บทที่ 855 เจ้านวฟ้าบุพกาล
เนื่องจากศึกมรรคาสวรรค์ นามของอริยะสวรรค์เกรียงไกรก่อให้เกิดพายุโหมไปทั่วฟ้าบุพกาล กระแสข่าวนี้คงอยู่นานยิ่ง รูปการณ์ของฟ้าบุพกาลก็เปลี่ยนแปลงไปเพราะเหตุนี้
ขุนพลศักดิ์สิทธิ์เข่นฆ่าเทพมารฟ้าบุพกาลหลายสิบตน ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง เท่ากับสังหารอริยะมหามรรคไปกว่าครึ่ง อำนาจของพวกเขาโยงใยซับซ้อน เชื่อมโยงเป็นวงกว้าง อริยะสวรรค์เกรียงไกรจัดการหมื่นขุนพลศักดิ์สิทธิ์ได้สบายๆ แสดงให้เห็นว่ามรรคาสวรรค์ผงาดขึ้นมาแล้ว ทั้งยังเป็นจอมเผด็จการที่ไม่อาจสั่นคลอนได้!
ขอเพียงมีอริยะสวรรค์เกรียงไกรอยู่ มรรคาสวรรค์ก็จะกลายเป็นกลุ่มอิทธิพลสุดแข็งแกร่งในฟ้าบุพกาล!
ชั่วขณะนั้น สรรพสิ่งฟ้าบุพกาลให้ความสนใจกับมรรคาสวรรค์
หากเวลาผ่านพ้นไปแล้ว มรรคาสวรรค์ไม่เผชิญการโจมตีจากระเบียบฟ้าบุพกาลอีก เช่นนั้นจะมีผู้ทรงพลังมหาศาลเข้าสู่มรรคาสวรรค์!
สถานที่ที่สามารถป้องกันพลังของระเบียบฟ้าบุพกาลได้ นี่ไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์หรอกหรือ
ด้วยเหตุนี้ เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า
หนึ่งแสนปีผ่านไปในชั่วพริบตา
ภายในอารามเต๋า
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ยิ้มออกมา
ตบะก้าวหน้าขึ้นอีกแล้ว โลกอนธการขยายตัวขึ้นเกือบเท่าตัว
เพียงแต่เขามักรู้สึกอยู่เสมอว่าขาดอะไรไป
ประเด็นหลักคือโลกอนธการว่างเปล่าเกินไป สมควรต้องสร้างสิ่งมีชีวิตของตนขึ้นแล้ว
ถึงแม้ปราณอนธการจะลี้ลับล้นเหลือ สามารถขยายเผ่าพันธุ์เทพมารฟ้าบุพกาลได้ แต่ตอนนี้ยังไม่อาจสร้างเทพมารฟ้าบุพกาลขึ้นด้วยตัวเองอย่างแท้จริงได้
พลังแห่งการสรรค์สร้าง กฎเกณฑ์ที่สำคัญที่สุดในเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุด!
หานเจวี๋ยลองครุ่นคิดดู เขาขาดพลังแห่งการสรรค์สร้าง!
สร้างได้ทุกสิ่ง!
พลังแห่งการสรรค์สร้าง กฎเกณฑ์ที่สำคัญที่สุดในเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุด!
ในบรรดาเจ็ดมหากฎเกณฑ์สิ่งที่ขาดไม่ได้ที่สุดคือพลังแห่งการสรรค์สร้าง!
สร้างได้ทุกสิ่ง!
