บทที่ 749 ดวงจิตมหามรรคไร้ข้อผูกมัด
หานเจวี๋ยไม่ทราบถึงความตกตะลึงในใจของอริยะเทพอวี๋เจี้ยน แต่ถึงทราบก็ไม่ใส่ใจอยู่ดี
ในเมื่อเปิดศึกแล้ว ก็ต้องสู้ตาย!
ฐานะของอีกฝ่ายก็คือผู้รุกราน!
หานเจวี๋ยไม่มีภาระทางจิตใจใดๆ ทั้งสิ้น ร่างจำลองเทพมารก่อตัวขึ้นเหนือศีรษะเขาเรื่อยๆ จากนั้นก็แทรกซึมเข้าสู่ร่างเขาอย่างต่อเนื่อง
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนส่งกระบี่คู่ออกไป กระบี่ทั้งสองเล่มตัดไขว้พาดกันพุ่งไปทางหานเจวี๋ย ก่อตัวเป็นปราณกระบี่สองสายหมุนวนเป็นเกลียว
หานเจวี๋ยหลบได้สบายๆ ผลคือปราณกระบี่สองสายอ้อมวนเป็นวง พุ่งเข้ามาหาเขาอีกครั้ง
จุดสำคัญคือส่วนด้ามของปราณกระบี่ไม่ได้เคลื่อนที่เลย ราวกับเชือกสองเส้นที่ถูกดึงให้ยืดออก
หลังจากหลบอยู่หลายรอบ ปราณกระบี่อ้อมวนเป็นวงโอบล้อมหานเจวี๋ยไว้หลายรอบ
“ลูกไม้ตื้นๆ!”
สายตาของหานเจวี๋ยพลันหันเหไปทางอริยะเทพอวี๋เจี้ยน
ห้วงมิติบิดเบี้ยวรุนแรง!
ม่านตาอริยะเทพอวี๋เจี้ยนหดตัววูบ สบถในใจ ‘มหามรรคห้วงมิติ! แค่คล้ายคลึงกันจริงๆ น่ะหรือ’
สังขารของเขาสลายหายไปดั่งหมอกควัน กลายเป็นร่างแยกมากมายนับไม่ถ้วน เนืองแน่นเรียงราย กระจายอยู่ทั่วห้วงอวกาศเวิ้งว้างดั้งเดิม
หานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้น เคลื่อนย้ายอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้พลังของเทพมารห้วงมิติอีก แต่ใช้พลังของเทพมารข้ามภพ
ไร้รูปไร้เงา ไร้สุ้มไร้เสียง!
หานเจวี๋ยใช้พลังของเทพมารเห็นแจ้ง แยกแยะร่างจริงของอริยะเทพอวี๋เจี้ยนได้รวดเร็วยิ่ง จากนั้นก็ไปโผล่ด้านหลังอริยะเทพอวี๋เจี้ยน
เดิมทีอริยะเทพอวี๋เจี้ยนนึกสนุก อยากเห็นปฏิกิริยาของหานเจวี๋ย
กระบวนท่านี้ของเขายังไม่เคยมีใครแยกแยะได้มาก่อน ในอดีตตอนที่เผชิญหน้ากับดวงจิตมหามรรคโบราณ เขาก็อาศัยกระบวนท่านี้ยืดเวลาไปได้พักหนึ่ง
ทันใดนั้นเขารับรู้ได้ถึงบางอย่าง เหลียวมองตามสัญชาตญาณ
“ไม่ทันแล้ว!”
เสียงแจ่มชัดของหานเจวี๋ยแว่วเข้าหูเขา หางตาเขาเพียงเหลือบเห็นว่าหานเจวี๋ยกำลังซัดฝ่ามือซ้ายใส่ตน
โทสะเทพมารอนธการ!
โทสะเทพที่ผสานพลังของเทพมารสี่ร้อยตนไว้!
