บทที่ 720 ตัวตนของมิ่ง
หืม
คนผู้นี้เป็นบ้าหรือ
หานเจวี๋ยมองแจ้งเตือนระดับความเกลียดชัง ไม่แสดงสีหน้าใดๆ เขาพยักหน้าให้สวีตู้เต้านิดๆ จากนั้นก็นั่งลงข้างๆ จอมอริยะเสวียนตู
อริยะทั้งหมดล้วนนั่งกันเรียบร้อยแล้ว
จอมอริยะเสวียนตูเปิดปากเอ่ย “ระยะนี้มีผู้ทรงพลังลึกลับนามว่ามิ่งปรากฏตัวขึ้นในฟ้าบุพกาล ช่วงนี้เรืองอำนาจ ประกาศว่าจะถล่มมรรคาสวรรค์ให้ราบภายในหนึ่งแสนปี พวกเราจำเป็นต้องเตรียมการรับมือล่วงหน้า”
เมื่อเอ่ยมาเช่นนี้ เหล่าอริยะได้ฟังก็ล้วนแตกตื่น
“ถล่มมรรคาสวรรค์ให้ราบเช่นนั้นหรือ เขาเป็นผู้ใดกัน โอหังถึงเพียงนี้!”
“น่าขัน แดนเทพหวนปัจฉิมยังทำไม่ได้เลย เขาอาศัยสิ่งใดถึงกล้าพูดจาเหิมเกริม”
“คนผู้นี้มีความเป็นมาอย่างไร”
“มิ่งเช่นนั้นหรือ”
“มรรคาสวรรค์แตกต่างไปจากในอดีตแล้ว หากเขากล้ามา ก็ถือโอกาสสร้างความประหลาดใจให้ฟ้าบุพกาลได้พอดี!”
ถึงแม้เหล่าอริยะจะตกใจ ทว่าก็ไม่ได้ตระหนกลนลาน
มรรคาสวรรค์มีความพิเศษเฉพาะตัว ตัวตนที่อยู่ในระดับอริยะขึ้นไปไม่สามารถบุกเข้ามาได้ หากต้องการโจมตีมรรคาสวรรค์ ก็ทำได้เพียงส่งสิ่งมีชีวิตที่อยู่ต่ำกว่าระดับอริยะเข้ามาโจมตี ทำลายดวงชะตามรรคาสวรรค์ ทำให้ล่มสลาย ผู้ทรงพลังถึงจะสามารถเข้ามาได้
หานเจวี๋ยไม่ได้ร่วมวิจารณ์ด้วย เพียงรับฟังคำพูดของเหล่าอริยะอย่างสงบ
ถึงแม้เขาจะไม่ได้มองสวีตู้เต้าอยู่ ทว่ากำลังลอบสังเกตสวีตู้เต้า
สวีตูเต้าเกิดความเกลียดชังต่อตัวเขาในระดับ 2 ดาวอย่างไม่มีสาเหตุ ช่างประหลาดนัก
หานเจวี๋ยนึกถึงมิ่งขึ้นมาเป็นอันดับแรก
คนผู้นี้จะเกี่ยวข้องกับมิ่งหรือไม่
คงไม่บังเอิญขนาดนั้นกระมัง
หานเจวี๋ยลองใช้แบบจำลองการทดสอบตรวจสอบดู ในคำแนะนำตัวของสวีตู้เต้าไม่มีข้อมูลที่บ่งบอกว่าเกี่ยวข้องกับมิ่งเลย
‘ข้าอยากรู้ว่าสวีตู้เต้ามีความเกี่ยวข้องหรือมีการติดต่อกับภายนอกมรรคาสวรรค์หรือไม่’ หานเจวี๋ยถามไปเช่นนี้
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสามพันปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ใช่]
ว่าแล้วเชียว!