หานเจวี๋ยเงยหน้ามองขึ้นไปเหนือมหามรรคสามพันวิถี กฎเกณฑ์แห่งการสรรค์สร้างที่อยู่สูงขึ้นไปดูลึกลับและยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น ทำให้คนใฝ่ถวิล
แค่มองครู่เดียว จิตใจของหานเจวี๋ยแทบจะจมจ่อมเข้าไป
เขาตกอยู่ในภวังค์ความคิด
ร่างจำลองเสรีสุญญตาผสานพลังแห่งมหามรรคสามพันวิถีไว้ แต่ตอนนี้ยังไม่ตระหนักเข้าใจการสร้างเทพมารขึ้นเลย
ทว่ากลับมีเทพมารสรรค์สร้างอยู่ ก่อนหน้านี้เขาเคยทดลองผสานมหามรรคสรรค์สร้างเข้าไปในโลกอนธการแล้ว ผลคือถูกปราณอนธการครอบงำไปเร็วยิ่ง ไม่สามารถสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาได้
สร้างขึ้นและสรรค์สร้าง เหมือนจะต่างกันเพียงคำเดียว แต่ต่างกันมหาศาลยิ่ง
หานเจวี๋ยมีลางสังหรณ์บางอย่าง หากเขาอยากแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่ขาดช่าง ก็ไม่อาจปล่อยให้โลกอนธการว่างเปล่าได้
เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลไม่ได้อยู่ในฟ้าบุพกาล หรือว่าฟ้าบุพกาลจะเป็นโลกที่เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลสร้างขึ้น
หัวใจหานเจวี๋ยเต้นกระหน่ำเล็กน้อย
‘ฟ้าบุพกาลถูกสร้างขึ้นโดยผู้ใด’ หานเจวี๋ยถามในใจ
[จำเป็นต้องหักอายุขัยพันล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
แพงขนาดนี้เชียวหรือ
ผู้สร้างมรรคาก็มีค่าตัวแค่หนึ่งพันล้านปีเท่านั้น!
ค่าตัวสูงกว่าร้อยเท่าเลยหรือ
เขาเลือกดำเนินการต่อทันที
[เจ้านวฟ้าบุพกาล: ไม่ทราบตบะ ดวงจิตอนธการ ผู้บุกเบิกฟ้าบุพกาล ไม่อาจเอ่ยนามได้ ไม่ได้รับผลกระทบจากกฎเกณฑ์ใดๆ อนธการเคยให้กำเนิดดวงจิตอนธการเก้าตน แปดตนก่อนหน้านี้ล้วนล้มเหลว มีเพียงเจ้านวฟ้าบุพกาลที่บุกเบิกฟ้าบุพกาลได้สำเร็จ เลขเก้าจึงกลายเป็นจำนวนสูงสุดแห่งฟ้าบุพกาล ผสานความหมายพิเศษเอาไว้]
อนธการให้กำเนิดดวงจิตด้วยหรือ
ไม่ได้มีเพียงเทพมารอนธการหรอกหรือ
หรือข้าพลาดอะไรไป
หานเจวี๋ยมองเห็นเพียงข้อความเบื้องหน้า ทว่าไม่มีเงาร่างของเจ้านวฟ้าบุพกาลผุดขึ้นมาในหัวเลย ไม่ทราบเช่นกันว่าคนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
‘เจ้านวฟ้าบุพกาลบรรลุถึงระดับเทพผู้สร้างหรือไม่’ หานเจวี๋ยถามในใจ
เหนือระดับผู้สร้างมรรคาก็คือระดับเทพผู้สร้าง!
ก่อนหน้านี้เคยถามไปแล้ว ไม่มีตัวตนระดับเทพผู้สร้างอยู่ แต่เวลาล่วงเลยไประยะหนึ่งแล้ว อาจจะเกิดความเปลี่ยนแปลง
[จำเป็นต้องหักอายุขัยพันล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ไม่]
เช่นนั้นก็ดี
ในเวลาเดียวกันก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเจ้านวฟ้าบุพกาลมีชีวิตอยู่
ทันใดนั้นหานเจวี๋ยมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา
หรือว่าที่จอมเทวาฟ้าบุพกาลไม่กล้าสอดมือเข้ายุ่งกับฟ้าบุพกาลด้วยตัวเอง เป็นเพราะมีเจ้านวฟ้าบุพกาลอยู่
จอมเทวาฟ้าบุพกาลแม้จะร้ายกาจ แต่จะเทียบกับเจ้านวฟ้าบุพกาลผู้บุกเบิกฟ้าบุพกาลได้อย่างไร
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘เจ้านวฟ้าบุพกาลควบคุมการแทรกแซงฟ้าบุพกาลของจอมเทวาฟ้าบุพกาลใช่หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยพันล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ใช่]
เช่นนั้นก็กระจ่างแล้ว
แรงกดดันในใจหานเจวี๋ยพลันหายวับไป
‘ยังมีตัวตนที่แข็งแกร่งไปกว่าเจ้านวฟ้าบุพกาลอยู่หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยพันล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ขณะนี้ไม่มี]
หานเจวี๋ยยิ้มออกมา
ในที่สุดเพดานขีดจำกัดก็เผยออกมาแล้ว!
