บทที่ 831 ผานกู่ปกป้องมรรคาสวรรค์
เทวีตราวินัยยิ่งใหญ่สูงส่ง แสดงให้เห็นถึงท่าทีอันเย่อหยิ่งและเหยียดหยามของดวงจิตที่ก้มมองสรรพสิ่งจากมุมสูง ผานกู่ที่อยู่ด้านล่างก็ไม่เงยหน้าขึ้นเช่นกัน ยังคงทุ่มกำลังฟันกำแพงเมฆาเบื้องหน้าต่อไป ไม่ยอมเลิกรา
“ผานกู่ หากเจ้ายังไม่หยุดอีก จะไม่มีผู้ใดช่วยเหลือเจ้าได้!”
เทวีตราวินัยเอ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยว ไม่อยู่ในบุคลิกปกติอีกต่อไป
เวลานี้เอง มีเงาร่างสูงใหญ่ร่างแล้วร่างเล่าปรากฏขึ้นสองฝั่งของนาง ทั้งหมดล้วนมองผานกู่ที่อยู่ด้านล่างด้วยความโกรธ
“ข้าชดใช้บ่วงกรรมที่ติดค้างเหล่าดวงจิตมหามรรคไว้แล้ว แต่อำนาจศักดิ์สิทธิ์กลับจะกวาดล้างเทพมารฟ้าบุพกาล ข้าย่อมต่อต้าน!
“วันนี้ ข้าผานกู่จะต้องสะบั้นระเบียบสูงสุดให้จงได้
“ฟ้าบุพกาลแห่งนี้หาใช่กระดานหมากที่พวกเจ้าจะจัดวางตามอำเภอใจ!
“ฟ้าบุพกาลไม่ได้เป็นแค่ของพวกเจ้าเท่านั้น ยังเป็นของสรรพสิ่งด้วย!”
ผานกู่ตะโกนกร้าวด้วยความโกรธ สองมือกุมดาบ กล้ามเนื้อทั่วร่างแข็งเกร็ง สายลมกระโชกห้อมล้อมรอบกาย พลังระเบิดออกมา
ดวงจิตมหามรรคแต่ละคนซัดฝ่ามือเข้าใส่ผานกู่พร้อมกัน เมื่อร่างกายใหญ่มโหฬารของผานกู่อยู่ต่อหน้าพวกเขาก็ดูเล็กจ้อยไปอย่างเห็นได้ชัด
ผานกู่เงยหน้ามองฟ้า เหวี่ยงดาบเล่มยักษ์หมุนเป็นครึ่งวงกลม พลังเวทอันน่าหวาดหวั่นราวกับธารน้ำหลากปะทุจากหุบเขา พวยพุ่งใส่ดวงจิตมหามรรคที่กระจายตัวอยู่ทั่วนภา
ทะเลเมฆาไร้ขอบเขตเหนือศีรษะหานเจวี๋ยก็ถูกตัดขาดเป็นช่องว่างที่กว้างใหญ่อย่างยิ่ง ราวกับจะผ่าแยกฟ้าเป็นสองฝั่ง
ผานกู่ฟาดฟันกำแพงเมฆาด้านหน้าต่อไป ทุกครั้งที่ฟัน ร่างกายจะยืดขยายสูงขึ้น
หานเจวี๋ยมีสีหน้าประหลาดใจ
ผานกู่แตกหักกับเทวีตราวินัยอย่างนั้นหรือ
ก่อนหน้านี้ยังช่วยเหลือผานกู่อยู่เลยไม่ใช่หรือ
ดูเหมือนจะมีสาเหตุมาการที่ขุนพลศักดิ์สิทธิ์กวาดล้างเทพมารฟ้าบุพกาลกระมัง
แต่มิใช่ว่าในอดีตผานกู่ก็ทำเรื่องเช่นนี้เหมือนกันหรอกหรือ
จู่ๆ หานเจวี๋ยก็ไม่เข้าใจว่าจริงๆ แล้วผานกู่อยู่ฝ่ายไหนกันแน่ สรุปแล้วทำไปเพื่อเป้าหมายใด
ภาพลวงตาวิวัฒนาการพังทลายลง
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น จมอยู่ในห้วงความคิด
ขณะที่เขาคิดจะใช้ความสามารถวิวัฒนาการต่อ เสียงหนึ่งพลันดังก้องขึ้นในหัว
“วันนี้ ตัวข้าผานกู่จะคืนชีพให้เทพมารฟ้าบุพกาลที่ถูกข้าสังหาร หวังว่าเทพมารฟ้าบุพกาลจะร่วมกันต่อต้านขุนพลศักดิ์สิทธิ์ ไม่ตกเป็นตัวเบี้ยของเหล่าดวงจิตอีกต่อไป!
