เจ็บ!
ตอนที่สติรับรู้ของซือหม่าโยวเย่ว์ฟื้นคืนกลับมาอย่างช้าๆ นั้น ความเจ็บปวดเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เธอรู้สึกได้
“เย่ว์เย่ว์ฟื้นแล้ว!” เสียงของเจ้าคำรามน้อยดังขึ้นข้างหู
“อืม ดูท่าทางจะฟื้นแล้วละ” เจ้าวิญญาณน้อยพูดด้วยน้ำเสียงเจือแววเย่อหยิ่ง
“แต่เหตุใดเจ้านายจึงยังไม่ลืมตาอีกเล่า” น้ำเสียงเป็นกังวลของหลิงหลงดังมาจาก… คางของซือหม่าโยวเย่ว์
“หลิงหลง เจ้าอย่าปีนขึ้นไปบนท้องเย่ว์เย่ว์สิ! อาจจะทับจนเย่ว์เย่ว์ไม่ฟื้นก็ได้นะ” เจ้าคำรามน้อยบินออกไปแล้วยกตัวหลิงหลงขึ้นมา
หลิงหลงขยับตัวหลุดออกจากกรงเล็บของเจ้าคำรามน้อยแล้วร่อนลงบนหลังของย่ากวง ก่อนจะทิ่มแทงเจ้าคำรามน้อยด้วยสายตาอย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่า
“เจ้านายน่าจะฟื้นคืนสติแล้วนะ” ย่ากวงดมตามร่างกายซือหม่าโยวเย่ว์แล้วพูดขึ้น
หลิงหลงมองดูเงาร่างโปร่งแสงที่อยู่ด้านข้างแล้วเบ้ปากพูดว่า “นี่ ให้พวกเราเฝ้าเจ้านายก็พอแล้ว เจ้าคนผู้นี้จะวิ่งออกมาทำไมกัน”
“โอ้ มิใช่ว่าชอบพอเย่ว์เย่ว์เข้าแล้วกระมัง” เจ้าคำรามน้อยตะคอกใส่หมัวซา “บอกไว้ก่อนเลยนะ เย่ว์เย่ว์เป็นของพวกเรา เจ้าห้ามมาแย่งกับพวกเรานะ!”
หมัวซาเหลือบตามองเหล่าสัตว์ตัวน้อยอย่างเฉยชาปราดหนึ่งแล้วเบนสายตาไปยังร่างของซือหม่าโยวเย่ว์ด้วยแววตาลึกซึ้ง
เจ้าคำรามน้อยมองดูหมัวซาแล้วก็มองซือหม่าโยวเย่ว์ เจ้าคนผู้นี้มองเย่ว์เย่ว์ด้วยสายตาเช่นนี้ทำไมกัน ชักมีปัญหาแล้วสิ!
ซือหม่าโยวเย่ว์ได้ยินพวกเจ้าคำรามน้อยกระซิบกระซาบกันอยู่ข้างหูตนไม่หยุดหย่อนจนรู้สึกว่าหัวสมองแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ลืมตาไม่ขึ้น
“รอข้าฟื้นแล้วค่อยจัดการกับพวกเจ้า!” ซือหม่าโยวเย่ว์อดคิดไม่ได้
ถึงแม้ว่าจะลืมตาไม่ขึ้น แต่สติรับรู้ของเธอกลับกระจ่างชัดอย่างยิ่ง เส้นประสาทในร่างกายก็ไวต่อการรับสัมผัสอย่างที่สุด ทำให้ความเจ็บปวดทุกบริเวณทั่วทั้งร่างกายทวีคูณขึ้นหลายเท่า
ในขณะที่เธอรู้สึกว่าตนเองแทบจะหมดสติไปอีกครั้งเพราะความเจ็บปวดนั้นเอง กลิ่นอายเยียบเย็นดุจน้ำแข็งขุมหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาจากจุดตันเถียนแล้วโคจรไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย
ความเจ็บปวดอันร้อนรุ่มค่อยๆ บรรเทาเบาบางลงตามการเคลื่อนตัวของกลิ่นอายขุมนั้นแล้วหายลับไปในท้ายที่สุด
หลังจากที่กลิ่นอายขุมนั้นเคลื่อนตัวไปหลายรอบแล้วก็หยุดลงที่บริเวณจุดตันเถียนก่อนจะนิ่งสงบลงไป
ซือหม่าโยวเย่ว์ค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เธอไม่เห็นเงาร่างของพวกเจ้าคำรามน้อยเลย คาดว่าพอเห็นเธอไม่เป็นไรก็คงออกไปวิ่งเล่นกันเสียแล้ว
“เจ้านาย ท่านฟื้นแล้ว” ย่ากวงเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ฟื้นขึ้นมา จึงพูดอย่างตื่นเต้น
ซือหม่าโยวเย่ว์ลุกขึ้นนั่ง ที่เห็นเป็นคนแรกสุดกลับมิใช่ย่ากวง แต่กลับเป็นหมัวซาที่นั่งอยู่ข้างๆ
เจ้าคนผู้นี้ออกมาได้อย่างไรกัน
เธอถูหน้าผากพลางพูดว่า “ย่ากวง ข้าหมดสติไปนานเพียงใดกันหรือ”