รอจนข้าบรรลุถึงระดับเทพผู้สร้าง ข้าก็จะกลายเป็นเพดานขีดจำกัดรายใหม่!
เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะออกท่องฟ้าบุพกาลตลอดจนอนธการ!
อยากทำสิ่งใดก็จะทำสิ่งนั้น ผู้ใดกล้าล่วงเกินข้า ก็ไม่จำเป็นต้องดูว่ามีที่พึ่งหรือไม่ ทำลายได้เลย
ความคาดหวังอันไร้ขีดจำกัดเอ่อท้นขึ้นมาในใจของหานเจวี๋ย
เขาเรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดู ไม่รู้ว่าในแวดวงสหายช่วงนี้คึกคักหรือไม่
[เต้าจื้อจุนศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งอัปมงคล] x899220003
[จ้าวเซวียนหยวนศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งอัปมงคล] x790983211
[เหล่าตานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งอัปมงคล] x900283924
[เจียงอี้สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งอัปมงคล] x800879326
[ฉู่ซื่อเหรินศิษย์หลานของท่านเผยแพร่ธรรมะ ดวงชะตาเพิ่มพูน]
[จักรพรรดิสวรรค์ชั่วร้ายสหายของท่านสร้างดวงจิตอัปมงคลขึ้น ดวงชะตาเสื่อมถอย]
[หวงจุนเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมิ่ง] x572
[หานทั่วบุตรชายของท่านได้รับการชี้แนะจากผู้ทรงพลังลึกลับ]
….
เริ่มคึกคักขึ้นมาอีกแล้ว!
หานเจวี๋ยมองกลุ่มสามสหายจอมถูกทุบตีที่กลายเป็นสี่สหายแล้ว อดไม่ได้ที่จะไว้อาลัยให้เหล่าตาน
เหตุใดเจ้าถึงไปติดตามเจ้าสามคนนี้กัน
หานเจวี๋ยยิ้มออกมา ถูกชะตาเหล่าตานมากขึ้น
ในตำหนักเอกภพคราวที่แล้ว เหล่าตานแสดงท่าทีถ่อมตัวยิ่ง แม้ว่าขุนพลศักดิ์สิทธิ์มาโจมตี ก็ไม่คิดหลบหนี ทำให้เขาถูกชะตายิ่งนัก
เขาก็ทราบเป้าหมายของเหล่าตานเช่นกัน เพียงต้องตาคุณสมบัติของพวกเต้าจื้อจุนทั้งสามเท่านั้น
สำหรับเรื่องนี้ หานเจวี๋ยแสร้งทำเป็นหลับตาข้างลืมตาข้าง
ในเส้นทางบำเพ็ญ ส่วนใหญ่ล้วนมีอาจารย์ ผู้ทรงศักดิ์และผู้ผดุงมรรคต่างๆ นานา หานเจวี๋ยไม่กลัวเลยว่าพวกเต้าจื้อจุนทั้งสามจะถูกแย่งตัวไป เดิมทีก็เลี้ยงแบบปล่อยอยู่แล้ว
หานเจวี๋ยไล่อ่านลงไปเรื่อยๆ ลูกศิษย์และศิษย์หลานที่กลับมาก่อนหน้านี้ออกไปกันอีกแล้ว
เพียงแต่โลกพุทธะและเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่ยังคงตั้งอยู่ใกล้ๆ กับมรรคาสวรรค์ มีดวงชะตามรรคาสวรรค์แล้ว หากอยู่เช่นนี้ไปนานเข้า จะผสานเข้ากับมรรคาสวรรค์ในไม่ช้าก็เร็ว
