บทที่ 841 ไม่เคยพ่ายแพ้เลย!
ไปพบอย่างนั้นหรือ
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนตื่นตัวขึ้นมาทันที
เขารู้สึกว่ามีกับดัก
หลังจากพ่ายแพ้ เขาไปสืบข่าวของหานเจวี๋ยมาแล้ว เด็กคนนี้ระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง ไม่เคยออกจากมรรคาสวรรค์เลย
เขาถามด้วยความระแวง “เหตุใดเจ้าถึงอยากพบข้า”
“รำลึกความหลัง ถือโอกาสหารือเรื่องขุนพลศักดิ์สิทธิ์ด้วย”
“คุยในความฝันไม่ได้หรือ”
“เจ้ากลัวข้าหรือไร ดีร้ายอย่างไรเจ้าก็บรรลุยอดมหามรรคสองครั้งแล้ว ยังกลัวข้าอีกหรือ”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าบรรลุยอดมหามรรคสองครั้งแล้ว”
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนตื่นตัวยิ่งกว่าเดิม
หานเจวี๋ยตอบว่า “ฟังมาจากหงหยวน หงหยวนตัดสินใจย้ายมาที่มรรคาสวรรค์แล้ว รวมตัวกับข้า”
คิ้วของอริยะเทพอวี๋เจี้ยนคลายตัวออก เอ่ยว่า “เจ้าคิดจะต่อกรกับขุนพลศักดิ์สิทธิ์จริงๆ น่ะหรือ”
“ถูกต้อง!”
“เช่นนั้นให้ข้าไปที่มรรคาสวรรค์ด้วยเป็นอย่างไร”
หานเจวี๋ยผงะไป
เขาไม่คิดเลยว่าอริยะเทพอวี๋เจี้ยนคิดจะมายังมรรคาสวรรค์
แต่พอคิดๆ ดูแล้ว นี่ก็ถือเป็นเรื่องดี
เขาถามในใจ ‘ข้าสามารถสังหารอริยะเทพอวี๋เจี้ยนในเสี้ยววินาทีได้หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสี่แสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ได้]
เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหา
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ยินดีต้อนรับแน่นอน”
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนยิ้มออกมา เอ่ยว่า “ขุนพลศักดิ์สิทธิ์เก่งกาจมากจริงๆ หาใช่อริยะมหามรรคทั่วไป แม้แต่อาณาเขตเอกเทศของยอดมหามรรคก็ยังตรวจพบ ช่วงนี้ข้าก็คิดอยู่เช่นกันว่าจะจัดการขุนพลศักดิ์สิทธิ์อย่างไรดี”
หานเจวี๋ยถามด้วยความอยากรู้ “ยอดมหามรรคเอาชนะหมื่นขุนพลศักดิ์สิทธิ์ได้หรือไม่”
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนกลอกตา กล่าวว่า “จะสู้อย่างไรเล่า ถึงบอกว่ามีตบะระดับมหามรรค แต่ดีร้ายอย่างไรก็ผันแปรมาจากกฎระเบียบสูงสุด มีเพียงพลังที่เทียบเท่าระดับอริยะมหามรรค ส่วนคุณสมบัติด้านร่างกายทำลายได้ยากยิ่ง”
“เช่นนั้นเจ้าต่อกรกับขุนพลศักดิ์สิทธิ์ได้เท่าไร”
“อืม…ร้อยคนกระมัง”
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
เช่นนั้นก็เทียบได้กับอริยะเทพอวี๋เจี้ยนระดับยอดมหามรรคหนึ่งร้อยคน
หานเจวี๋ยถามต่อว่า “ในหมู่เทพมารฟ้าบุพกาลก็มีตัวตนระดับยอดมหามรรคอยู่เช่นกัน หากเทพมารฟ้าบุพกาลทั้งหมดร่วมมือกัน พอจะมีโอกาสชนะหรือไม่”
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนส่ายหน้า “ยอดมหามรรคไหนเลยจะมีมากมายปานนั้น ในหมู่เทพมารฟ้าบุพกาลมีอยู่นับนิ้วได้ ส่วนยอดมหามรรครายอื่นๆ ในฟ้าบุพกาล ส่วนใหญ่เป็นดวงจิตมหามรรค บ้างก็ใจฝ่อขี้ระแวง ปิดด่านอยู่ตลอด ไม่กล้าออกมา ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็ต้านหมื่นขุนพลศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้แน่นอน”
หานเจวี๋ยตกอยู่ในภวังค์ความคิด
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนถาม “หรือว่าเจ้าก็พิสูจน์ยอดมหามรรคแล้วเช่นกัน”
หานเจวี๋ยลังเลครู่หนึ่ง ยังคงเลือกพยักหน้ารับ
ค่าความประทับใจสูงเช่นนี้ น่าจะไว้ใจได้
“ยอดเยี่ยมจริงๆ” อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเอ่ยด้วยสีหน้าประหลาดใจ
เขาสบถอยู่ในใจ
มิน่าล่ะ!