“โค่นล้มอำนาจเผด็จการของดวงจิตมหามรรค กำหนดกฎระเบียบฟ้าบุพกาลขึ้นมาใหม่!
“ฟ้าบุพกาลจะอยู่ภายใต้การปกครองของเทพมารฟ้าบุพกาล!”
คืนชีพได้ด้วยหรือ
ขนาดหานเจวี๋ยฟังแล้วยังเลือดลมพลุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน
เพียงแต่…艾琳小說
เขาไม่ใช่เทพมารฟ้าบุพกาล!
เจ้าโทรผิดแล้ว!
หานเจวี๋ยหลุดยิ้มออกมา ไม่คิดเลยว่าผานกู่กลับต่อต้านขึ้นมาในเวลานี้ ประกาศศึกกับขุนพลศักดิ์สิทธิ์!
แต่ก็เป็นเรื่องปกติ เดิมทีขุนพลศักดิ์สิทธิ์สมควรจับกุมเทพมารอนธการ ผลคือถือโอกาสจัดการเทพมารฟ้าบุพกาลไปพร้อมกัน ผานกู่ที่มีฐานะเป็นเทพมารฟ้าบุพกาลจะทำอย่างไรเล่า
เมื่อเป็นเช่นนี้ แปลว่าที่ผ่านมาผานกู่แค่เล่นละคร ทั้งต้องการสำเร็จเป็นเทพมารอนธการ ทั้งมีความมั่นใจว่าจะฟื้นคืนชีพให้เทพมารฟ้าบุพกาลได้
สามารถฟื้นคืนชีพให้เทพมารฟ้าบุพกาลได้ นั่นเป็นวิธีการแบบไหนกัน
หานเจวี๋ยตาลุกวาวอยู่บ้าง
[ผานกู่ต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
หานเจวี๋ยมองแจ้งเตือนแถวหนึ่งที่จู่ๆ ก็เด้งขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
เหตุใดผานกู่ถึงอยากมาเข้าฝันเขากัน
‘หากข้ายอมรับคำขอเข้าฝันของเขา จะมีอันตรายหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยเก้าแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ไม่มี]
หานเจวี๋ยโล่งใจ จากนั้นก็ยอมรับคำขอเข้าฝันของผานกู่
แดนความฝันเหมือนภาพลวงตาวิวัฒนาการที่หานเจวี๋ยเข้าไปก่อนหน้านี้ รอบทิศล้วนเป็นทะเลเมฆา
ผานกู่ยืนอยู่เบื้องหน้า ก้มมองหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยอยู่ตรงหน้าเขา ราวกับมดปลวกตัวหนึ่ง ส่วนผานกู่คือขุนเขา เป็นขุนเขาที่สูงที่สุดในหมู่เทวตำนาน!
ผานกู่เอ่ยขึ้นว่า “สิ่งที่ข้าทำลงไปในวันนี้ไม่ใช่แค่บุกเบิกเส้นทางที่เป็นไปไม่ได้ให้แก่เทพมารฟ้าบุพกาล แต่เป็นการมอบทางรอดให้เจ้าและมรรคาสวรรค์ด้วย”
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
“ขุนพลศักดิ์สิทธิ์ไม่เพียงแต่จะฆ่าเทพมารฟ้าบุพกาลเท่านั้น แต่จะสังหารสิ่งมีชีวิตมรรคาสวรรค์ด้วย กล่าวอีกนัยคือ ขุนพลศักดิ์สิทธิ์จะทำลายล้างมรรคาสวรรค์ ข้าต้องการให้เจ้าปกป้องมรรคาสวรรค์ ไม่สำคัญว่าจะเป็นผู้ใดที่ปกครองมรรคาสวรรค์ ขอเพียงมรรคาสวรรค์อยู่รอดต่อไป สิ่งมีชีวิตมรรคาสวรรค์อยู่รอดต่อไปได้ก็พอ!”
