ซือหม่าหลินมองซือหม่าโยวเย่ว์ เขาเห็นสัตว์อสูรวิเศษของเธอแต่กลับดูไม่ออกว่าเป็นสัตว์อสูรวิเศษชนิดใด
“เจ้าเป็นใครกัน” เมื่อนึกถึงว่าเมื่อครู่เธอดูการปิดผนึกมิติของเขาออกจึงส่งเสียงพูดขึ้น
“ซือหม่าโยวเย่ว์” ซือหม่าโยวเย่ว์มองซือหม่าหลิน “ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นในตอนนั้น พวกท่านก็มิอาจพาพวกเรากลับไปได้หรอก คนที่มีสัตว์ปีศาจเป็นพรรคพวก ข้าย่อมไม่มีทางเชื่อคำพูดที่พวกท่านบอกว่าจะคืนความบริสุทธิ์ให้กับพวกเราอะไรนั่นหรอก”
“เจ้าว่าอะไรนะ” ซือหม่าหลินขมวดคิ้ว ใบหน้าฉายแววโมโห
“พูดอะไรหรือ ท่านอายุมากแล้วจึงเริ่มหูไม่ดี ก็เลยฟังสิ่งที่ข้าพูดไม่เข้าใจอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์หัวเราะเยียบเย็น “ดังคำกล่าวที่ว่าคบคนเช่นไรย่อมเป็นเช่นนั้น ในเมื่อเป็นพรรคพวกเดียวกันกับสิ่งมีชีวิตภพมาร พวกท่านว่าพวกเราจะเชื่อสิ่งที่พวกท่านพูดได้หรือไม่เล่า”
“เป็นพรรคพวกเดียวกันกับสิ่งมีชีวิตภพมารอะไรกันเล่า เจ้าอย่ามาป้ายสีพวกเราตระกูลซือหม่าเชียวนะ!” ซือหม่าโยวหลานได้ฟังคำพูดของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วก็โมโหจนต้องใช้วิชาตัวเบาทะยานเข้ามาพลางกล่าวตำหนิ
“ป้ายสีหรือ พวกเจ้าอย่ามาพูดเลยดีกว่า พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือว่าคราวก่อนท่านปู่ของข้าก็ถูกหนูปีศาจหกนิ้วของตระกูลพวกเจ้าลอบทำร้ายนี่แหละ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“หนูปีศาจหกนิ้วหรือ สัตว์ของภพมารพรรค์นั้นจะมาอยู่ที่ตระกูลซือหม่าของพวกเราได้อย่างไรกัน!” ซือหม่าโยวหลานโมโหจนสีหน้าแดงก่ำ ไม่พอใจที่ซือหม่าโยวเย่ว์มากล่าวหาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“โยวเย่ว์ เจ้าลงไปเสีย” ซือหม่าเลี่ยเห็นสีหน้าของซือหม่าหลินไม่น่าดูมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเอ่ยวาจา
“อ้างอิงจากสิ่งที่เจ้าพูด จะบอกว่าข่ายมีหนูปีศาจหกนิ้วอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าหลินมองซือหม่าโยวเย่ว์ กลิ่นอายของผู้ที่เหนือกว่าทำให้ผู้คนที่อยู่เบื้องล่างหายใจไม่ออกกันอยู่บ้าง
แต่โชคดีที่ก่อนหน้านี้เธอเห็นกลิ่นอายที่หมัวซาแผ่ออกมาจนเคยชินแล้ว จึงมิได้มีปฏิกิริยาตอบสนองมากมายนัก เธอพูดเสียงเยียบเย็นว่า “ต่อให้ท่านคิดอยากจะใช้กำลังมาบีบบังคับพวกเราก็มิอาจเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนี้ได้หรอก”
“ข่าย” ซือหม่าหลินมองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วตะโกนเรียกคนด้านหลัง
“พี่ใหญ่ ข้าจะมีสิ่งมีชีวิตภพมารได้อย่างไรกันเล่า หนูปีศาจหกนิ้วหน้าตาเป็นเช่นไรข้ายังไม่รู้เลย” ซือหม่าข่ายคิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะแฉเรื่องนี้ออกมา ตอนนี้จึงได้แต่พูดปดเท่านั้น
“ได้ยินแล้วใช่หรือไม่” ซือหม่าโยวหลานมองซือหม่าโยวเย่ว์ “พวกเราตระกูลซือหม่าเป็นตระกูลใหญ่แห่งดินแดนอี้หลิน แล้วจะไปทำเรื่องเช่นการเป็นพรรคพวกเดียวกับสัตว์ปีศาจเหมือนที่เจ้าว่าได้อย่างไรเล่า”
ถึงแม้ว่าซือหม่าหลินและซือหม่าชิงจะมิได้พูดจา แต่สีหน้าล้วนแฝงไปด้วยความหมายอย่างหนึ่ง
ซือหม่าโยวเย่ว์หัวเราะเสียงเย็นแล้วตบหลังเจ้าคำรามน้อยเบาๆ เจ้าคำรามน้อยเข้าใจในทันทีจึงรีบกระแอมก่อนส่งเสียงคำรามดังลั่น
“โฮก…”
ถึงแม้ว่าเสียงของเจ้าคำรามน้อยจะดังสนั่น แต่กลับไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อมนุษย์เลย มีเพียงแค่ซือหม่าข่ายที่กุมศีรษะด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“ท่านอาสาม ท่านเป็นอะไรไปน่ะ” ซือหม่าโยวหลานเห็นซือหม่าข่ายกุมศีรษะจึงเอ่ยถามขึ้น
เสียงร้องของซือหม่าโยวหลานดึงดูดความสนใจของทุกคนไปจนหมด
“พี่สาม ท่านเป็นอะไรไปน่ะ” ซือหม่าเค่อถาม
ซือหม่าชิงมองซือหม่าข่ายพลางถามด้วยเสียงเฉียบขาดว่า “ซือหม่าข่าย เจ้าเป็นอะไรไป!”
