ซือหม่าเลี่ยมองความตื่นตระหนกในดวงตาของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วก็รู้ว่าเธอคงมิอาจเข้าใจได้ “โยวเย่ว์ พวกเรามิอาจหลบหนีไปตลอดชีวิตได้อยู่แล้ว มีเรื่องบางอย่างที่พวกเรามิอาจลากผู้อื่นมาเกี่ยวข้องด้วยได้”
ซือหม่าโยวเย่ว์มองบ่อน้ำที่ถูกทำลายไปไม่น้อยเบื้องล่าง มองดูคนบริสุทธิ์ที่อยู่ข้างล่างเหล่านั้นแล้วจึงเข้าใจในการกระทำของซือหม่าเลี่ยขึ้นมาบ้าง
“แต่ท่านปู่ หากพวกเรากลับไปกับพวกเขาแล้วพวกเขาจะคืนความยุติธรรมให้กับพวกเราได้จริงๆ น่ะหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองพวกซือหม่าหลินอย่างสงสัย เพราะเรื่องของซือหม่าข่ายทำให้เธอไม่เชื่อมั่นในกลุ่มคนที่เรียกว่าครอบครัวเหล่านี้เลย
“โยวเย่ว์ มีแค่ข้ากับบรรดาพี่ชายของเจ้าเท่านั้น ไม่รวมเจ้า” ซือหม่าเลี่ยพูดอย่างลังเล
“ท่านปู่!” ซือหม่าโยวเย่ว์ตกใจอย่างรุนแรง
“ต้องพาตัวคนของตระกูลซือหม่ากลับไปให้หมด” ซือหม่าหลินพูด
“อันที่จริงแล้วข้าไม่อยากบอกเรื่องนี้กับเจ้าเลย แต่ตอนนี้จะไม่บอกเจ้าก็คงไม่ได้เสียแล้ว เจ้ามิใช่คนตระกูลซือหม่าของข้า เจ้าเป็นเพียงแค่เด็กที่พวกเรารับมาเลี้ยงเท่านั้น” ซือหม่าเลี่ยพูด “ดังนั้นเจ้าไม่ต้องมีส่วนร่วมกับเรื่องของตระกูลซือหม่าหรอก”
“ท่านปู่ ข้ารู้ แต่พวกท่านเลี้ยงดูข้าจนเติบใหญ่ พวกท่านก็คือครอบครัวของข้า!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างแน่วแน่
“เจ้า… เจ้ารู้แล้วอย่างนั้นหรือ!” คราวนี้กลับเป็นซือหม่าเลี่ยที่พรั่นพรึงแทน
พวกซือหม่าโยวหมิงบอกนางแล้วอย่างนั้นหรือ
“เพราะเรื่องบางอย่างเคยทำให้ข้าเกิดความสงสัย ต่อมาจึงถามอาจารย์ แล้วเขาก็บอกความจริงกับข้า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ไม่สมควรมาปรากฏตัวที่นี่” ซือหม่าเลี่ยพูดด้วยสีหน้าหม่นลง
“ท่านปู่ ก่อนหน้านี้ท่านคือท่านปู่ของข้า ภายหน้าก็ยังคงเป็นท่านปู่ของข้าอยู่ดี ก่อนหน้านี้ข้าเป็นคนตระกูลซือหม่า ในภายหน้าก็จะเป็นต่อไป เรื่องนี้มิอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดกาล!” ซือหม่าโยวเย่ว์มองซือหม่าเลี่ยพลางพูดความคิดของตนออกมาจนหมดสิ้น
ซือหม่าเลี่ยมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างอ่อนไหว เขาคิดไม่ถึงว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะล่วงรู้ชาติกำเนิดของตัวเองแล้ว และยิ่งคิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่หวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อยในยามอันตรายเช่นนี้
แต่เขามิอาจให้เธอติดตามตนกลับไปได้ เพราะต่อจากนี้จะมีเรื่องเกิดขึ้นอีกมากมายเพียงใดก็มิอาจล่วงรู้ได้ เขามองซือหม่าหลินแล้วพูดว่า “นางมิใช่คนของตระกูลซือหม่า เจ้าจะพาตัวนางกลับไปมิได้”
ซือหม่าหลินเหลือบมองซือหม่าโยวเย่ว์ปราดหนึ่งโดยมิได้แสดงความเห็นแต่อย่างใด
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ลงไปกันก่อนดีกว่า ค่อยลงไปหารือกันข้างล่างว่าจะพาตัวนางกลับไปหรือไม่” ซือหม่าชิงพูด
พวกเขาร่อนลงมาข้างล่าง ซือหม่าเลี่ยรีบเข้าไปดูพวกซือหม่าโยวหมิงในทันที เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่เป็นไรจึงค่อยถอนหายใจออกมา
