จุดนี้ ออกจะเป็นเหตุเป็นผลที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย
ว่าแล้ว หลีฉิงก็มองไปที่ซือเป่ยที่ยังมิได้ตายสนิทดี
สองแขนและหัวใจของซือเป่ยถูกกลืนกินไปหมดแล้ว ศีรษะก็ยังถูกกรงเล็บทะลวงจนทะลุ ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ยามนี้สองตาที่ปูดโปนไปด้วยเส้นเลือดใกล้จะร่วงออกมาจากเบ้าอยู่แล้ว
ดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมองหลีฉิงอย่างถมึงทึง
ทุกสิ่งไม่สมควรกลายเป็นเช่นนี้!
“ข้าต้องขอขอบใจเจ้า อุตส่าห์ทุ่มเทความคิดและเรี่ยวแรงถึงเพียงนี้ สุดท้ายกับกลายเป็นว่าตัดชุดแต่งงานให้กับเรา” หลีฉิงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา พอกรงเล็บขยับก็แทงลงไปในกระโหลกของซือเป่ยในทันที
ครั้งนี้มิได้กลืนกินอย่างเชื่องช้า แต่ว่าบีบแตกและกลืนลงไปในคำเดียว
ยามนี้ นัยตาของเขาค่อยปรากฏวี่แววแห่งความอิ่มเอมในรสชาติอาหารออกมา
ร่างท่อนล่างของซือเป่ยถูกเขาตบลงไปจนกลายเป็นผุยผง เป่าทิ้งไปในสลายลม
จิตเทพของเขาถูกหลีฉิงกลืนกินลงไปจนหมดสิ้น นับว่าสาบสูญไปจากโลกนี้แล้วอย่างแท้จริง
ใครจะไปนึกว่า เทพสงครามที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรแห่งแดนสวรรค์สุดท้ายแล้วก็จะต้องมามีจุดจบเช่นนี้?
ซือเป่ยแสวงหาพละกำลังและอำนาจมาชั่วชีวิต สุดท้ายแล้วทุกสิ่งที่เขาได้กระทำลงไปกลับนำพาเข้าไปสู่ความตาย
เขา….ตายตาไม่หลับ
แต่นั่นแล้วจะอย่างไร? จากนี้เป็นต้นไป ในหกภพภูมิจะไม่มีซือเป่ยอีก ไม่มีเทพสงครามแห่งแดนสวรรค์อีกแล้ว
เพียงไม่นานนามของเขาก็จะถูกชาวโลกลืมเลือนไปอย่างรวดเร็ว
บนเวที ตู๋กูจุนมองดูน้องชายฝาแฝดของตนเองจบชีวิตไปกับตา นอกเสียจากความรู้สึกเจ็บปวดทางร่างกายที่สัมผัสได้เหมือนกัน ในใจของเขาก็มิได้มีระรอกคลื่นแม้แต่น้อย
บางทีอาจเป็นเพราะตั้งแต่ตอนที่ละทิ้งแดนสวรรค์ไปนั้น เขาได้ตัดความสัมพันธ์กับทั้งตระกูลซือและซือเป่ยไปจนหมดสิ้นแล้ว
สายสัมพันธ์ในแดนสวรรค์เดิมทีก็เบาบางดุจแผ่นกระดาษอยู่แล้ว พอฉีกขาด ก็ไม่เหลืออะไรอีก
ซือเป่ยต้องกลายมาเป็นเช่นนี้ ก็ต้องเป็นเพราะตัวเขาเอง ไม่อาจกล่าวโทษผู้อื่น
ตู๋กูซิงหลันมองดูซือเป่ยตกตายอย่างอนาถผ่านบานกระจก ก็คิดไปถึงตอนที่เขาปรากฏตัวขึ้นในหุบเขาปีศาจอย่างเกริกไกร ต้องอดทอดถอนใจไม่ได้
เรื่องราวในใต้หล้าเปลี่ยนแปลงจนยากจะคาดเดาได้
…………….
ยามที่หลีฉิงมองดูจีเฉวียน รอยยิ้มบนสีหน้ายิ่งทีก็ยิ่งร้ายกาจ
“ซีเหอ เจ้ากลับมาแล้ว เราเองก็กลับมาแล้ว ระหว่างพวกเราไม่มีผู้ใดสามารถทำลายอีกฝ่ายได้”
ว่าแล้ว เขาก็ขยับกรงเล็บ เรียกเอาใบดาบสีดำอมทองที่ถูกเขาหักทิ้งไปให้ลอยขึ้นมาจากบนพื้น
พอกำเอาไว้ในมือ ก็ใช้ไอมารที่แข็งแกร่งเผาผลาญกลายเป็นขี้เถ้าจนหมดสิ้น
ขี้เถ้าร่วงลงไปบนกรงเล็บ กลายเป็นฝุ่นทรายสีดำ
ดวงตาที่ล้ำลึกคู่นั้นจดจ้องไปที่จีเฉวียน โดยไม่หลบหลีกแม้แต่น้อย ราวกับว่าต้องการจะมองคนตรงหน้าให้ทะลุปรุโปร่ง
ผ่านไปอีกพักใหญ่ รอยยิ้มของเขาก็ยิ่งล้ำลึกกว่าเดิม “ที่แท้เราก็เข้าใจผิดไป….เจ้ายังไม่ได้กลับคืนมาอย่างสมบูรณ์…..”
ว่าแล้ว เขาก็ปล่อยให้ฝุ่นทรายเหล่านั้นตกลงไป นัยตาที่ลึกล้ำนั้นทอประกายอันตรายขึ้นมาอีกครั้ง “เรากลับคืนมาก่อนเจ้าก้าวหนึ่ง นี่ก็เท่ากับว่าเราชนะแล้ว”
ว่าแล้ว เขาก็ระเบิดไอมารออกมา แผ่กระจายออกไปจนกลายเป็นคลื่นความมืดมน และกลายเป็นกรงเล็บแหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วย กรงเล็บทั้งหมดโจมต้เข้าหาจีเฉวียนพร้อมกันในพริบตา
แรงดึงดูดอันทรงพลังลากดึงจีเฉวียนเข้าหาเขา
“เศษขยะอย่างซือเป่ยนั่นย่อมไม่อาจทำให้เราพึงพอใจได้ เราต้องการเจ้ามากกว่า…..” ท่ามกลางไอมาร หลีฉิงหัวเราะออกมาอย่างฮึกเหิม ไอมารที่เป็นกรงเล็บจำนวนนับไม่ถ้วนเล่านั้นรายล้อมจีเฉวียนเอาไว้อย่างแน่นหนา
“มาเถอะ รวมเป็นหนึ่งเดียวกับเรา นับจากวันนี้เป็นต้นไปพวกเราจะกลายเป็นผู้ปกครองที่สูงส่งที่สุดในหกภพภูมิ มิว่าเจ้าต้องการอะไรล้วนได้ตามนั้น อยากจะให้หกภพภูมิเป็นเช่นไร ก็ล้วนเป็นไปเช่นนั้น….”
หากเปรียบเทียบกันแล้วเขาในยามก่อนยังนับว่าสงบนิ่งกว่านี้ หลีฉิงในตอนนี้ดูไปเหมือนกำลังตกอยู่ในความคลุ้มคลั่ง
ลองคิดดูสิ ซีเหอที่มีพลังแข็งแกร่งขนาดนั้น ยังจะมีผู้ใดในใต้หล้าไม่ปรารถนากันเล่า?
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ซีเหอยังมิได้ตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ สำหรับเขาแล้วนี้เป็นโอกาสอันดีเยี่ยมที่ฟ้าดินประทานให้ มิใช่ได้มาโดยง่าย
ขอเพียงเขาสามารถกลืนกินซีเหอลงไปให้หมดสิ้น จากนี้ไปก็จะไม่มีศัตรูคู่มืออีกแล้ว เขาสามารถทำทุกสิ่งได้ตามปรารถนา
แม้ว่าจีเฉวียนจะถูกฝ่ามือที่เปี่ยมไปด้วยไอมารกรุ้มรุม แต่ว่าเขาก็ยังยืนหยัดอยู่ในที่เดิม ใบหน้าที่สงบนิ่งราวภูเขาน้ำแข็งมิได้เปลี่ยนแปลงไไป
ในมือของเขายังคงกุมดาบสีดำอมทองที่หักสะบั้นไปแล้ว ดวงตาหงส์แฝงเอาไว้ด้วยความเยือกเย็นและเหน็บหนาวปานขุมนรก
“เจ้าไม่คู่ควร” น้ำเสียงที่เย็นชาเอ่ยออกไปเพียงสามคำ
ทันทีที่สิ้นเสียงก็เห็นร่างของเขาถูกไอมารกลืนเข้าไปจนหมด
มองดูจากภายนอกจึงไม่ต่างอะไรกับการถูกหลีฉิงกลืนลงไป
ท่ามกลางไอมารที่หนาแน่น มีแต่เสียงหัวเราะน่าสยดสยองของหลีฉิงลอยออกมา เสียงนั้นยังน่าขนลุกยิ่งกว่าเสียงโหยหวนของภูติผีนับพันนับหมื่นเสียงอีก
เหล่ามารที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ต่างก็โขกศีรษะคำนับกันเป็นทิวแถว ในปากก็กู่ร้องเพียงดังกังวานว่า “น้อมรับเสด็จจอมมารหวนคืน น้อมรับเสด็จจอมมารหวนคืน!”
ตู๋กูซิงหลันที่มองดูสถานการณ์จากในบานกระจกถึงกับนั่งไม่ติดอีกต่อไป
นางรู้ว่าจีเฉวียนนั้นแข็งแกร่ง แต่ว่าอีกฝ่าย….ก็มิใช่ผู้อ่อนแอ
หากให้นั่งมองดูสามีของตนเองถูกกลืนลงไปเฉยๆ โดยที่นางไม่ทำอะไรทั้งสิ้นเช่นนั้นก็ต้องนับว่าประหลาดแล้ว
พอนางก้าวเท้าลงไปจากรถม้า ก็ต้องถูกมังกรยักษ์หน่วนหลงรั้งไว้ในทันที
“ฝ่าบาท หมิงอ๋องทรงมีรับสั่งให้พระองค์ประทับอยู่แต่ในรถม้า ห้ามเสด็จไปไหนทั้งนั้น”
เก้าม้ามังกรที่ลากรถม้ามา ที่แท้ก็คือเหล่ามังกรยักษ์ทั้งเก้านั่นเอง
พวกมันต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของตู๋กูซิงหลัน ไม่อาจปล่อยให้นางเกิดเรื่องแม้แต่น้อย
“ข้าจะรีบกลับมา พวกเจ้าจงรอคอยอยู่ที่นี่”
ตู๋กูซิงหลันไม่สนใจฟัง นางรักจีเฉวียน รักลึกล้ำถึงแก่นกกระดูก จึงเกลียดชังที่เขามักจะชอบเสียสละตนเอง ออกไปเสี่ยงทุกอย่างเพียงลำพัง
พวกนางเป็นสามีภรรยากัน สมควรมีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน ไม่ต้องให้ใครเป็นภาระของใครทั้งนั้น
หากว่ายามนี้นางตกอยู่ในอันตราย จีเฉวียนก็คงทุ่มเททุกอย่างโดยไม่สนใจตนเองเพื่อช่วยเหลือนางเช่นกันมิใช่หรือ?
เก้ามังกรยักษ์ไหนเลยจะฉุดรั้งนางเอาไว้ได้ คิดๆไปฝ่าบาทองพวกมันก็เป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงเช่นกัน …..คำโบราณว่าเอาไว้สามีภรรยาช่วยกันทำมาหากินไม่ถือว่าเหน็ดเหนื่อย พวกมันไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องไปยับยั้งความร่วมมือร่วมใจของสามีภรรยามิใช่หรือ?
ดังนั้นพวกมันจึงหยุดรออย่างเชื่อฟัง รออย่างสงบนิ่งให้พวกเขากลับมา
…………..
พระจันทร์สีดำเหนือศีรษะเต็มดวงแล้ว ลามหนาวพัดโหม ทั้งๆที่ในยามนี้บนดินแดนโบราณเป็นฤดูร้อน แต่ว่าสายลมในตอนนี้กลับพัดแรงจนแทบจะบาดคนได้
หมอกหนาที่ถูกพัดพาจนสลายไปแล้วไม่รู้ทำไมถึงได้เกิดกลับมารวมตัวกันอีก แต่ว่าคราวนี้กลับไม่เหมือนครั้งก่อนที่เป็นหมอกสีแดงอมเลือด ครั้งนี้กลับเป็นหมอกดำ ดำทะมึนไปหมด
สีของมันเพียงอ่อนจางกว่าไอมารเล็กน้อยเท่านั้น
ท่ามกลางหมอกสีดำทะมึนเสียงหัวเราะที่น่าสยดสยองของหลีฉิงยังคงดังออกมาอยู่ตลอดเวลา ตู๋กูซิงหลันติดตามเสียงหัวเราะนั้นเข้าไป
ทันทีที่ถึงเบื้องหน้าหลีฉิง นางก็ไม่พูดไม่จา เปิดฉากโจมตีด้วยยันต์โลหิตสีแดงสามใบในทันที
ยันต์โลหิตพุ่งออกไป กลายเป็นฝ่ามือโลหิตนับร้อยนับพัน โจมตีใส่ไอมารสีดำทะมึน ทุบทำลายจนแหลกเละ
สายลมพัดจนชุดสีแดงของนางโบกสะบัด เส้นผมยาวสลวยสีหมึกอมเงินเริงระบำอยู่ในสายลม เผยให้เห็นรูปโฉมที่งดงามไร้ที่เปรียบ
หลังแต่งงาน บนร่างของสาวน้อยยิ่งเพิ่มพูนเสน่ห์ที่อธิบายไม่ถูกอีกหนึ่งส่วน กลายเป็นความกลมกลืนและสมดุลในความมีชีวิตชีวา
แม้จะมีไอมารขวางกั้น หลีฉิงก็ยังสามารถมองเห็นนางได้
ในชั่วพริบตาที่มองเห็นนั้น หัวใจของเขาถึงกับกระตุกวาบ
………..