ซือหม่าข่ายมือหนึ่งกุมศีรษะ อีกมือชี้ซือหม่าโยวเย่ว์พลางเอ่ยว่า “เจ้าทำอะไรกับข้าน่ะ!”
ซือหม่าโยวเย่ว์ตบศีรษะเจ้าคำรามน้อยเบาๆ เจ้าคำรามน้อยก็คำรามอีกครั้งหนึ่ง ความเจ็บปวดของซือหม่าข่ายทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นจนมิอาจเหินทะยานได้อีกต่อไป ร่างของเขาร่วงหล่นลงสู่พื้นดินในทันใด
ซือหม่าเค่อร่อนลงไปแล้วรับตัวซือหม่าข่ายเอาไว้ก่อนที่เขาจะหล่นกระแทกพื้น
“เจ้าทำอะไรกับท่านอาสามของข้าน่ะ”
ซือหม่าโยวหลานพูดพลางจะพุ่งเข้าไปโจมตีซือหม่าโยวเย่ว์ แต่ถูกสายตาของซือหม่าหลินตรึงเอาไว้ที่เดิม
ซือหม่าหลินหันมามองเจ้าคำรามน้อยแล้วพูดว่า “นี่มันเรื่องอันใดกัน”
“อีกครั้งหนึ่งท่านก็จะรู้แล้วล่ะว่าเพราะอะไร” พอซือหม่าโยวเย่ว์พูดจบ เจ้าคำรามน้อยก็ประสานรับโดยการคำรามอีกครั้งหนึ่ง
“อ๊ากกกก…”
ซือหม่าข่ายที่อยู่บนพื้นส่งเสียงตะโกนดังลั่น หนูปีศาจหกนิ้วตนหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากร่างของเขา ทำให้ผู้คนโดยรอบตกตะลึง
“นี่มันสิ่งใดกัน! อัปลักษณ์ยิ่งนัก!” ซือหม่าโยวหลานเห็นหนูตัวสีดำสนิทขนาดพอๆ กันกับกระต่าย อีกทั้งบนร่างยังมีน้ำสีดำไหลหยดออกมาอีกด้วย จึงร้องอุทานออกมาในทันใด
ซือหม่าหลินและซือหม่าชิงมองออกในทันทีว่านี่คือสิ่งมีชีวิตภพมาร เมื่อเห็นหนูหกนิ้วอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ซือหม่าชิงจึงร้องตะโกนว่า “หนูปีศาจหกนิ้ว!”
สีหน้าของคนตระกูลซือหม่ากลายเป็นไม่น่าดูขึ้นมา เมื่อครู่พวกเขายังพูดด้วยความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าตระกูลซือหม่าย่อมไม่มีทางเป็นพวกเดียวกันกับสิ่งมีชีวิตภพมารแน่นอน ตอนนี้หลักฐานเผยต่อหน้าทุกคนอย่างชัดแจ้ง เหมือนกับตบหน้าพวกเขาฉาดใหญ่เลยทีเดียว
“หนูปีศาจหกนิ้ว…ท่านอาสาม ท่านมีของพรรค์นี้ได้อย่างไรกัน!” ซือหม่าโยวหลานตะลึงงันไปเสียแล้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
“จิ๊ดๆ”
ดูเหมือนว่าหนูปีศาจหกนิ้วจะถูกเสียงของเจ้าคำรามน้อยทำร้ายไม่เบาเช่นเดียวกัน หลังจากออกมาแล้วมันก็วิ่งพล่านอยู่บนพื้นมาตลอด
เห็นแววตาของซือหม่าโยวเย่ว์เต็มไปด้วยแววอาฆาต
“ซือหม่าข่าย เจ้ามีสัตว์อสูรปีศาจได้อย่างไรกัน!” ซือหม่าชิงตะคอก
“ใช่แล้ว พี่สามท่านมีสัตว์อสูรปีศาจได้อย่างไร” แม้กระทั่งซือหม่าเค่อก็ยังประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
“จิ๊ดๆ”
ดวงตาของหนูปีศาจหกนิ้วที่เปล่งประกายออกมาราวกับโคมไฟมองดูผู้คนโดยรอบ แววดุร้ายนั้นแสดงธาตุแท้ของสัตว์อสูรปีศาจออกมาอย่างชัดเจน
“จิ๊ดๆ”
เมื่อเห็นซือหม่าเค่อที่อยู่ข้างกายซือหม่าข่าย หนูปีศาจหกนิ้วจึงทะยานเข้าไปหมายจะขบกัดเขา แต่ยังไปไม่ทันถึงตัวเขาก็ถูกพลังวิญญาณสายหนึ่งโจมตี
เมื่อเห็นหนูปีศาจหกนิ้ว เจ้าคำรามน้อยก็คึกคักขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด มันคำรามเสียงดังขึ้นมาโดยไม่มีคำสั่งจากซือหม่าโยวเย่ว์ คลื่นเสียงทำให้หนูปีศาจหกนิ้วตระหนกจนวิ่งพล่านอยู่บนพื้น ไม่หยุดนิ่งเลยแม้แต่ครู่เดียว
“พรึ่บ…”
ขณะที่หนูปีศาจหกนิ้วหอบหายใจ ซือหม่าข่ายก็กระอักโลหิตสีดำออกมาคำหนึ่ง หลังจากนั้นจึงหมดสติล้มลงไป
ยอดฝีมือระดับราชันวิญญาณคนหนึ่งถูกจัดการไปเช่นนี้ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ผู้คนในที่นั้นปากอ้าตาค้างกันอยู่บ้าง
ซือหม่าหลินมองพื้นดินปราดหนึ่งก็เห็นว่าซือหม่าข่ายยังมีลมหายใจอยู่ ทว่ามิได้สนใจเขาอีก หากแต่เบนสายตาไปมองซือหม่าโยวเย่ว์แทน
“เลี่ย ตอนนี้เจ้าจะว่าอย่างไรเล่า”
“พี่เลี่ย ท่านกลับไปกับพวกเราดีกว่า ถ้าหากพวกเขากล้าคิดสังหารท่านโดยไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดีจริงๆ ข้าก็จะสละชีวิตมาปกป้องความสงบสุขของท่านเอง” ซือหม่าชิงพูด
“ข้า…”
“ท่านปู่” ซือหม่าโยวเย่ว์มองซือหม่าเลี่ย เธอไม่อยากให้ซือหม่าเลี่ยเอ่ยวาจาที่เหลือออกมาเลยจริงๆ
ความประทับใจที่ตระกูลซือหม่ามอบให้กับเธอนั้นเลวร้ายเหลือเกิน ถ้าหากกลับไปเช่นนี้ เธอก็เป็นกังวลว่าพวกเขาจะต้องจบชีวิตกันหมด
ซือหม่าหลินมองท่านอาจารย์ใหญ่อาวุโสที่สังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ก็เห็นแวววิตกกังวลในดวงตาของเขา จึงเอ่ยว่า “เลี่ย ในเมื่อรู้แล้วว่าเจ้าอยู่ที่นี่ วันนี้ต่อให้ข้าไม่จับตัวเจ้ากลับไป วันหน้าก็ต้องมีคนอื่นมาจับตัวเจ้าไปอยู่ดี พวกเจ้ากลับไปกับพวกเราเสียดีกว่า พวกเราจะยอมไว้ชีวิตพวกเจ้า ถ้าหากเป็นคนอื่นมา ก็ไม่แน่ว่าพวกคนที่อยู่ข้างล่างเหล่านั้นจะรอดชีวิตไปได้หรอกนะ!”
ซือหม่าเลี่ยมองพวกซือหม่าโยวหมิงที่ยังคงหมดสติอยู่ปราดหนึ่ง นัยน์ตาฉายแววดิ้นรน
เดิมทีเขาคิดว่าต่อให้ต้องระเบิดตัวเองก็ต้องทำให้พวกเขาจากไปให้ได้ แต่คิดไม่ถึงว่าพลังยุทธ์ของซือหม่าหลินจะรุดหน้าไปกว่าเขามากเหลือเกิน ทั้งยังรู้เคล็ดวิชาห้วงมิติด้วย ดังนั้นการระเบิดตนเองจึงไม่มีประโยชน์อื่นใดนอกจากการเอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆ เท่านั้น
หลบหนีมาหลายปีถึงเพียงนี้ เขาก็ควรกลับไปทวงความยุติธรรมคืนให้บิดาของตัวเองได้แล้ว ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะทำได้หรือไม่ แต่การหลบหนีอยู่ที่นี่ไปตลอดก็จะเป็นการขัดขวางการพัฒนาของพวกพี่น้องซือหม่าโยวหมิงได้
“เอาละ ข้ากลับไปกับพวกเจ้าก็แล้วกัน…”
“ท่านปู่! ! !” ซือหม่าโยวเย่ว์เบิกตาโพลงมองดูซือหม่าเลี่ย ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะยอมกลับไปเช่นนี้ได้