หลังจากหานเจวี๋ยอ่านจดหมายเสร็จ ก็เข้าฝันหวงจุนเทียน
ไม่ได้ติดต่อกันนานเกินไป เขาต้องใส่ใจบ้าง เลี่ยงไม่ให้หวงจุนเทียนแปรพักตร์หรือน้อยเนื้อต่ำใจ
แดนความฝันคือด้านหน้าสิบแปดยอดเขาแห่งสำนักหยกพิสุทธิ์ในปีนั้น
หวงจุนเทียนลืมตาขึ้น พอเห็นหานเจวี๋ย ก็รีบทำความเคารพ
“นายท่าน ท่านร้ายกาจเหลือเกินขอรับ นั่นเป็นถึงหมื่นขุนพลศักดิ์สิทธิ์ เทียบเท่าอริยะมหามรรคหมื่นคน ได้ยินว่าภายหลังมีขุนพลศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นอีกสองหมื่นคนหรือขอรับ เรื่องนี้แพร่สะพัดไปทั่วฟ้าบุพกาลแล้ว ท่านเป็นเทพมารฟ้าบุพกาลที่แข็งแกร่งที่สุดไปแล้ว ถึงขั้นมีคนกล่าวขานว่าท่านคือสุดยอดผู้แข็งแกร่งแห่งฟ้าบุพกาลขอรับ!!”
หวงจุนเทียนเอ่ยด้วยความตื่นตัว น้ำเสียงตื่นเต้นนัก
สุดยอดผู้แข็งแกร่งแห่งฟ้าบุพกาล!
หานเจวี๋ยได้ฟังก็รู้สึกชื่นมื่น แต่สีหน้ากลับเรียบเฉย เอ่ยไปว่า “ทำไปเพราะไม่มีทางเลือกเท่านั้น ระยะนี้เป็นอย่างไรบ้าง มีจุดใดที่ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่”
หวงจุนเทียนรีบกล่าวว่า “จะให้ท่านช่วยได้อย่างไรขอรับ ข้ามีวันนี้ได้ ล้วนแต่พึ่งพาท่านทั้งสิ้น มิเช่นนั้นคงสิ้นชีพอยู่ในโลกมนุษย์ไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว สิ่งที่ท่านกระทำสร้างแรงบันดาลใจให้ข้าได้นับไม่ถ้วน ท่านประจำการในมรรคาสวรรค์ก็พอขอรับ ไม่ช้าก็เร็วข้าจะยึดครองกลุ่มมิ่งให้ท่าน รอจนข้าได้เป็นเจ้าชะตาแล้ว ก็สามารถแบ่งเบาภาระของท่านได้มากขึ้น!”
เขาเริ่มบอกเล่าถึงสิ่งที่พบพาน ยิ่งเล่าก็ยิ่งฮึกเหิม
หานเจวี๋ยรับฟังอย่างตั้งใจ เรื่องราวของหวงจุนเทียนก็นับเป็นตำนานจริงๆ หานเจวี๋ยรู้สึกว่ามีสีสันกว่าตนมากนัก ค่อยๆ เปลี่ยนจากเชลยไปสู่ตัวตนที่กุมอำนาจในกลุ่มอิทธิพลมิ่ง ซ้ำยังรับสืบทอดพลังวิเศษดวงชะตาผู้กำหนดชะตาเคราะห์ด้วย
ถึงแม้ตลอดเส้นทางจะมีผู้ทรงศักดิ์คอยชี้นำ แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่หวงจุนเทียนช่วงชิงมาได้
“สักวันหนึ่ง ข้าจะเปิดอาณาเขตอันยิ่งใหญ่ให้ท่าน ขยายอาณาเขตให้มรรคาสวรรค์ขอรับ!” หวงจุนเทียนโบกแขนเสื้อกล่าววาจา สีหน้ามุ่งมั่น ผิดไปจากตัวเขาตอนอยู่ในนิกายเจี๋ยราวกับเป็นคนละคนกัน
………………………………………………………………