ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 738 เฉวียนเฉวียน เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคำๆหนึ่งเรียกว่า……

ตอนที่ 738 เฉวียนเฉวียน เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคำๆหนึ่งเรียกว่า......

นี่เรียกว่าปวดยาวมิสู้เจ็บสั้น ชาติก่อนเขาติดค้างหนี้ชีวิตจีฉุนไปแล้วครั้งหนึ่ง ชาตินี้จึงไม่ต้องการจะถ่วงรั้งนางเอาไว้อีก

ก่อนหน้านี้เพื่อชดเชยให้จึงกลายเป็นเข้าใจผิดว่าเป็นความรักชอบ ตอนนี้ในเมื่อรู้กระจ่างแล้ว ย่อมไม่อาจพัวพันกับจีฉุนได้อีกต่อไป

นางเป็นสตรีที่ยอดเยี่ยมผู้หนึ่ง สมควรได้รับความรักจากผู้ที่จริงใจ

………………….

ตำหนักตี้หัวกง ยามที่จีเฉวียนกลับเข้าไป ตู๋กูซิงหลันก็ตื่นขึ้นมาแล้ว

พึ่งตื่นขึ้นมา แววตายังคงงัวเงีย ในดวงตาดอกท้อยังมีความง่วงงุนอยู่ กริยาดูเกียจคร้านและเรื่อยเฉื่อย

นับตั้งแต่งงานกันมา นางก็เคยชินกับการที่จะถูกเขาโอบกอดเข้านอน พอข้างกายปราศจากคนและหนาวเย็น ก็ชักจะนอนหลับไม่สนิทเสียแล้ว

เมื่อตื่นขึ้นมาอย่างสลึมสลือ จิตสำนึกก็ลูบคลำเปะปะหาตัวคนในทันที

พอคลำได้แต่ความว่างเปล่า ก็นอนไม่หลับเสียแล้ว

ยังดีที่นางพึ่งจะตื่นขึ้นมา จีเฉวียนก็กลับมาแล้ว

ตู๋กูซิงหลันลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง ฝ่ามือที่ขาวสะอาดดุจหิมะยื่นออกไปหาเขาอย่างเอาแต่ใจ “เสี่ยวเฉวียนเฉวียน อยากให้อุ้มอุ้ม~”

แต้มพรหมจรรย์ที่แดงสดที่เคยมีอยู่บนท้องแขนหายไปแล้ว หายไปในคืนวันแต่งงานนั่นเอง

ตอนแรกแต้มพรรมจรรย์นั้นถูกเติมลงมาโดยนางกำนัลของเยี่ยเฉินในตอนที่นางอยู่ในเผ่ามังกรทมิฬ จากนั้นมันก็มิได้จางหายไป

แต่ว่าตอนนี้ท้องแขนของนางขาวสะอาดไม่มีไฝฝ้าราคีแม้แต่น้อย ราวกับเนื้อหยกสีขาวที่เป็นประกายแวววาว

ทุกครั้งที่จีเฉวียนมองดูนาง ในแววตามีแต่ความรักใคร่โปรดปรานไม่มีเสื่อมคลาย

ถูกภรรยาของตนเองยั่วยวน ย่อมต้องไม่อาจทนไหวอยู่แล้ว

เขาก้าวเข้าไปก้าวหนึ่ง ดึงตัวคนขึ้นมากอดเอาไว้ แทบจะอยากรัดเจ้าตัวน้อยตัวนี้ให้หลอมรวมเข้าไปในกระดูก

ข้าวใหม่ปลามัน แยกกันเพียงชั่วครู่ชั่วยามก็คิดถึงจนทนไม่ไหวแล้ว

แทบจะอยากหอบหิ้วนางเอาไว้ที่ข้างกายอยู่ตลอดเวลา ไม่ห่างแม้เพียงชั่วครู่เลย

ตู๋กูซิงหลันถูกเขากอดเอาไว้แนบแน่น ก็แทบจะหายใจไม่ออกแล้ว

“นี่เจ้าคิดจะฆ่าภรรยาของตนเองหรืออย่างไร?”

