บทที่ 757 ไร้พ่ายเป็นอย่างไร!
หลังจากสิ้นสุดการทดลองในแบบจำลองการทดสอบหนึ่งร้อยครั้ง หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ดวงตาเปล่งประกาย
เวรเอ้ย!
สะใจจริงๆ!
เมื่อใช้โทสะเทพอนธการคู่กับสมบัติเลิศมรรคาอย่างขวานเบิกฟ้า กลายเป็นดั่งที่กล่าวว่าเทพขวางสังหารเทพ มารขวางสังหารมาร!
หานเจวี๋ยท้าประลองกับคนทั้งหมดในแบบจำลองการทดสอบ ฆ่าได้ทั้งหมด!
ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งอย่างอริยะเทพอวี๋เจี้ยนตอนนี้ก็ต้านขวานของเขาไม่อยู่แล้ว!
โดยเฉพาะหลังจากเขาผสานรวมกับพลังเทพมารแปดร้อยสี่สิบเก้าร่าง จากนั้นก็ใช้ขวานเบิกฟ้าสำแดงโทสะเทพอนธการ ก็นับว่าไร้พ่ายเลยทีเดียว
หานเจวี๋ยลำพองตัวแล้ว
เขาถึงขั้นที่คิดว่าตนสามารถสู้กับยอดมหามรรคได้!
ไม่ได้การแล้ว!
ต้องสงบใจสักหน่อย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป มรรคจิตจะไม่มั่นคง
หานเจวี๋ยใช้งานแบบจำลองการทดสอบอีกครั้ง ท้าสู้อริยะเทพอวี๋เจี้ยนหนึ่งร้อยคนด้วยตัวคนเดียว
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เขาลืมตาขึ้น
ครั้งนี้เขาใจเย็นลง
เขายังไม่ถึงกับไร้พ่ายในระดับเดียวกันอย่างแท้จริง
ในมุมมองของเขา ไร้พ่ายในระดับเดียวกันอย่างแท้จริงคือ ไม่ว่าจะมีศัตรูระดับเดียวกันมากน้อยเพียงใด ก็สามารถเอาชนะทั้งหมดได้อย่างสบายๆ
จำนวนศัตรูมิใช่ปัจจัยที่จะส่งผลต่อการเป็นผู้ไร้พ่าย
หากส่งผลกระทบ นั่นคือยังมิใช่ผู้ไร้พ่าย!
หานเจวี๋ยเริ่มตรวจดูจดหมาย เบี่ยงเบนความสนใจ
[เต้าจื้อจุนศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารปีศาจลึกลับ] x890002324
[จ้าวเซวียนหยวนศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารปีศาจลึกลับ] x698310283
[เจียงอี้สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารปีศาจลึกลับ] x699043221
[เทพมารต้องสาปศัตรูคู่อาฆาตของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจอมเทพข่งเซวี่ยสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[หานทั่วบุตรชายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[หานทั่วบุตรชายของท่านทำความเข้าใจพลังวิเศษ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[ฉู่ซื่อเหรินศิษย์หลานของท่านบุกเบิกสรรค์สร้างมหามรรคพุทธคุณขึ้น พิสูจน์มรรคผลเบิกฟ้า ดวงชะตาพูน]
[นักพรตเต๋าเสินเผาสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]
[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านได้รับเทศนาธรรมจากซูฉีศิษย์ของท่าน พลังมรรคเพิ่มมหาศาลฉับพลัน]
….
ใจเย็นๆ เอาไว้!