“โยวเย่ว์ พอพวกเราจากไปแล้วเจ้าต้องตั้งใจฝึกยุทธ์ให้ดีล่ะ ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานเจ้าต้องออกไปจากที่นี่ได้แน่” หลังจากที่ซือหม่าโยวเย่ว์ลงมาจากร่างของเจ้าคำรามน้อยแล้ว ซือหม่าเลี่ยก็เข้าไปตบบ่าเธอพลางเอ่ยขึ้น
“ท่านปู่…”
“จะฟังที่ปู่พูดหรือไม่!” ซือหม่าเลี่ยถลึงตามองซือหม่าโยวเย่ว์
“เจ้าเป็นปรมาจารย์ค่ายกลหรือ” ซือหม่าหลินถามขึ้นทันควัน
“นับว่าใช่ก็แล้วกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เช่นนั้นพลังจิตของเจ้าคงจะแข็งแกร่งมากแล้วสินะ” ซือหม่าหลินพูด “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะให้โอกาสเจ้าสักครั้งหนึ่ง ถ้าหากเจ้าต้านรับการโจมตีพลังจิตของข้าได้ถึงสามครั้ง เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าไปด้วยกัน ถ้าหากทำมิได้เจ้าก็จะไม่ได้ไป ทั้งยังมิอาจขัดขวางไม่ให้พวกเขาไปด้วย”
“ได้สิ” ซือหม่าโยวเย่ว์รับคำ
“เรื่องนี้…” ซือหม่าเลี่ยลังเลอยู่บ้าง เพราะกลัวซือหม่าโยวเย่ว์จะได้รับบาดเจ็บ
“พี่เลี่ย เชื่อพี่ใหญ่เถิด” ซือหม่าชิงพูดอยู่ข้างๆ
“เข้ามาเลย” ซือหม่าโยวเย่ว์เดินมาอีกข้างแล้วหมุนตัวไปมองซือหม่าหลิน
ขณะนี้เอง พวกซือหม่าโยวหมิงทั้งสี่คนก็ฟื้นคืนสติขึ้นมา เมื่อเห็นซากปรักหักพังตรงหน้า พวกเขาต่างก็มิได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอยู่ครู่หนึ่ง เพราะไม่รู้เลยว่านี่ก็คือสถานที่ที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่นั่นเอง
ซือหม่าหลินมองซือหม่าโยวเย่ว์พลางเอ่ยว่า “เจ้าคิดดีแล้วหรือ ถ้าหากเจ้าต้านรับสามกระบวนท่าของข้าไม่ไหว เช่นนั้นเจ้าจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างยิ่งเลยทีเดียวนะ”
“ข้าย่อมต้องคิดจนกระจ่างดีแล้วสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เริ่มต้นเลยดีกว่า”
ซือหม่าหลินมองซือหม่าโยวเย่ว์ ความคิดวูบไหวคราหนึ่ง ซือหม่าโยวเย่ว์รู้สึกว่าห้วงสมองของตนราวกับถูกฝังเข็มก็มิปาน สีหน้าซีดขาวในทันใด
ซือหม่าโยวเย่ว์มึนงง แต่มิได้ล้มลง ทว่าพลังจิตเฉื่อยชาลงไปไม่น้อยเลย
ซือหม่าหลินมองซือหม่าโยวเย่ว์ นัยน์ตามีแววประหลาดใจสายหนึ่งวาบผ่าน คิดไม่ถึงว่าพลังจิตของซือหม่าโยวเย่ว์จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ การโจมตีเพียงแค่ทำให้เธอมึนงงเท่านั้นเอง
“ท่านปู่ นี่น้องห้า…” ซือหม่าโยวหรานมองซือหม่าโยวเย่ว์และซือหม่าหลินพลางเอ่ยถามขึ้น
ซือหม่าเลี่ยถอนหายใจแล้วเล่าสถานการณ์ในตอนนี้ให้ฟัง
“การโจมตีครั้งที่สองมาแล้ว” ซือหม่าหลินพูดจบ ซือหม่าโยวเย่ว์ก็รู้สึกว่าบนแผ่นหลังของตนคล้ายกับมีภูเขาลูกโตงอกขึ้นมาลูกหนึ่ง แรงโน้มถ่วงนั้นกดดันลงสู่ด้านล่างอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายของเธอทรุดลงไปทีละน้อยๆ
ซือหม่าโยวเย่ว์โคจรพลังจิตมาต้านรับ แต่อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเธอมากเกินไป ทำให้การต้านทานของเธอไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย
“พลั่ก…”
ซือหม่าโยวเย่ว์เปียกชุ่มด้วยเหงื่อไปทั้งตัว ร่างของเธอก็ถูกแรงกดดันนั้นทำเอาเข่าข้างหนึ่งทรุดลงไปกับพื้น
“น้องห้า!”