หานเจวี๋ยทำนายต่อไป
‘สวีตู้เต้าติดต่อกับผู้ใด’
[ไม่สามารถทำนายได้ ไม่ปรากฏบ่วงกรรมนี้]
หานเจวี๋ยลอบยิ้มแล้ว
มิ่งสามารถปกปิดบ่วงกรรมของตนได้ แต่ไม่สามารถปกปิดความจริงที่สวีตู้เต้าติดต่อกับเขาได้
สถานการณ์เป็นเช่นเดียวกับตอนที่หานเจวี๋ยถามจอมเทพข่งเซวี่ยว่าได้รับบาดเจ็บเพราะผู้ทรงพลังที่มาช่วยเทพมารต้องสาปหรือไม่ ถามผลลัพธ์ออกมาได้ แต่ถามถึงตัวตนที่แท้จริงของมิ่งไม่ได้
มิ่งเอ๋ย เจ้าช่างลึกลับเสียจริง
หากว่าหานเจวี๋ยไม่มีระบบ ไม่ทราบถึงทัศนคติที่อริยะมีต่อตน อาจจะถูกมิ่งวางแผนเล่นงานสำเร็จจริงๆ
หานเจวี๋ยยิ้มเยาะอยู่ในใจ ทว่าไม่ได้ลุกขึ้นมาเปิดโปงสวีตู้เต้าทันที
เขากำลังคิดว่าจะใช้ประโยชน์จากสวีตู้เต้าเพื่อทำความเข้าใจตัวตนของมิ่งอย่างไรดี
จะได้ทราบว่ามิ่งแข็งแกร่งแค่ไหน
จากนั้น จอมอริยะเสวียนตูก็เริ่มจัดแจงมอบหมายงาน
นอกจากหานเจวี๋ยแล้ว อริยะทั้งหมดล้วนถูกจัดสรรหน้าที่
จู่ๆ สวีตู้เต้าก็เอ่ยถามขึ้นมา “ผู้อาวุโสหานเล่า หากมรรคาสวรรค์ไร้ผู้อาวุโสหานคอยพิทักษ์ ข้าไม่มีความมั่นใจเลย”
เขาแสดงสีหน้ากังวล ราวกับกำลังเป็นห่วงมรรคาสวรรค์อยู่จริงๆ
เทพสูงสุดอู๋ฝ่าเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “เขาคืออาวุธลับ”
อริยะที่เหลือก็แสดงสีหน้าลุ่มลึกมีนัยเช่นกัน
คิดจะมาเล่นเล่ห์ต่อหน้าเหล่าอริยะ สวีตู้เต้ายังอ่อนหัดเกินไป
ผานซินก็มิใช่คนมุทะลุเช่นแต่ก่อนแล้ว มองเจตนาของสวีตู้เต้าออกเช่นกัน อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าอับอาย ถลึงตาใส่สวีตู้เต้าคราหนึ่ง ตำหนิว่า “สหายเต๋าหานจะทำอะไร ไหนเลยต้องให้อริยะใหม่อย่างเจ้ามาจู้จี้”
สวีตู้เต้าเอ่ยด้วยความยำเกรง “ข้ามิได้จู้จี้ ข้าได้ยินตำนานเล่าขานของอริยะสวรรค์เกรียงไกรเปี่ยมกุศล มิใช่เพียงข้าเท่านั้น ในใจของสรรพสิ่ง ผู้อาวุโสหานคือเทพพิทักษ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมรรคาสวรรค์”
จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยว่า “เอาล่ะ อยู่ในสภาวะวิกฤต อย่ามาขุ่นข้องกันเองเลย”
เหล่าอริยชนพยักหน้ารับ
หานเจวี๋ยนิ่งเงียบอยู่ตลอด ใบหน้าเจือรอยยิ้มไว้เล็กน้อย ดูเข้าถึงง่ายยิ่งนัก
สวีตู้เต้าไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาลอบตระหนกอยู่ในใจ
‘เหตุใดเหล่าอริยะล้วนปกป้องเขาเล่า เป็นเพราะกริ่งเกรงหรือ แต่ในมรรคาสวรรค์ อริยะเป็นอมตะมิวางวาย ไม่จำเป็นต้องเอาใจเขาเลย’
สวีตู้เต้าไม่เข้าใจ
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าแวดวงอริยะไม่ได้ซับซ้อนเท่าที่คิดไว้
สาเหตุที่มรรคาสวรรค์พัฒนาได้เร็วขนาดนี้ เป็นเพราะอริยะสมัครสมานปรองดอง!