คนผู้นี้คิดจะข่มเหงเขาอย่างนั้นหรือ
ในใจของอริยะเทพอวี๋เจี้ยนตื่นตะลึงยิ่งขึ้น
เดิมทีพลังของหานเจวี๋ยก็น่ากลัวมากอยู่แล้ว หากระดับตีคู่กันขึ้นมา เขาไหนเลยจะสู้ได้
“จริงสิ ในอดีตเจ้าเคยอยู่ในระดับยอดมหามรรคมาแล้วครั้งหนึ่ง ถูกผู้ใดทำให้ลดระดับลงมาเล่า” หานเจวี๋ยถามด้วยความอยากรู้
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนตอบว่า “ข้าก็ไม่รู้ จะว่าไป ตอนนั้นก็เลอะเลือนไปเช่นกัน เพิ่งพิสูจน์ยอดมหามรรคได้ ยโสโอหังนัก หลงนึกว่าตนเป็นยอดมหามรรคเพียงหนึ่งเดียว…
“ข้าก็ไม่ทราบเช่นกันว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใด แต่น่ากลัวอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่อาจจะเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในฟ้าบุพกาลก็เป็นได้”
หานเจวี๋ยก็ไม่ได้ใช้ความสามารถวิวัฒนาการทำนายดู ถึงอย่างไรก็เป็นศัตรูของอริยะเทพอวี๋เจี้ยนเท่านั้น
ตอนนี้อริยะเทพอวี๋เจี้ยนพิสูจน์ยอดมหามรรคได้อีกครั้ง แต่ดวงจิตโบราณท่านนั้นกลับไม่ลงมือ คาดว่าคงละวางบ่วงกรรมแล้ว
ทั้งสองพูดคุยกันต่ออีกสักพัก อริยะเทพอวี๋เจี้ยนตอบตกลงว่าจะมาที่มรรคาสวรรค์
แดนความฝันสิ้นสุดลง หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น
ความรู้สึกที่พิสูจน์ยอดมหามรรคสำเร็จแล้วช่างผ่อนคลายโดยแท้!
หานเจวี๋ยเริ่มเทศนาธรรม ภายในเขตเซียนร้อยคีรี ไม่ว่าเหล่าศิษย์จะทำอะไรอยู่ทั้งหมดล้วนถูกมหามรรคต้นกำเนิดดึงดูดเข้าสู่สภาวะตระหนักมรรค
หนึ่งร้อยปีต่อมา
การเทศนาธรรมสิ้นสุดลง
เดิมทีหานเจวี๋ย คิดจะฝึกบำเพ็ญต่อ แต่คิดไปคิดมา ก็เคลื่อนย้ายไปยังชั้นฟ้าที่สามสิบสาม เข้าสู่ตำหนักเอกภพ
ภายในตำหนักมีเพียงจอมอริยะเสวียนตูและเหล่าตาน ไร้ซึ่งผู้สดับมรรคคนอื่น
เมื่อเห็นหานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้น จอมอริยะเสวียนตูรีบเอ่ยถาม “สหายเต๋าหานมาด้วยเหตุใดหรือ”
เหล่าตานลืมตาขึ้น มองพินิจหานเจวี๋ย สีหน้าตื่นตะลึง
ยอดสมบัติทั่วร่างของหานเจวี๋ยผู้นี้มองแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ธรรมดา!