พอเห็นว่าใบหน้าของนางแดงก่ำขึ้นมา จีเฉวียนถึงได้คลายมืออกจากนางอย่างช้าๆ จูบลงไปบนใบหน้ารูปไข่ที่แทบจะคั้นน้ำออกมาได้หนักๆครั้งหนึ่ง

“สามีจะยอมได้อย่างไร”

จูบไปครั้งก็ยังไม่หนำใจ จำต้องจูบนางอีกหลายๆครั้งถึงจะพอได้

“หากว่าพวกเราสามารถมีชีวิตอยู่ไปอีกพันปี ก็จะขอจูบเจ้าไปอีกพันปี อยู่ไปอีกหมื่นปี ก็จะจูบเจ้าไปอีกหมื่นปี ไม่ขาดแม้แต่วันเดียว น้อยไปแม้แต่ครั้งเดียวก็ไม่ได้”

เขากอดตู๋กูซิงหลันเข้ามาในอ้อมกอด สองคนอิงแอบซุกไซร้กันและกันอยู่บนฟูก

สามารถอยู่ร่วมกับนาง นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของจีเฉวียน

ตูกูซิงหลันทำเสียงคิกคักอยู่ครู่หนึ่งก็หัวเราะออกมา “เลี่ยนไปหรือไม่? กลัวแต่ว่าแค่อีกไม่กี่ปี พวกเราจะต่างคนต่างมองว่าอีกฝ่ายน่าเบื่อหน่ายเสียแล้ว”

สามีภรรยาทั่วทั้งใต้หล้าต่างก็เป็นเช่นนี้ ตอนที่พึ่งจะแต่งงานกันใหม่ๆ ก็ติดหนึบกันเป็นน้ำมัน พอนานวันเข้า ต่อให้เป็นน้ำมันหรือเกลือก็ยังว่าด้าน ก็ยังว่าจืดได้เลย

“รักจะตายไป ไหนเลยจะเบื่อได้กัน?” จีเฉวียนกอดนางแนบแน่นกว่าเดิมอีกหลายส่วน “นอกเสียจากว่า วันหนึ่งเจ้าจะละทิ้งสามีไป”

แต่ว่าคนอย่างจีเฉวียนก็ย่อมต้องเตรียมการเอาไว้ก่อนอยู่แล้ว ไม่ปล่อยให้นางมีโอกาสอย่างแน่นอน

ในเมื่อเป็นภรรยาของเขาแล้ว ก็ต้องถูกเขารักใคร่ตามอกตามใจไปชั่วชีวิต จะตามใจนางจนนางไม่อาจละทิ้งเขาไปได้เลย

“ข้ารู้สึกว่าวันนี้เจ้าออกจะแปลกๆไปอยู่บ้าง ไปทำอะไรมา ปากบางๆนั้นถึงได้หวานเป็นพิเศษ” ตู๋กูซิงหลันหัวเราะคิกคักออกมา จากนั้นก็ยื่นปลายนิ้วออกไป สัมผัสกับริมฝีปากของเขาอย่างแผ่วเบา

ภายใต้แสงเทียน ดวงหน้านั้นช่างหล่อเหลาจนนางอยากจะจับเขากินแทบจะทนไม่ไหว

พอเขากลายเป็นสามีของตนเอง ก็ยิ่งรู้สึกว่ายิ่งดูก็ยิ่งสบายตา ชาตินี้ หากว่ามิได้มีเรื่องใดที่บังเอิญขึ้นมา ก็คงจะไม่มีทางเบื่อหน่ายเขาอย่างเด็ดขาด

จีเฉวียนทำท่าเหมือนจะขุ่นเคืองอยู่น้อยๆ

เขากุมข้อมือของนางเอาไว้ อ้าปากขึ้นมา จูบและขบกัดลงไปบนปลายนิ้วของนาง จากนั้นก็คลายนางออกช้าๆ ค่อยโอบกอดนางใหม่จากด้านหลัง