แล้วเหตุใดถึงสมัครสมานกันได้เล่า
เพราะล้วนเชื่อฟังหานเจวี๋ยเช่นนั้นหรือ
จอมอริยะเสวียนตูให้ผานซินรายงานสถานการณ์ของเส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาล
“เส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาลสมบูรณ์แบบแล้ว ต่อให้เป็นอริยะมหามรรคก็ไม่สามารถทำลายได้ จำนวนสิ่งมีชีวิตที่มุ่งหน้ามาในแต่ละวันมีจำนวนเกินพันล้าน ถึงขั้นที่ดึงดูดสิ่งมีชีวิตจากมรรคาสวรรค์น้อย ดินแดนและห้วงมิติห่างไกลอื่นๆมาเข้าร่วมมรรคาสวรรค์ด้วย…”
ผานซินบอกเล่าออกมาอย่างต่อเนื่องไม่รู้จบ ความภาคภูมิใจที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้าเข้มข้นยิ่งขึ้น
เส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาลได้รับการสนับสนุนจากเขาเพียงคนเดียว ยามนี้เส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาลเริ่มช่วยเพิ่มดวงชะตาให้มรรคาสวรรค์ได้ เขาย่อมมีความดีความชอบเพียงคนเดียว!
เมื่อผานซินรายงานจบ สือตู๋เต้าก็กล่าวขึ้นว่า “ข้าก็จะมุ่งหน้าไปที่เส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาลด้วย ถือโอกาสประลองฝีมือกับเหล่ายอดฝีมือฟ้าบุพกาล ได้ยินว่าในฟ้าบุพกาลมีผู้ที่อาศัยพลังพิสูจน์มรรคและสังเวยสามศพพิสูจน์มรรคมากมาย”
หลี่เต้าคงเอ่ยตามขึ้นว่า “เช่นนั้นข้าจะไปด้วย!”
สือตู๋เต้ากลอกตา ร้องด่าเขา “เจ้าจะตามตอแยข้าไปถึงเมื่อไร เจ้าไม่มีทางสู้ข้าได้!”
หลี่เต้าคงหัวเราะฮ่าๆ ไม่ได้เอ่ยตอบ
เหล่าอริยะเห็นจนชินแล้ว หานเจวี๋ยก็ไม่ได้สอดมือเข้ายุ่ง หากเขาพูดจะเป็นการใช้อำนาจข่มผู้อื่น หรือไม่ก็ทำให้หลี่เต้าคงได้รับความคับข้องหมองใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เหมาะทั้งสิ้น
ยิ่งไปกว่านั้นคือการต่อสู้ของทั้งสองก็เป็นไปในเชิงบวก ความจริงแล้วสือตู๋เต้าก็สนุกกับการต่อสู้เช่นกัน หากไม่มีหลี่เต้าคง เขาไหนเลยจะมีการพัฒนาอยู่ตลอด
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เหล่าอริยะต่างก็แยกย้ายกันไป
จู่ๆ หานเจวี๋ยก็ยิ้มแล้วเอ่ยกับสวีตู้เต้าว่า “เห็นแก่ที่เจ้าห่วงใยมรรคาสวรรค์ยิ่งนัก มาที่อาณาเขตเต๋าของข้าเถอะ ข้าจะเทศนาธรรมแก่เจ้า ยกระดับความสามารถเจ้า วันหน้าจะได้ทำงานเพื่อมรรคาสวรรค์”
สวีตู้เต้าได้ฟังก็รู้สึกประหลาดใจ รีบตอบตกลงทันที
อริยะที่เหลือมีปฏิกิริยาแตกต่างกันไป จอมอริยะเสวียนตูมีสีหน้าแปลกพิกลที่สุด
หานเจวี๋ยโบกแขนเสื้อ พาสวีตู้เต้าไปที่เขตเซียนร้อยคีรี
เมื่อเข้าสู่อารามเต๋า สวีตู้เต้ากำลังจะอ้าปากพูด หานเจวี๋ยก็สะกดเขาไว้ทันที ผนึกจิตรับรู้ของเขา
เวลาผ่านไป
หนึ่งพันปีผ่านไปในชั่วพริบตา
[คุกสวรรค์อนธการสยบทาสสำเร็จ]
[สวีตู้เต้าเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้เต็มขั้นดาวแล้ว]
สวีตู้เต้าลืมตาขึ้น ทำความเคารพหานเจวี๋ยอย่างนอบน้อม
หานเจวี๋ยถาม “ผู้ใดในฟ้าบุพกาลที่ติดต่อมาหาเจ้า”
สวีตู้เต้าตอบ “มิ่งขอรับ เป็นตัวตนลึกลับท่านหนึ่ง ข้าก็ไม่ทราบตัวตนที่แท้จริงของเข้า เขารับปากข้าว่าหลังจากทำลายล้างมรรคาสวรรค์ เขาจะให้ข้าขึ้นเป็นเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์”
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
สวีตู้เต้าก็ไม่ทราบตัวตนที่แท้จริงของมิ่งอย่างนั้นหรือ
“เจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย เหตุใดถึงเชื่อเขา” หานเจวี๋ยถามด้วยความไม่เข้าใจ
สวีตู้เต้าตอบว่า “ข้าเคยเข้าสู่เส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาล ท่องไปในฟ้าบุพกาล เคยประจักษ์ในพลังของเขา เขาน่ากลัวจริงๆ ขอรับ ข้าเห็นเขาสยบเทพมารฟ้าบุพกาลตนหนึ่งมาด้วยตาตนเอง…”
เขาแสดงสีหน้าหวาดกลัว
ดวงตาหานเจวี๋ยส่องประกาย
เขาซักถามรายละเอียดบางอย่างต่อ สวีตู้เต้าก็บอกทุกอย่างที่ตนรู้
สุดท้าย หานเจวี๋ยก็ให้สวีตู้เต้าทำตัวเหมือนเดิม แสร้งทำเป็นไม่ยอมสยบต่อหานเจวี๋ย
เขาส่งสวีตู้เต้าไปยังชั้นฟ้าที่สามสิบสาม จากนั้นก็เปิดใช้ความสามารถวิวัฒนาการ
‘ข้าอยากเห็นฉากการต่อสู้ที่สวีตู้เต้าเล่าเมื่อครู่นี้!’
หานเจวี๋ยคิดจะสาวไปหามิ่งตรงๆ สังเกตการณ์เขาผ่านมุมมองของเทพมารฟ้าบุพกาลตนนั้นและสวีตู้เต้า
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยเข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ
เมื่อเขาลืมตาขึ้น ก็ยืนอยู่ข้างๆ สวีตู้เต้าแล้ว
ร่างกายสวีตู้เต้าสั่นเทา ราวกับเปลวเทียนท่ามกลางสายลมโหมกระโชกที่พร้อมดับลงได้ทุกเมื่อ
หานเจวี๋ยทอดสายตามองออกไป มองเห็นแสงไฟส่ายไหวอยู่ในส่วนลึกของความมืดมิด ห้วงมิติพังทลาย แตกกระจายเป็นสะเก็ดแก้ว ล่องลอยอยู่ในห้วงอวกาศ สายฟ้าหลากสีตัดสลับวูบวาบ ละลานตายิ่ง
ลึกเข้าไปในท่ามกลางสายฟ้า มองเห็นเงาร่างสองสายกำลังต่อสู้กันอยู่รางๆ
………………………………………………………………