ้นว่า “เมื่อครู่เราเข้าฝันบิดาเจ้า เราให้เขาเอ่ยสั่งเสียเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เขาหวังว่าเจ้าจะไม่ตายอย่างน่าอัปยศเกินไป”
หานทั่วได้ฟังก็มีท่าทางฮึกเหิมขึ้นมา ความหวาดกลัวและสิ้นหวังในดวงตาเลือนหายไปทันที
คำพูดของหานเจวี๋ยคล้ายจะเพิ่มพลังเฮือกสุดท้ายให้เขา ทำให้เขากระปรี้กระเปร่าขึ้นมา
อี๋เทียนมองหานทั่วด้วยความอิจฉา ก่อนตายยังมีญาติใกล้ชิดมาบอกลา นี่คือเรื่องที่เขาใฝ่ฝันหามากที่สุดแต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้นที่สุด
โจวฝานก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาราวกับถูกฉีดเลือดไก่ เขาลุกขึ้นมาทันที ตะโกนกร้าวว่า “ถูกต้อง! อาจารย์ข้ากล่าวถูกแล้ว! นี่คือเส้นทางที่พวกเราเลือก ในเมื่อต้องสู้ เช่นนั้นก็สู้ตายเถอะ จะมานั่งรอความตายอยู่ที่นี่ไปไย
“ถ้าจะตายก็ต้องตายอย่างเหนื่อยล้าสิ้นแรง มิใช่รอให้ศัตรูมาฉีกทึ้งพวกเรา!”
แม่ทัพนายพลแห่งเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่และเหล่าแม่ทัพสวรรค์ล้วนได้รับแรงกระตุ้น พากันลุกขึ้นมาคำรามกร้าว ปลุกขวัญตนเอง
สถานการณในปัจจุบันคือทางตันแล้ว ไม่มีผู้ใดมาช่วยเหลือพวกเขาได้!
บิดาของหานทั่ว อยู่ไกลออกไปในมรรคาสวรรค์ ไม่มีทางมาช่วยทัน
ระยะทางจากมรรคาสวรรค์มาที่นี่ห่างไกลมากเพียงใดเล่า ต่อให้เป็นครึ่งอริยะ ก็ยังไม่แน่ว่าจะเสาะหาเส้นทางสู่มรรคาสวรรค์พบ
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายได้รับแรงกระตุ้นจากพวกเขาด้วยเช่นกัน นึกถึงคำพูดของหานเจวี๋ย ถึงแม้จะไม่ได้พูดกับเขาก็ตาม
เหตุผลที่เขาเข้าฝันหานเจวี๋ย มิใช่เพราะอยากขอความช่วยเหลือ เดิมทีเขาอยากให้เทพมารมหามรรคหลบเร้นมาช่วยหานทั่วออกไป อย่างน้อยเขาจะได้ไม่ต้องรู้สึกละอายใจต่อหานเจวี๋ย แต่เทพมารมหามรรคหลบเร้นไม่สามารถช่วยได้ ทั้งยังบอกว่าหานเจวี๋ยมีพลังวิเศษสายอัญเชิญ อาจจะสามารถไปช่วยเหลือบุตรชายด้วยตัวเองได้
น่าเสียดาย คำพูดของหานเจวี๋ยชี้ชัดแล้วว่าเขาก็มาช่วยเหลือบุตรชายไม่ได้เช่นกัน
ถึงอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี!
เช่นนั้นก็ต้องตายอย่างยิ่งใหญ่ฮึกเหิม!
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายลุกขึ้นมาทันที ปราณมังกรปะทุออกมากลายเป็นมังกรทองเก้าตัว พุ่งทำลายวงแสง ตอนนี้ปราการด่านสุดท้ายของพวกเขาไม่เหลืออยู่แล้ว มีแต่ต้องสู้ตายเท่านั้น
“เหล่าผู้กล้าวังสวรรค์เอ๋ย! เราผิดต่อพวกเจ้า เราทำได้เพียงร่วมพลีชีพไปพร้อมกับพวกเจ้า!”
เสียงของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายก้องไปทั่วห้วงดารา
เหล่าทหารสวรรค์ล้วนตาแดงเรื่อขึ้นมา
พวกเขาไม่กล่าวโทษจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเลย กลับรู้สึกภาคภูมิใจไร้ซึ่งความเสียใจ!
ทุกครั้งที่ออกศึก จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายล้วนไปกับพวกเขาด้วย ไม่เคยรอชมศึกอยู่ด้านหลังเลย ไม่เคยหวั่นเกรงความตาย!
ได้ติดตามเจ้านายเช่นนี้ พวกเขาไม่นึกเสียใจเลย!
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า…”
เหล่าทหารสวรรค์โห่ร้องขึ้นมา ถึงแม้จะเหลือคนไม่มาก แต่ขวัญกำลังใจกลับกล้าแกร่งยิ่ง
เหล่าแม่ทัพแห่งเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่ก็ถูกปลุกเร้าความฮึกเหิมขึ้นมาเช่นกัน ต่างพร้อมรับความตาย ถึงตายก็ไม่เสียดาย!
โจวฝานอัญเชิญเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่
ในเวลานี้เอง!
แรงกดดันรุนแรงน่าหวาดหวั่นกดทับลงมา ทำให้เสียงตะโกนหยุดลงในชั่วพริบตา
จู่ๆ เทพจักพรรดิอัปมงคลและเทพมารฟ้าบุพกาลที่กำลังต่อสู้กันอยู่ก็หยุดมือ ราวกับภาพเคลื่อนไหวถูกหยุดกะทันหัน
พวกเขาพากันเงยหน้าขึ้น มองไปทางด้านหลังของพวกจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย
เมื่อรับรู้ถึงสายตาของพวกเขา พวกจักรพรรดิสวรรค์ล้วนตกใจกลัว เมื่อเผชิญกับสายตาของอริยะมหามรรค พวกเขาอยากจะทนรับไหว
ตูม!
หลังจากพวกจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย โจวฝาน หานทั่วและอี๋เทียนได้ยินเสียงระเบิดดังแว่วสะเทือนแก้วหู พวกเขาคิดจะหันไปมองตามสัญชาตญาณ ทว่ายังไม่ทันได้หันไปมอง ปราณกระบี่น่าหวาดหวั่นสายหนึ่งก็พุ่งผ่านเหนือหัวพวกเขาไป รัศมีอันรุนแรงแสนเผด็จการโจมตีใส่เทพมารฟ้าบุพกาล
ทหารเทพมารทั้งหมดที่อยู่ระหว่างทางล้วนถูกปราณกระบี่กวาดพัดสลายเป็นเถ้าธุลีปลิดปลิวไป!
พวกจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายต่างเบิกตากว้าง มองปราณกระบี่แทงทะลุร่างของเทพมารฟ้าบุพกาล
ห้วงดาราสีเลือดเสมือนถูกปราณกระบี่กรีดแยกเป็นช่องสีขาวเส้นหนึ่ง แบ่งแยกฉากตรงหน้าพวกเขาออกเป็นสองส่วน
น่าตื่นตะลึง!
ตระการตายิ่ง!
พวกเขาตกใจจนนิ่งทื่อไปหมด สมองว่างเปล่าขาวโพลน
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายตอบสนองว่องไวที่สุด ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ หันกลับมาทันที
มองเห็นโพรงดำมืดขนาดใหญ่มโหฬารแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลัง เชื่อมต่อกับห้วงอวกาศอีกแห่ง
“หนีเร็ว! ผนึกถูกทำลายแล้ว!”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายตะโกนเสียงดังลั่น ทำให้ทุกคนได้สติ
พวกเขาพากันหันหลังกลับ พุ่งเข้าสู่โพรงดำมืด หลบหนีออกจากห้วงดาราสีเลือดอย่างรวดเร็ว
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายหันกลับมามอง เทพจักรพรรดิอัปมงคลฉวยโอกาสที่เทพมารฟ้าบุพกาลได้รับบาดเจ็บ โจมตีใส่ทันที
ปราณกระบี่นั้น…
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายมีสีหน้าราวกับไม่อยากจะเชื่อ
ความคิดใจกล้าอย่างหนึ่งผุดขึ้นมาในสมองของเขา ทำให้เขาได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจว่าเป็นไปได้อย่างไร!
หานเจวี๋ย!
เป็นกลิ่นอายของหานเจวี๋ย!
เหตุใดเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนี้
โจมตีทำลายผนึกได้ในครั้งเดียวอย่างที่เทพมารมหามรรคหลบเร้นไม่อาจทำได้ ซ้ำยังทำร้ายเทพมารฟ้าบุพกาลได้อีกหรือ
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายรู้สึกว่ามุมมองความเข้าใจของตนถูกหานเจวี๋ยล้มล้างลงอีกครั้ง
ครั้งแรกคือตอนที่เห็นพรสวรรค์ของหานเจวี๋ย
ครั้งนี้ก็คือตอนที่เห็นพลังของหานเจวี๋ย
คนอื่นๆ ที่รอดชีวิตจากหายนะ ล้วนตื่นเต้นกันยิ่ง
อี๋เทียนอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา “มารดามันเถอะ! ฟ้าเปิดช่องให้หนีรอดมาได้ทุกครั้งเช่นนี้เลยหรือ นี่มันกี่ครั้งแล้ว! ฝ่าบาท ผู้ทรงพลังที่หนุนหลังท่านอยู่แข็งแกร่งเกินไปแล้วกระมังพ่ะย่ะค่ะ! ทำได้ทุกอย่างเลย!”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายยิ้มอย่างขมขื่น
ใช่ผู้ทรงพลังเบื้องหลังเขาเสียที่ไหน
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็น…
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายอดมองหานทั่วไม่ได้
หานทั่วรับรู้ถึงสายตาของเขา หนังตากระตุกยิกๆ
หรือว่า…
………………………………………………………………