พวกซือหม่าโยวหมิงทั้งสี่คนเห็นสภาพของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วต่างก็อยากจะเข้าไปช่วยเธอ แต่กลับถูกซือหม่าเลี่ยขวางเอาไว้ที่เดิม
ซือหม่าเลี่ยส่ายหน้าปรามพวกเขา ถึงแม้ว่าพวกซือหม่าโยวหมิงจะไม่เข้าใจ แต่ก็ยังนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน เพียงแค่มองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างเป็นกังวลเท่านั้น
“เป๊าะ…”
เพราะคิดจะค่อยๆ ยืนขึ้นมา เธอกลับถูกรั้งกลับไปบนพื้นอีกครั้ง หัวเข่ากระแทกพื้นอย่างรุนแรงจนทุกคนในที่นั้นได้ยินเสียงหัวเข่าของเธอแหลกละเอียด
“น้องห้า!” ซือหม่าโยวเล่ออุทานอย่างตกใจแล้วตะโกนใส่ซือหม่าหลินว่า “เจ้าทำอะไรน่ะ เหตุใดจึงต้องทำให้นางลำบากด้วยเล่า!”
ซือหม่าเลี่ยคิดจะขัดขวาง แต่ซือหม่าชิงคว้ามือเขาเอาไว้แล้วพูดว่า “พี่เลี่ย พี่ใหญ่กำลังเผยศักยภาพของเขาอยู่นะ”
ซือหม่าเลี่ยมองดูก็พบว่าสภาวะของซือหม่าโยวเย่ว์แตกต่างกับก่อนหน้านี้อยู่บ้างจริงๆ จึงปล่อยมือที่ยกขึ้นมาลง
สองคนขับเคี่ยวกันอยู่ราวๆ สิบกว่านาที ซือหม่าโยวเย่ว์จึงพ่ายแพ้ ไอพลังบนร่างหมดสิ้นไป กระดูกหลายแห่งแตกหักและแหลกสลาย ในขณะที่ซือหม่าหลินเก็บพลังจิตของตนกลับมานั้นซือหม่าโยวเย่ว์ก็นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนพื้น แทบจะสูญสิ้นสติรับรู้
“ท่านปู่ น้องห้าคงจะไม่เป็นไรกระมัง” ซือหม่าโยวเล่อพูดพลางมองซือหม่าโยวเย่ว์
ซือหม่าเลี่ยเองก็ไม่รู้เช่นกัน เพียงแค่เม้มปาก ไม่เอ่ยวาจา
“เจ้าแพ้แล้ว” ซือหม่าหลินพูดพลางมองซือหม่าโยวเย่ว์ที่อยู่บนพื้น ประกาศผลการแข่งขันระหว่างคนทั้งสอง
ซือหม่าโยวเย่ว์หมอบอยู่บนพื้น ทั้งร่างราวกับถูกรถทับ นี่คือพลังยุทธ์ระดับราชันวิญญาณขั้นสูงอย่างนั้นหรือ
ซือหม่าหลินมองซือหม่าเลี่ยแวบหนึ่ง ซือหม่าเลี่ยเรียกพ่อบ้านมาแล้วพูดว่า “ต่อไปนี้ไม่มีจวนแม่ทัพอีกแล้ว เจ้าจงแบ่งทรัพย์สมบัติของตระกูลให้กับทุกคน จากนี้ไปแต่ละคนต้องแยกย้ายไปตามทางของตัวเองแล้วนะ”
“ท่านแม่ทัพ ท่านจะจากไปจริงๆ หรือขอรับ” พ่อบ้านมองซือหม่าเลี่ยอย่างเป็นกังวล
“จำเป็นต้องไป…” ซือหม่าเลี่ยตบบ่าพ่อบ้าน “รบกวนเจ้าช่วยดูแลคุณชายระหว่างนี้ด้วย หลังจากที่อาการบาดเจ็บของเขาหายดีแล้ว เขาอยากจะทำสิ่งใดก็ให้เขาไปทำเถิดนะ”
“ขอรับ ท่านแม่ทัพ” พ่อบ้านรับปากอย่างไม่เต็มใจ
พวกซือหม่าโยวหมิงทั้งสี่คนรู้การตัดสินใจของซือหม่าเลี่ยแล้วก็ไม่มีใครเห็นต่างแต่อย่างใด ซือหม่าเลี่ยต้องการกลับไป พวกเขาก็ย่อมต้องไปด้วยอยู่แล้ว
“โยวหลาน เจ้ายังสัมผัสร่องรอยของผลอสรพิษทองคำไม่ได้เลยหรือ” ซือหม่าหลินถาม
“สัมผัสไม่ได้เลย” ซือหม่าโยวหลานส่ายศีรษะ
“พวกเราไม่มีเวลาให้มามัวชักช้าอยู่ที่นี่หรอกนะ ในเมื่อหาไม่พบ เช่นนั้นก็คงได้แต่ปล่อยวางแล้วล่ะ ตอนนี้พวกเรากลับไปกันเดี๋ยวนี้เลย”
ในขณะนี้เอง น้ำเสียงอ่อนแอเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากพื้นดิน
“สามปี…”