รัศมีอำนาจก็ยิ่งเลิศล้ำ
เหล่าตานนึกถึงเหล่าจื่อขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
หานเจวี๋ยพยักหน้าให้หล่าตานเล็กน้อย ทักทายตามมารยาท จากนั้นกล่าวกับจอมอริยะเสวียนตูว่า “เรียกประชุมอริยะทั้งหมด เรียกตัวอริยะแห่งสำนักซ่อนเร้นมาด้วย”
ถึงแม้เขาจะไม่เกรงกลัวขุนพลศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ยังคงต้องแสดงท่าทีบ้าง ป้องกันไม่ให้อริยะบางส่วนก่อความวุ่นวายจนเสียงาน เพียงเพราะตื่นกลัวเกินไป
อริยะกลัวตายก็ปกติยิ่ง อย่างน้อยหานเจวี๋ยก็พอจะเข้าใจ
จอมอริยะเสวียนตูตะลึงงัน เริ่มถ่ายทอดเสียงเรียกอริยะมารวมตัวทันที
ผ่านไปไม่นานนัก
เทพสูงสุดหนานจี๋ เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย มหาจักรพรรดิเซียว เทพสูงสุดอู๋ฝ่า ฉิวซีไหล ฟางเหลียง จิ้นเสิน ผานซิน สวีตู้เต้า ซูฉี หลี่ไท่กู่ บรรพชนพุทธเบิกนภา จั้งกูซิง หลงเฮ่า จี้เซียนเสิน บรรพชนพุทธเทวัญ หยางเช่อ ไท่ซู่เทียน เทียนจ้าน หานอวี้ ฉินหลิง เต้าจื้อจุน บรรพชนพุทธโปรดโลกา เต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวนและเจียงอี้ล้วนมากันทั้งสิ้น
เหล่าตานเห็นอริยะมากมายปานนี้ อดเหม่อลอยไม่ได้
ต่อให้เป็นนิกายเหรินของแดนเทพหวนปัจฉิมในกาลก่อน ก็ไม่มีอริยะมากขนาดนี้
ตอนแรกเขายังไม่รู้สึกอะไร แต่หลังจากเหล่าอริยะมารวมตัวกันพร้อมหน้า ช่างสร้างแรงสะเทือนมหาศาลนัก
เหล่าอริยะเห็นหานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้น อดตื่นเต้นไม่ได้
อริยะสวรรค์เกรียงไกรคือไพ่ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมรรคาสวรรค์!
เหล่าตานลุกขึ้น เตรียมออกไป
หานเจวี๋ยเหลือบมองเขา เอ่ยขึ้นว่า “ไม่เป็นไร สหายเต๋ารั้งอยู่ได้ มรรคาสวรรค์ต้อนรับเจ้าเสมอ”
สีหน้าเหล่าตานแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ยังคงเลือกนั่งลงไป เขาก็อยากฟังว่าหานเจวี๋ยจะพูดอะไร
หานเจวี๋ยเอ่ยนำขึ้นมาก่อนอย่างที่หาได้ยากนัก “ระยะนี้มีข่าวลือเรื่องขุนพลศักดิ์สิทธิ์แพร่กระจายไปทั่ว ถึงแม้ข้าจะปิดด่าน แต่ก็ได้ข่าวเช่นกัน ขุนพลศักดิ์สิทธิ์ไม่เพียงแต่ต้องการทำลายเทพมารฟ้าบุพกาลเท่านั้น มรรคาสวรรค์เป็นดินแดนที่ผานกู่บุกเบิกขึ้น อยู่ในขอบเขตเป้าหมายของขุนพลศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน นี่แปลว่ามรรคาสวรรค์ต้องเผชิญศึกกับขุนพลศักดิ์สิทธิ์
“ข้าขอประกาศไว้ ณ ที่นี้ ว่าจะสู้ศึกครั้งนี้แน่นอน”
เขาเอ่ยเชื่องช้ายิ่ง เสียงแผ่วเบานัก แต่หนักแน่นอย่างยิ่ง
จะสู้แน่นอน!
เหล่าอริยชนฟังแล้วหัวใจเต้นรัว
ถึงแม้ตอนนี้เหล่าอริยะจะมีมติเป็นเอกฉันท์แล้ว แต่การเผชิญหน้ากับขุนพลศักดิ์สิทธิ์ยังคงน่าหวาดกลัวยิ่ง
หานเจวี๋ยเอ่ยต่อไปว่า “นับตั้งแต่มรรคาสวรรค์เริ่มต้นวงจรขึ้นใหม่ มรรคาสวรรค์ไร้ที่พึ่งพา ที่พึ่งมีเพียงพวกเราเหล่าอริยะ มหันตภัยมารสวรรค์ มหันตภัยเผ่าเพลิงกัลป์ มหันตภัยเผ่าหายนะ มหันตภัยดวงจิตและอีกมากมายมรรคาสวรรค์เคยพึ่งพาฟ้าบุพกาลอย่างนั้นหรือ
“ที่ผ่านมา มรรคาสวรรค์มีชัยมาโดยตลอด ซ้ำยังแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่คือความเป็นปึกแผ่นของมรรคาสวรรค์!
“ขุนพลศักดิ์สิทธิ์แล้วอย่างไรเล่า เพราะไพ่ที่พวกเราเคยเผชิญมาในอดีตมีครั้งไหนบ้างที่ดูไม่ใช่สถานการณ์ร้ายแรงถึงตาย
“อีกอย่างคู่ต่อสู้ของขุนพลศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีเพียงมรรคาสวรรค์ ยังมีเทพมารฟ้าบุพกาลด้วย ศึกนี้พวกเราหาได้สู้ตามลำพังไม่ ข้าหวังว่าอริยะทุกท่านจะสงบใจลง สร้างความมั่นคงให้มรรคาสวรรค์ สู้ให้ถึงที่สุด หากชนะได้ วันหน้าจะยังมีผู้ใดในฟ้าบุพกาลกล้ามาหาเรื่องมรรคาสวรรค์อีกหรือ
“หากมรรคาสวรรค์ล่มสลาย ไร้ที่อยู่ ฟ้าบุพกาลกว้างใหญ่ แต่จะมีที่ใดต้อนรับพวกเราเล่า จะไปเป็นข้ารับใช้ในดินแดนของผู้อื่นหรือ”
หานเจวี๋ยจ้องมองเหล่าอริยชน เอ่ยชัดถ้อยชัดคำ เสียงหนักแน่นกังวาน
ความฮึกเหิมอย่างที่หาได้ยากปรากฏขึ้นในจิตใจของเหล่าอริยชน ต่างก็นึกถึงเคราะห์ภัยในอดีต ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แต่พวกเขาก็ผ่านมาได้!
เหล่าอริยะหน้าใหม่ก็อยากเข้าร่วมตำนานเช่นกัน อยากกลายเป็นอริยะผู้ยิ่งใหญ่ที่สกัดต้านเคราะห์ภัย
คำพูดของหานเจวี๋ยไม่เพียงแต่งดงามสวยหรูเท่านั้น สิ่งสำคัญคือความหนักแน่นของหานเจวี๋ย ราวกับว่าสามารถฝ่าเคราะห์นี้ไปได้แน่นอน!
ผู้ใดบ้างจะไม่ทราบถึงคุณสมบัติอันเลิศล้ำของอริยะสวรรค์เกรียงไกร ไม่เคยพ่ายแพ้เลยมิใช่หรือ
………………………………………………………………