เจ้าตัวไม่ได้เรื่องสามคนนั้นเอาแต่ถูกทุบตีมาหลายแสนปีแล้ว ที่สำคัญคือพวกเขายังพิสูจน์มรรคไม่สำเร็จเลย
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด
ฉู่ซื่อเหรินกลับมาแรงแซงทางโค้ง สำเร็จเป็นอริยะแล้ว
อย่างไรก็ตามเขาสรรค์สร้างมหามรรคได้อย่างไร
ซ้ำยังเป็นมหามรรคพุทธคุณด้วย โพธิสัตว์เจียอิ๋นจับสัมผัสไม่ได้บ้างเลยหรือ
หรือว่ากล่าวอีกนัยคือ มหามรรคของโพธิสัตว์เจียอิ๋นมิใช่พุทธคุณกัน
หานเจวี๋ยเกิดความสนใจตัวฉู่ซื่อเหรินขึ้นมา นี่คือศิษย์คนแรกในสายของเขาที่สรรค์สร้างมหามรรคได้ ช่างเลิศล้ำโดยแท้
เขาคิดมาตลอดว่าคุณสมบัติของฉู่ซื่อเหรินยอดเยี่ยมมาก มิใช่คุณสมบัติด้านกายภาพ แต่เป็นความเข้าใจ สำหรับฉู่ซื่อเหรินแล้วการฝึกบำเพ็ญมิใช่เรื่องยากเลย ดังนั้นอีกฝ่ายถึงได้ไม่ไยดีการบำเพ็ญถึงเพียงนั้น
‘หรือในอนาคตข้างหน้าศิษย์ในสายของข้าที่จะประสบความสำเร็จสูงสุดก็คือเขา’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ
พลันนึกถึงว่าหากฉู่ซื่อเหรินพิสูจน์มหามรรคสำเร็จแล้วตระเวนกล่อมให้ผู้คนละทิ้งการบำเพ็ญไปทั่ว…
หากว่าเด็กคนนี้กลายเป็นผู้ไร้พ่าย ไม่แน่ว่าแม้แต่อาจารย์ปู่อย่างเขาก็อาจจะถูกกล่อมให้ละทิ้งการบำเพ็ญเช่นกัน…
หานเจวี๋ยนึกถึงฉากนั้นขึ้นมาก็พานให้รู้สึกหวาดกลัวนัก
ไม่ได้!
จะปล่อยให้ฉู่ซื่อเหรินไล่ตามมาทันไม่ได้เด็ดขาด ความคิดของเด็กคนนี้มีปัญหา
หานเจวี๋ยก็แค่คิดเท่านั้น ต่อให้คุณสมบัติของฉู่ซื่อเหรินเลิศล้ำแค่ไหน แต่จะสามารถเทียบกับเทพมารอนธการอย่างเขาได้อย่างไร
เขาไล่อ่านจดหมายต่อไป
มีสีสันขึ้นเรื่อยๆ
ระยะนี้ความเคลื่อนไหวของวังสวรรค์คล้ายจะใหญ่โตยิ่งนัก แม้แต่โจวฝานก็ออกรบไปทั่วเช่นกัน
ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังอ่านอย่างได้อรรถรสนั้น เสียงของจอมอริยะเสวียนตูก็ดังแว่วเข้ามา “สหายเต๋าหาน โปรดมาที่ตำหนักเอกภพสักเที่ยวเถอะ”
บังเอิญหานเจวี๋ยอยู่ว่างพอดี จึงเคลื่อนย้ายไปยังชั้นฟ้าที่สามสิบสาม เข้าสู่ตำหนักเอกภพ
เขาเดินเข้าไปตรงๆ ค่ายกลอาณาเขตเต๋าเสมือนไร้ตัวตนสำหรับเขา
จอมอริยะเสวียนตูเคยชินกับความไร้มารยาทของเขาแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกไม่ดีอันใด
ไม่นานนัก อริยะรายอื่นก็มาถึง
เทพสูงสุดหนานจี๋ เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย เทพสูงสุดอู๋ฝ่า ฉิวซีไหล ฟางเหลียง หวงจุนเทียน จิ้นเสิน สวีตู้เต้า ซูฉี หลี่ไท่กู่ บรรพชนพุทธเบิกนภา จั้งกูซิงและหลงเฮ่า
เมื่อหลงเฮ่าได้พบหานเจวี๋ย เขาตื่นเต้นอย่างยิ่ง คุกเข่าทำความเคารพทันที
บรรพชนพุทธเบิกนภากลับควบคุมตัวเองได้ดียิ่ง ตอนนี้เขายังมีฐานะเป็นสายลับอยู่ ไม่อาจออกอาการให้ฉิวซีไหลสังเกตเห็นได้
ส่วนจั้งกูซิงพอเห็นหานเจวี๋ย รู้สึกราวกับอยู่กันคนละโลก
เขาทราบดีว่าเหตุใดตนถึงพิสูจน์มรรคได้ จริงอยู่ที่วังเทพพัฒนาไปได้ด้วยดี ดึงดูดบุตรแห่งสวรรค์ได้มหาศาลยิ่ง จัดอยู่ในทำเนียบสิบลำดับแรกของแดนเซียน ก่อนจะพิสูจน์มรรคตัวเขาก็อยู่ในลำดับต้นๆ ของทำเนียบดวงชะตามรรคาสวรรค์เช่นกัน แต่ตำแหน่งอริยะไม่มีทางได้มาง่ายๆ ปานนั้น มีครึ่งอริยะมากน้อยเพียงใดเล่าที่หมายตาอยู่
เทพสูงสุดอู๋ฝ่าบอกเขาตรงๆ ว่าที่เลือกเขา เป็นเพราะเห็นแก่ที่เขามีบ่วงกรรมเกี่ยวข้องกับหานเจวี๋ย
มรรคาสวรรค์ในอนาคตจะเป็นมรรคาสวรรค์แซ่หาน เทพสูงสุดอู๋ฝ่าต้องการให้จั้งกูซิงร่วมมือกับเขา ปีนป่ายขึ้นไปภายใต้สังกัดของหานเจวี๋ยด้วยกัน พยายามเพื่อให้ได้รับอำนาจและความไว้วางใจจากหานเจวี๋ยให้มากขึ้น
เมื่ออำนาจรวมเป็นหนึ่ง จะเกิดการแย่งชิงอำนาจขึ้น จุดนี้ปรากฏให้เห็นได้เด่นชัดที่สุดในราชวงศ์ของโลกมนุษย์
หานเจวี๋ยให้หลงเฮ่าลุกขึ้น จากนั้นก็พยักหน้าให้จั้งกูซิงเล็กน้อย นับว่าเป็นการทักทาย
ส่วนบรรพชนพุทธเบิกนภา เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้จัก
บรรพชนพุทธเบิกนภาก็เข้าใจในทันใด
นายท่านต้องการให้ข้าเสแสร้งต่อไปกระมัง
หลังจากเหล่าอริยะนั่งลงเรียบร้อยแล้ว จอมอริยะเสวียนตูก็เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “นักพรตเต๋าเสินเผายังไม่ตาย ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งเอาชนะดวงจิตมหามรรครายหนึ่งที่ต้องการมายึดครองอาณาเขตของเขา ศึกนี้สั่นสะเทือนไปทั่วฟ้าบุพกาล”
เมื่อเหล่าอริยะได้ยินต่างมองไปที่หานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยตอบอย่างเฉยเมย “ไม่จำเป็นต้องกังวล นักพรตเต๋าเสินเผาไม่มีทางมารุกรานมรรคาสวรรค์อีก”
เหล่าอริยะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เทพสูงสุดอู๋ฝ่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากข้าเป็นเขา ก็ไม่กล้าเช่นกัน”
ฉิวซีไหล เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยและฟางเหลียงล้วนทราบความจริงดี พากันพยักหน้ารับ
สีหน้าของจอมอริยะเสวียนตูก็ผ่อนคลายลงเช่นกัน
หลี่ไท่กู่พลันเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสหาน หรือว่าอริยะมหามรรคจะเป็นอมตะสังหารไม่ตาย”
คำถามที่เขาถามเป็นคำถามที่อริยะรายอื่นๆ ก็อยากถามเช่นกัน
สำหรับพวกเขา อริยะมหามรรคนั้นลึกลับเหลือเกิน ไม่มีตำนานเล่าขานในมรรคาสวรรค์เลย
หานเจวี๋ยตอบ “อริยะมหามรรคนับว่าเป็นอมตะมิวางวายจริงๆ แว้นแต่ระดับพลังเวทจะเหนือล้ำกว่าพวกเขา ถึงสามารถสังหารพวกเขาได้ แต่ว่าเหนือระดับมหามรรคขึ้นไปยังมีระดับใดอีกเล่า”
เหล่าอริยะส่ายหน้าตามสัญชาตญาณ
พวกเขาไม่อาจจินตนาการได้ว่ายังจะมีตัวตนใดอีกที่เหนือกว่าอริยะมหามรรค
หานเจวี๋ยไม่ได้พูดต่อ กลับเป็นจอมอริยะเสวียนตูที่เอ่ยรับช่วงว่า “ในเมื่อนักพรตเต๋าเสินเผาไม่มารุกรานมรรคาสวรรค์อีก เช่นนั้นพวกเราก็คุยเรื่องอื่นกันเถอะ ตอนนี้จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายแห่งวังสวรรค์บอกข้าว่า วังสวรรค์ค้นพบแดนลับแห่งหนึ่ง ด้านในมีสมบัติวิเศษถือกำเนิดขึ้นตลอดเวลา หลากระดับสารพัดชนิด แต่ก็มาพร้อมกับจิตวิญญาณแห่งอาวุธมากมาย เป็นวาสนาที่มาพร้อมเคราะห์ วังสวรรค์ยินดีแบ่งปันกับมรรคาสวรรค์”
เทพสูงสุดหนานจี๋เอ่ยขึ้นทันที “ไปเถอะ ความสัมพันธ์ระหว่างจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายและสหายเต๋าหานพวกเราล้วนทราบดี ยิ่งไปกว่านั้นคือมรรคาสวรรค์ขาดแคลนสมบัติวิเศษ ความสำเร็จของสำนักหลอมศาสตราไล่ตามความเร็วในการฝ่าทะลวงของผู้บำเพ็ญไม่ทัน สมบัติวิเศษในมรรคาสวรรค์หากเทียบกับฟ้าบุพกาลแล้ว ยังคงอ่อนแอเกินไป”
อริยะคนอื่นๆ ก็พยักหน้าสื่อว่าเห็นด้วย
เรื่องนี้ได้รับการตัดสินอย่างรวดเร็ว ไม่มีข้อคัดค้านใดๆ
จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยต่อว่า “ระยะนี้ในมรรคาสวรรค์ปรากฏจักรพรรดิมวลมนุษย์คนหนึ่งขึ้น คิดจะอาศัยพลังของมนุษย์รวมมรรคาสวรรค์ให้เป็นหนึ่ง เป็นภัยต่อแนวโน้มความมั่นคงของมรรคาสวรรค์ พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไร”
สวีตู้เต้าเอ่ยขึ้นว่า “ปราบปรามเถอะ จิตใจมนุษย์ซับซ้อน ถึงแม้ข้าจะมาจากเผ่ามนุษย์ แต่ข้าก็เข้าใจจิตใจอันชั่วร้ายของมนุษย์ดียิ่ง มรรคาสวรรค์สงบสุขมาเนิ่นนานเกินไป เผ่ามนุษย์หลงลืมอำนาจของอริยะไปแล้ว”
ฟางเหลียงขมวดคิ้ว “หากว่าปราบปรามตรงๆ เกรงว่าคงมีคนบางจำพวกในเผ่ามนุษย์ยกเรื่องนี้มาปลุกปั่นยุยง”
บรรพชนพุทธเบิกนภากล่าวว่า “ชักนำสำนักพุทธเข้าสู่เผ่ามนุษย์เถอะ อาศัยธรรมะกล่อมเกลา”
ฉิวซีไหลปรายตามองบรรพชนพุทธเบิกนภาแวบหนึ่ง ชนรุ่นหลังที่ใช้ได้ รู้จักสังเกตลู่ทางหาประโยชน์
………………………………………………………………