ผานกู่จ้องมองหานเจวี๋ยด้วยแววตาเร่าร้อน เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
เหตุผลที่ผานกู่ทำแบบนี้ เป้าหมายที่แท้จริงคือทำเพื่อมรรคาสวรรค์
ทั้งมรรคาสวรรค์ล้วนนับได้ว่าเป็นสายเลือดของผานกู่ เปรียบเสมือนเขากำลังต่อสู้เพื่อบุตรหลานและทายาทรุ่นหลังของตนอยู่
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ข้าจะทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อปกป้องมรรคาสวรรค์ แต่ก็แค่ทุ่มเทอย่างสุดกำลังเท่านั้น”
ผานกู่ยิ้มออกมา เอ่ยว่า “ข้าเฝ้ามองเจ้ามาโดยตลอด เจ้ามักจะพูดว่าทำเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่ทุกครั้งที่มรรคาสวรรค์มีภัย เจ้าล้วนก้าวออกมาเสมอ นี่คือสาเหตุที่หลังจากเจ้าสยบผานซินแล้ว ข้าไม่ได้ตามเอาเรื่องเจ้า เจ้ามีคุณูปการต่อมรรคาสวรรค์!”
สีหน้าหานเจวี๋ยสงบนิ่ง แต่กลับรู้สึกละอายใจ
อันที่จริงเขาทำเพื่อตัวเองจริงๆ!
อย่างน้อยเขาก็รู้สึกว่าเป็นเช่นนี้ ช่วยเหลือมรรคาสวรรค์ในขอบเขตที่สามารถช่วยได้
“ขุนพลศักดิ์สิทธิ์คืออำนาจศักดิ์สิทธิ์สูงสุด เป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในฟ้าบุพกาล แม้ว่าจะมองทะลุอนิจจัง และไม่สามารถสกัดขวางได้ ขุนพลศักดิ์สิทธิ์ครอบครองความสามารถในการลบเลือนตัวตนที่แท้จริง ต่อให้เทพมารฟ้าบุพกาลร่วมมือกัน ก็ต้านขุนพลศักดิ์สิทธิ์ไม่ไหว ข้าจะพยายามสุดความสามารถ จะสกัดกั้นขุนพลศักดิ์สิทธิ์ไว้ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงมรรคาสวรรค์
“แน่นอน อาจจะต้านไว้ไม่อยู่เช่นกัน! ข้าหวังว่าเจ้าจะเตรียมตัวให้พร้อม! ขอเพียงสิ่งมีชีวิตมรรคาสวรรค์อยู่ในฟ้าบุพกาล ย่อมหนีไม่พ้นการกวาดล้างของขุนพลศักดิ์สิทธิ์!
“รวมมรรคาสวรรค์ให้เป็นปึกแผ่น พร้อมรับศึกทุกเมื่อ แม้นสิ้นชีพก็ต้องพยายามอย่างสุดกำลัง!”
ผานกู่เอ่ยด้วยแววตาเร่าร้อนลุกโชน พอกล่าวจบ แดนความฝันก็พังทลายลง
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น
เขาถามในใจ ‘สิ่งที่ผานกู่บอกข้าเมื่อครู่นี้เป็นความจริงหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยเก้าแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[เป็นความจริง]
หานเจวี๋ยโล่งใจ
ทันใดนั้นเขาก็เริ่มมองผานกู่ในแง่ดี ผานกู่ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เขาจินตนาการไว้
เทพยักษาตนนี้ยังคงองอาจแข็งแกร่งยิ่ง!
ในสถานการณ์ที่ไม่มีอาณาเขตเต๋า กล้าลุกขึ้นมาประกาศสงครามต่อต้านอำนาจศักดิ์สิทธิ์ ช่างแกร่งกล้านัก!
ถึงแม้ผานกู่ตนนี้จะไม่ใช่ผานกู่ตัวจริงก็ตาม!
‘ไม่ทราบเช่นกันว่าผานกู่จะคืนชีพเทพมารได้มากน้อยเพียงใด หากสามารถถ่วงเวลาไปได้สักระยะ เช่นนั้นก็ถ่วงไว้เถิด’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าพบแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด
เขาไม่ได้ตัวคนเดียว!
หากเขาต้องการทำลายล้างหมื่นขุนพลศักดิ์สิทธิ์ ยังมีผานกู่ให้การสนับสนุนเขาอยู่!
ที่แท้ร่างจริงของผานกู่แข็งแกร่งเพียงใดกันแน่ ยังคงไม่ทราบชัดเจนอยู่ดี
บางทีอาจจะสู้กับจอมเทวาฟ้าบุพกาลอย่างสูสีได้กระมัง
หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงหาจอมอริยะเสวียนตู บอกข้อมูลที่ผานกู่เปิดเผยออกมาให้จอมอริยะเสวียนตูทราบ
ส่วนจอมอริยะเสวียนตูจะจัดการอย่างไร เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับหานเจวี๋ย ถึงอย่างไรยามที่ต้องต่อสู้กับขุนพลศักดิ์สิทธิ์ มรรคาสวรรค์ก็ให้ความช่วยเหลือไม่ได้อยู่ดี
หานเจวี๋ยเหลือบมองหงหยวนแวบนึง อยู่ในคุกสวรรค์อนธการมาสองหมื่นปีแล้ว ยังอยู่ห่างไกลจากการสยบทาสให้สำเร็จ
เขาไม่ได้ฝึกบำเพ็ญต่อ แต่เฝ้ารอ
แรงกดดันจากฟากฟ้ายังไม่สลายไป!
ผานกู่ยังฟันกำแพงอยู่!
หานเจวี๋ยไม่ทราบว่าผานกู่คิดจะทำอะไร สะบั้นกฎระเบียบสูงสุดแล้วจะส่งผลกระทบต่อขุนพลศักดิ์สิทธิ์หรือ
อาจจะเป็นไปได้
ทันใดนั้นหานเจวี๋ยพลันนึกถึงขุนพลศักดิ์สิทธิ์ที่ตนไม่มีความเข้าใจเลย
ขุนพลศักดิ์สิทธิ์จะเป็นอมตะมิวางวายภายในขอบเขตมหามรรคหรือไม่
อริยะมหามรรคที่ฆ่าอย่างไรก็ไม่ตายหนึ่งหมื่นคน…
หานเจวี๋ยใจเต้นแรงขึ้นมา พึงตระหนักได้ว่าตนประเมินขุนพลศักดิ์สิทธิ์ง่ายไปเสียแล้ว
เขาทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่ตัวผานกู่
“พี่ใหญ่ พยายามเข้า โค่นล้มพวกเขาให้ได้ สุดท้ายเหลือตัวหัวหน้าไว้ให้ข้าจัดการก็ได้…”
หานเจวี๋ยพึมพำกับตัวเอง แววตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
อีกด้านหนึ่ง เกิดมรสุมขึ้นในฟ้าบุพกาลแล้ว!
ดวงจิตมหามรรคทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
นักพรตเต๋าเสินเผาเองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
เขาข้ามผ่านห้วงมิติอันวุ่นวาย หัวคิ้วขมวดแน่น
“ผานกู่คิดทำอะไรกันแน่”
นักพรตเต๋าเสินเผาสับสนอยู่ในใจ อดไม่ได้ที่จะลดความเร็วลง รู้สึกอยู่ตลอดว่าการเดินทางครั้งนี้อันตรายยิ่ง ช้าหน่อยจะดีกว่า
………………………………………………………………