แข็งแกร่งกว่าโทสะเทพมารอนธการก่อนหน้านี้มากนัก!
ร่างจริงของอริยะเทพอวี๋เจี้ยนพลันถูกพลังเวทของหานเจวี๋ยทำลายล้างในทันใด ร่างแยกหลายร้อยล้านร่างก็สลายหายไปด้วย
แทบจะในชั่วพริบตานั้น หานเจวี๋ยก่อร่างจำลองเทพมารขึ้นใหม่อีกครั้ง ใช้วิชาผสานร่างจำลองต่อไป
อริยะมหามรรค พลังเวทมหาศาลไร้สิ้นสุด อย่าว่าแต่หานเจวี๋ยเลย แม้แต่อริยะเทพอวี๋เจี้ยนก็เป็นแบบนี้เช่นกัน หากต้องการสังหารศัตรู ก็ขึ้นอยู่กับระดับความแข็งแกร่งของพลังเวทและอิทธิฤทธิ์ของพลังวิเศษ
เมื่อโทสะเทพมารอนธการสลายไป อริยะเทพอวี๋เจี้ยนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในจุดที่ห่างออกไป เหลือเพียงร่างวิญญาณ สังขารยากจะฟื้นฟูกลับมาได้
เขามองหานเจวี๋ยด้วยความตื่นตะลึง
นี่คิดจะอาศัยโอกาสที่เขาบาดเจ็บเอาชีวิตเขากระมัง!
หานเจวี๋ยทะยานตัวขึ้นมาอีกครั้ง ใช้พลังแห่งกาลเวลาเร่งความเร็วในการผสานร่างจำลองเทพมารของเขา พอปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าอริยะเทพอวี๋เจี้ยนเขาก็ผสานพลังแห่งเทพมารเพิ่มอีกหลายสิบร่างแล้ว
เขาซัดฝ่ามือซ้ายออกไปอีกครั้ง!
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนถูกพลังของเทพมารพันธนาการตรึงไว้ ซ้ำรอบข้างยังมีพลังแห่งมหามรรคกาลเวลาอยู่ ขยับเขยื้อนไม่ได้เลย!!
ตูม…
ฝ่ามือซัดโดนร่างเขา พลังเวทระเบิดทะลวงห้วงอวกาศเวิ้งว้างดั้งเดิม!
วิญญาณอริยะเทพอวี๋เจี้ยนแตกแยกกระเจิดกระเจิง!
หานเจวี๋ยสัมผัสถึงกลิ่นอายของอริยะเทพอวี๋เจี้ยนไม่ได้ จึงรีบตรวจสอบโดยรอบทันที
ไม่ปรากฏข้อมูลของอริยะเทพอวี๋เจี้ยน!
ตายแล้วหรือ
หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว ในเวลานี้เอง แจ้งเตือนแถวหนึ่งเด้งขึ้นตรงหน้าเขา
[อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 2 ดาว]
หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว
หรือว่าคนผู้นี้จะเหลือไม้ตายอะไรเอาไว้ เลยไม่สิ้นชีพไปอย่างสมบูรณ์
ก็ถูกแล้ว อีกอย่างเขาก็ไม่ใช่ดวงจิตมหามรรค อดีตก็เคยพลาดท่ามาก่อน ต้องเหลือไม้ตายไว้แน่นอน
หานเจวี๋ยกลับไปที่มรรคาสวรรค์ทันที
เฮิ่นจียังคงถูกสะกดไว้ ขยับเขยื้อนไม่ได้
เมื่อเห็นหานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เฮิ่นจีตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
นางไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อครู่หานเจวี๋ยไปจัดการผู้ใดมา แต่จบลงรวดเร็วเช่นนี้ เพียงพอจะมองออกแล้วว่าอีกฝ่ายสร้างภัยคุกคามต่อเขาไม่ได้เลย
“ขอร้องเจ้าละเว้นข้าด้วยเถิด ข้าผิดไปแล้ว! ข้ายอมเป็นทาสรับใช้! ข้า…”
เฮิ่นจีขอร้องอ้อนวอนไม่หยุด
ชัดเจนยิ่งนัก นางชะล่าใจเกินไป ไม่ได้เผื่อหนทางถอยไว้ หากร่างนี้สิ้นชีพ นางก็ต้องตายด้วย
[เฮิ่นจีเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 6 ดาว]
หานเจวี๋ยทอดถอนใจอยู่ภายใน
หากไม่มีระบบเขาคงไม่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางความรู้สึกของเฮิ่นจี ถึงอย่างไรก็เป็นตัวตนในระดับเดียวกัน
น่าเสียดาย!
หานเจวี๋ยผสานพลังเทพมารอีกครั้ง เฮิ่นจีมองร่างจำลองเทพมารที่ก่อตัวขึ้นเหนือศีรษะของเขาอย่างต่อเนื่อง รู้สึกสิ้นหวัง อ้อนวอนขอชีวิตอย่างบ้าคลั่ง
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “หากอยู่ในสถานการณ์อื่น ข้าอาจจะยอมละเว้นเจ้า แต่พวกเจ้ารุกรานมรรคาสวรรค์ ข้าจำเป็นต้องทำลายล้างพวกเจ้า ทำให้ทั่วทั้งฟ้าบุพกาลตื่นตะลึง”
“เผ่าชิงชังก็จะตายไปกับเจ้าด้วยเช่นกัน!”
เมื่อพูดจบ หานเจวี๋ยซัดฝ่ามือออกไป
โทสะเทพอนธการที่ผสานพลังเทพมารหลายสิบร่างไว้ ทรงพลังมากพอจะทำลายล้างเฮิ่นจี!
ตูม!
พลังเวทพุ่งตัดออกไป เลือนหายไปในส่วนลึกของแดนต้องห้ามอันธการ มิติที่อยู่ระหว่างทางพังทลายย่อยยับ เป็นทางกว้างยาวยิ่งกว่าเส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาลเสียอีก ซ้ำยังเจิดจ้ายิ่งนัก
หานเจวี๋ยตรวจสอบรอบข้างอีกครั้ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีศัตรูที่แข็งแกร่งอยู่ เขาก็กระโจนกลับไปในอารามเต๋า
เหล่าอริยชนตะลึงงัน ยังไม่ได้สติกลับมา ทุกอย่างรวดเร็วเกินไปแล้ว!
“อริยะทั้งหมดจงกวาดล้างเผ่าชิงชังทันที! อย่าปล่อยให้รอดไปได้แม้แต่ดวงวิญญาณเดียว!”
เสียงของจอมอริยะเสวียนตูดังก้องไปทั่วมรรคาสวรรค์ น้ำเสียงเยือกเย็น ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตธรรมดาเมื่อได้ยินแล้วก็ยังเกิดจิตสังหารขึ้นมา
มหาอริยะสวีหุนลงมือทันที ก่อนหน้านี้ขายหน้าเกินไป จำเป็นต้องกู้หน้ากลับคืนมา
เมื่อไม่มีนักพรตเต๋าเสินเผาและเฮิ่นจี สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือฉากล้างบางฉากหนึ่ง
….
ภายในมิติลับ
เทพมารต้องสาปสั่นสะท้านไปทั้งตัว พึมพำว่า “ข้าว่าแล้ว… ข้าก็ว่าแล้ว…”
เขาไม่นึกโทษนักพรตเต๋าเสินเผา ในมุมมองของเขา นักพรตเต๋าเสินเผานับว่าวางแผนรัดกุมแล้ว เตรียมทางถอยไว้เป็นอย่างดี จนใจที่หานเจวี๋ยแข็งแกร่งเกินไป
ก่อนที่จะมีพลังแกร่งกล้าอย่างสมบูรณ์ แผนการใดๆ ล้วนไม่เป็นผลทั้งสิ้น
เทพมารต้องสาปถอนหายใจ หันหลังจากไป หายลับไปในความมืดมิดอย่างรวดเร็ว
อีกด้านหนึ่ง
หานเจวี๋ยนั่งลงบนบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร
ในจอค่าความสัมพันธ์ รูปประจำตัวของเฮิ่นจีหายไปแล้ว
เฮิ่นจีจำเป็นต้องตาย และจำเป็นต้องตายต่อหน้าฝูงชน เช่นนี้ถึงจะเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู คาดว่าคงมีผู้ทรงพลังมากมายในฟ้าบุพกาลกำลังสอดส่องอยู่ การตายของเฮิ่นจีข่มขู่พวกเขาได้!
อย่างไรก็ตามนักพรตเต๋าเสินเผากลับสามารถเก็บไว้ได้
ตอนนี้ วิญญาณของนักพรตเต๋าเสินเผาดิ้นรนอยู่ในห้วงมิติของเทพมารกลืนกิน เขาอ่อนแออย่างยิ่ง ยื้อได้อีกไม่นานแล้ว
หานเจวี๋ยส่งวิญญาณเข้าไปในมิติกลืนกิน สำแดงฝ่ามือผนึกสุญญตา ผนึกนักพรตเต๋าเสินเผาไว้ จากนั้นก็พาออกมาแล้วโยนใส่คุกสวรรค์อนธการ
ทันใดนั้นเขาพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ ถามในใจว่า ‘หากข้าทำให้นักพรตเต๋าเสินเผาสยบต่อข้า จะถูกตัวตนบางอย่างสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของคุกสวรรค์อนธการหรือไม่’
ก่อนหน้านี้หลังจากสยบทาสฉิวซีไหล หานเจวี๋ยได้รับความเกลียดชังจากโพธิสัตว์จุนที เขาจำเป็นต้องระวังไว้
คุกสวรรค์อนธการเป็นความสามารถที่น่ากลัวที่สุดของอาณาเขตเต๋า หากถูกเปิดเผย ไม่อาจจินตนาการผลลัพธ์ที่จะตามมาได้เลย
หานเจวี๋ยคิดดูเล็กน้อย หากเขาทราบว่าศัตรูสามารถสยบเขาเป็นทาสได้อย่างสมบูรณ์ เขาต้องพยายามหลบเลี่ยงแน่นอน หรือไม่ก็คิดหาทางสังหารทิ้ง!
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ไม่ ดวงจิตมหามรรคไร้ข้อผูกมัด]
หานเจวี๋ยโล่งอกแล้ว
จากความหมายของประโยคนี้เข้าใจได้ว่าไม่มีตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าทิ้งอุบายใดๆ ไว้บนตัวของนักพรตเต๋าเสินเผา
นักพรตเต๋าเสินเผานับว่าหลุดพ้นจากวังวนตัวหมาก
หานเจวี๋ยมองไปที่นักพรตเต๋าเสินเผา พลันรู้สึกว่าคนผู้นี้น่าคบหา
เมื่อมีคนผู้นี้และมหาอริยะสวีหุนอยู่ วันหน้าหากมีศัตรูรุกรานมรรคาสวรรค์อีก ก็ไม่จำเป็นต้องให้หานเจวี๋ยลงมือแล้ว
ในที่สุดเขาก็สามารถฝึกฝนอย่างสบายใจได้ รอคอยให้มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่มาเยือนอย่างสงบ
ในเวลานี้เอง
[อริยะเทพอวี๋เจี้ยนต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
หานเจวี๋ยเมินเฉย เกรงว่านักพรตเต๋าเสินเผาจะฟื้นขึ้นมากะทันหัน เขาจำเป็นต้องจับตามองอย่างเข้มงวด
………………………………………………………………