เขาวางปลายคางของตนลงไปบนบ่าของนาง

“สามีแค่กำลังคิดว่า มิว่าจะอย่างไร ต่อให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่ขอคลายมือออกจากเจ้าอย่างเด็ดขาด”

สมมติว่าพวกเขาทั้งสองมาจากต่างเผ่าพันธุ์ที่เป็นอริต่อกัน ต่อให้เบื้องหน้าต้องบุกตะลุยลงไปในดงหนาม ต่อให้ต้องต่อต้านกฎของฟ้าดิน แต่เพื่อที่จะได้อยู่กับนาง แม้ต้องถูกฉีกเนื้อเถือกระดูกเช่นไรเขาก็ยินยอม จะไม่ถอยแม้แต่ครึ่งก้าว

ขอเพียง….นางเต็มใจจะอยู่เคียงข้างเขา เขาก็จะไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใดทั้งนั้น

“เจ้าช่างรู้จักพูดนัก” ตู๋กูซิงหลันยังคงเคลิบเคลิ้มอยู่ในความสุขของการพึ่งแต่งงาน แค่เพียงประโยคเดียวของจีเฉวียน ก็ทำให้จิตใจของนางเต้นโครมครามได้แล้ว

พวกนางเป็นสามีภรรยากัน เขาพูดอะไรนางก็พร้อมที่จะเชื่อทั้งนั้น

“วางใจเถอะคนดี ฟ้าดินย่อมไม่เปลี่ยนสีอยู่แล้ว พวกมันไม่มีทางแปรเปลี่ยนไปได้หรอก” นางตบลงไปบนหลังมือของเขาอย่างหนักแน่น

จีเฉวียนไม่รู้จะทำเช่นไรกับนางดี เจ้าตัวน้อยผู้นี้ มักทำให้คนที่กำลังรู้สึกซาบซึ้งตรึงตราตรึงใจต้องกลายเป็นร้องไห้ไม่ได้ หัวเราะไม่ออกอยู่เรื่อยเลย

ปลายนิ้วของเขาสอดเข้าไปในเส้มผมของนาง จากนั้นเพียงชั่วแวบเดียว ตู๋กูซิงหลันก็หันร่างกลับมา โถมเข้าหาผลักเขาลงไป

“สามี~” ดวงตาดอกท้อคู่นั้นจดจ้องไปที่เขา จนทำให้คนต้องขนลุกขึ้นมา

จีเฉวียน “หืม?”

พอสิ้นเสียง ริมฝีปากที่หอมหวานก็กดทับลงมา

“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคำอยู่คำหนึ่ง คือคำว่าอะไร?” น้ำเสียงของสาวน้อยช่างอ่อนหวาน ดึงดูดผู้คนอย่างที่สุด

“อะไรหรือ?” จีเฉวียนเงยหน้าขึ้นมอง จดจ้องไปยังสาวน้อย

ยามนี้ เขาถึงได้พบว่า ในดวงตาดอกท้อที่แสนจะงดงามคู่นั้น มีแววตาอีกแบบที่เดิมทีก่อนแต่งงานยังไม่มีเพิ่มพูนขึ้นมา

ก่อนหน้านี้ เขารู้สึกว่าซิงซิงดงามดุจคนในภาพวาด ทั้งยังมีกลิ่นอายสูงส่งอย่างมิใช่ปุถุชนคนธรรมดา

วันนี้ค่อยพบว่า ที่แท้อารมณ์นางก็สามารถแปรเปลี่ยนไปได้อีกหลายแบบ

ตู๋กูซิงหลันก้มร่างลงไป ริมฝีปากสีแดงกระซิบลงไปที่ริมใบหูของเขา เอ่ยตัวอักษรสามตัวเบาๆ “jgl[1]”

สามอักษรนั้น ทำเอาจีเฉวียนจุดติดขึ้นมาในทันที

เขารีบคว้าปลายคางของนางเอาไว้ “มีอย่างที่ไหน ที่ให้ภรรยาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน?”