“ระยะเวลาที่หมดสติไปไม่นานนักหรอก ไม่ถึงครึ่งวันก็ได้สติกลับคืนมาแล้ว แต่หลังจากที่ได้สติกลับคืนมาท่านก็หลับอยู่นานถึงสองวันครึ่ง ดังนั้นพอนับรวมๆกันแล้วก็ผ่านไปถึงสามวันเลยทีเดียว” ย่ากวงเอ่ยตอบจากอีกฟากหนึ่ง
“สามวันเลยหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองย่ากวงอย่างตกใจ เมื่อแน่ใจว่ามันมิได้พูดเกินจริงแล้วในใจก็กระซิบไม่หยุดว่าตนรู้สึกเหมือนผ่านไปเพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น แต่เหตุใดจึงนานถึงสามวันได้เล่า
ในขณะนี้เอง เธอจึงค่อยสังเกตมือของตัวเองที่เรียบเนียนไร้ซึ่งรอยแผลเหมือนก่อนหน้านี้ทุกประการ
เธอจำได้ว่าตอนที่เตาหลอมยาระเบิดนั้นเศษชิ้นส่วนที่ลอยกระเด็นได้บาดถูกหลังมือของเธอจนกลายเป็นบาดแผลยาวเส้นหนึ่ง แต่เหตุใดตอนนี้จึงไม่มีแล้วเล่า
“หายดีแล้วล่ะ” หมัวซาเอ่ยปากพูดในทันใด
ซือหม่าโยวเย่ว์เบนสายตาไปทางหมัวซาอย่างประหลาดใจ ประโยคนั้นของเขาหมายความว่าบาดแผลที่หลังมือเธอหายดีแล้วอย่างนั้นหรือ
“ประหลาดใจมากสินะ” หมัวซามองซือหม่าโยวเย่ว์ “ไม่ใช่เพียงแค่บาดแผลบนมือเท่านั้นหรอกนะ แต่บาดแผลบริเวณอื่นๆ บนร่างกายเจ้าก็หายดีหมดแล้วเช่นกัน”
ซือหม่าโยวเย่ว์ลูบบาดแผลบนร่างกายตนแล้วปรากฏว่าไม่มีความรู้สึกอีกแล้วจริงๆ เสียด้วย
“เป็น… เป็นไปได้อย่างไรกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์ซ่อนความประหลาดใจเอาไว้ไม่ได้ จึงมองหมัวซาแล้วถามว่า “ท่านเป็นผู้รักษาบาดแผลให้ข้าหรือ”
หมัวซาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เป็นตัวเจ้าเองนั่นแหละ”
“ข้าหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ชี้ตนเองอย่างสงสัย เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อคำพูดของหมัวซาเลย
“เจ้านาย ท่านฟื้นฟูตัวเองจริงๆ” ย่ากวงพูดอยู่ข้างๆ “ตอนที่ท่านสิ้นสติ บาดแผลบนร่างท่านก็ค่อยๆ ดีขึ้นทีละเล็กละน้อย ตอนนั้นยังทำให้พวกเราตกใจจนตัวแทบลอยเลยทีเดียว!”
“เป็นตัวข้าเองจริงหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้ลึกลับเกินไป แต่ด้วยอุปนิสัยซื่อตรงของย่ากวงแล้วย่อมไม่มีทางหลอกลวงเจ้านายอย่างตนแน่นอน ในเมื่อเขาบอกว่าฟื้นฟูตัวเอง เช่นนั้นก็คงจะเป็นเรื่องจริง
แต่เธอมีความสามารถในการรักษาตัวเองอันเยี่ยมยอดเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
หมัวซาอาศัยจังหวะที่เธอตกตะลึงโฉบเข้ามาตรงหน้าซือหม่าโยวเย่ว์ในทันใด ทำเอาเธอตกใจจนสะดุ้งตัวลอย
“ท่านทำบ้าอะไรน่ะ!”เมื่อเห็นใบหน้าที่ขยายใหญ่ขึ้นอย่างฉับพลัน ถึงแม้จะน่ามอง แต่ก็ทำให้คนตกใจได้ใช่หรือไม่เล่า!
“ร่างกายของเจ้ามีปัญหา” หมัวซาดมตามตัวซือหม่าโยวเย่ว์พลางเอ่ยอย่างเย็นชา
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นหมัวซามองตนราวกับมองเหยี่ออย่างไรอย่างนั้น จึงผลักเขาออกไปตามสัญชาตญาณ แต่มือกลับเคลื่อนผ่านร่างกายเขาไปแทนเสียอย่างนั้น
“ข้ามีปัญหาอะไร! นอกจากความสามารถในการรักษาตัวเองอันยอดเยี่ยมแล้ว ก็น่าจะเหลือแค่ท่านที่มีปัญหากับตัวข้า!”
หมัวซาผละออกจากซือหม่าโยวเย่ว์แล้วพูดว่า “ร่างกายของเจ้าถูกผนึกน่ะสิ!”
“ถูกผนึกอย่างนั้นหรือ ผนึกอันใดกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์ยืนขึ้นแล้วก้มหน้าลงมองร่างกายของตนเองครู่หนึ่ง ก็ไม่เห็นว่าจะมีสิ่งใดผิดปกติเลยนี่นา
“เจ้าเคยเห็นร่างกายของใครที่ได้รับบาดเจ็บเพราะแรงระเบิดแล้วสามารถรักษาตนเองได้ภายในสองวันโดยไม่ต้องกินยาวิเศษเลยหรือไม่” หมัวซาพูด
“เหมือนว่าจะไม่เคยนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ก่อนหน้านี้เจ้าเคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อนหรือไม่” หมัวซาถามอีก
ซือหม่าโยวเย่ว์คิดไปคิดมาในความทรงจำแล้วส่ายหน้า ก่อนหน้านี้ร่างกายนี้ได้รับบาดเจ็บอยู่บ่อยๆ แต่ทุกครั้งล้วนต้องอาศัยยาวิเศษทั้งสิ้นจึงค่อยดีขึ้นได้ ดูคล้ายว่าแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาก่อนเลย
“หรือว่าความสามารถในการรักษาตัวเองของข้ามีความเกี่ยวข้องกับผนึกที่ท่านพูดถึง” ซือหม่าโยวเย่ว์มองหมัวซาแล้วถามขึ้น
“ขณะที่เกิดการระเบิด ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันคุ้นเคยขุมหนึ่ง” หมัวซาพูด “ข้าอยากทำให้แน่ใจว่าใช่มันหรือไม่ แต่เจ้าก็เอาแต่หมดสติมาตลอด ข้าจึงหมดหนทาง”
“ทำให้แน่ใจอย่างไรหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม “ยังมีอีก ผนึกที่ท่านพูดถึงนั้นมันเรื่องอันใดกัน”
“เจ้าต้องให้ข้าตรวจสอบยืนยันก่อน ข้าจึงจะตอบคำถามของเจ้าได้” หมัวซาพูด
“ท่านบอกวิธีการตรวจสอบมาก่อนสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองหมัวซาอย่างไม่เชื่อถือ นี่คือมารตนหนึ่งเลยทีเดียวนะ ถ้าหากเขาเล่นลูกไม้อันใดขึ้นมา จะไม่เท่ากับว่าตนถูกเขาขายไปแล้ว ยังต้องมาช่วยเขานับเงินอีกหรือ
“ให้ข้าเข้าไปในร่างเจ้า” หมัวซาพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์ได้ฟังแล้วไฟโทสะลุกโชน จึงตะคอกใส่เขาว่า “ข้าก็บอกไปแล้วไงว่าท่านต้องกำลังมีความคิดไม่เข้าท่าอันใดอยู่อย่างแน่นอน! หากให้ท่านเข้ามาในร่างข้าแล้วท่านชิงร่างข้าขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่า หรือถ้าท่านทำร้ายร่างกายข้าจะทำอย่างไร ข้าจึงมิอาจเห็นด้วยกับการกระทำเช่นนี้ของท่านได้!”
หมัวซาคิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะมีปฏิกริยาตอบสนองรุนแรงเช่นนี้ จึงเอ่ยว่า “ข้าไม่มีทางทำร้ายเจ้าแน่!”
“ชิ ข้าก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ข้าตรวจสอบข้อมูลแล้ว ในตำราบอกว่าคนของเผ่ามารนั้นขาดความน่าเชื่อถืออย่างที่สุด ตอนนี้ท่านบอกว่าไม่มีทางทำร้ายข้าแต่พอท่านเข้าสู่ร่างข้าแล้วกลับคำขึ้นมาจะทำเช่นไรเล่า ไม่เอาด้วยหรอก!”
หมัวซามองสายตารังเกียจเช่นนั้นของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วเพลิงโทสะในใจก็ลุกโชน บริเวณโดยรอบร่างเขากลับกลายเป็นกระแสน้ำวนอันหนึ่ง
“ทำบ้าอะไร ถูกข้าพูดแทงใจดำเข้าเลยจะฆ่าปิดปากอย่างนั้นหรือ ที่นี่เป็นเขตของข้านะ!” ซือหม่าโยวเย่ว์ตะคอกใส่หมัวซา
กลิ่นอายบนร่างของหมัวซาค่อยๆ บรรเทาลงแล้วกลับกลายเป็นเช่นก่อนหน้านี้ หากมิใช่เพราะกรวดทรายบนพื้นดินแตกต่างไปจากเดิม ซือหม่าโยวเย่ว์คงยังมองไม่ออกว่าเมื่อครู่นี้เขาบันดาลโทสะไปแล้ว
“ข้าไม่มีทางทำร้ายเจ้าได้หรอก เพราะว่า… ระหว่างพวกเรามีการทำพันธสัญญากันเอาไว้อยู่” หมัวซาค่อยๆ เอ่ยคำพูดนี้ออกมา ซึ่งทำให้ซือหม่าโยวเย่ว์ตกใจจนนิ่งค้างอยู่กับที่ไปเสียแล้ว
………………
Related