…………………

ตู๋กูซิงหลันสำนึกเสียใจที่ไปกระตุ้นแหย่เขาขึ้นมา

ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายออกไป ทำเอากระดูกของนางจะหลุดเป็นชิ้นๆอยู่แล้ว

……………

ด้านหนึ่งก็เป็นความรักลึกล้ำที่มิว่าจะแนบชิดเท่าไหร่ก็ยังไม่เพียงพอ อีกด้านก็คือกระดูกทั่วร่างปวดเมื่อยไปทั้งชาติ

หยวนเมิ่งอิจฉาตู๋กูซิงหลันอยู่พอประมาณ

แต่สำหรับซ่งชิงไต้ นั่นคือความริษยาแล้ว

ริษยาจนแทบจะคลุ้มคลั่ง!

ทั้งๆที่นาง…..รู้จักกับฝ่าบาทมาก่อนสตรีผู้นั้นมาตั้งหมื่นปี!

เพราะอะไร สุดท้ายแล้วฝ่าบาทจึงกลายเป็นสามีของสตรีผู้นั้น?

สิ่งที่นางเสียดายที่สุดก็คือ ไม่อาจทำให้สตรีผู้นั้นตายๆไปเสียตั้งแต่แรก

อ้อ…. นางตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ตายด้วยน้ำมือของเสินฟาง

แต่ว่าแล้วจะอย่างไร? ฝ่าบาทยินยอมกระทั่งเสียสละแก่นชีวิตของตนเอง เพื่อใช้คาถาคืนชีพปลุกนางให้มาเกิดใหม่ในอีกโลกหนึ่ง

สุดท้ายแล้ว ตนเองก็ยังคงเป็นปีศาจอัปลักษณ์ที่ไม่มีใบหน้าไม่มีผิวหนังอยู่ดี

ฝ่าบาทไม่ทรงเหลือบแลนางแม้ชั่วแวบเลยด้วยซ้ำ

ซ่งชิงไต้เกลียดชังจนคลุ้มคลั่งแล้ว!

แต่ว่านางจะไปทำอะไรได้? ต่อให้นางไล่ตามจากโลกปัจจุบันมาจนถึงจิ่วโจว ยังไม่ทันได้ทำอะไร ก็ต้องพบว่าวังตันติ่งกงถูกถล่มจนล่มสลายไปแล้ว

แม้แต่เจ้าวังตันติ่งกงซ่งชิงอีก็ยังต้องตกตายใต้น้ำมือของพวกเขา

กลายเป็นว่าสุดท้ายแล้ว นางก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ทั้งสิ้น ได้แต่กรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่งและริษยาเท่านั้น

แต่นางก็รู้ดีข้อหนึ่ง หากเผ่าภูติต้องการจะฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ ย่อมไม่อาจขาดนางได้อย่างแน่นอน

เพราะถึงแม้ว่านางจะถูกขับไล่ออกมาจากเผ่าภูติแล้วแต่ฐานะสิบยมราชของนางยังไม่ถูกเพิกถอน ตราประทับยมราชยังคงอยู่กับตัวนาง

ดังนั้น ฝ่าบาทย่อมไม่อาจขาดนางได้อย่างแน่นอน

นางรู้ดีว่า สักวันหนึ่งฝ่าบาทจะต้องเรียกหานางกลับไป

ศักดิ์แห่งความเป็นยมราช คือแต้มต่อที่สำคัญที่สุดของนาง และนางจะใช้แต้มต่อนี้ สร้างเงื่อนไขกับฝ่าบาท

…………………….

[1] Jungler :ผู้เล่นตำแหน่งป่า ที่เป็นคนทำแต้มให้ทีม/คนคุมเกมบุก (ศัพท์จากเกมส์ LOL)

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Status: Ongoing

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท