ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 771 นี่เฮียเอง!

ตอนที่ 771 นี่เฮียเอง!

แต่ไหนแต่ไรจีเฉวียนก็มิใช่พวกมือเท้าอ่อนด้อย รีๆรอๆไม่ยอมลงมืออยู่แล้ว

เรื่องยุ่งเหยิงที่พัวพันมานานนับหมื่นปี สมควรต้องชำระให้จบสิ้นไปในวันนี้เอง

ผู้ใดกล้าขัดขวาง ล้วนกำจัดได้โดยไม่จำเป็นต้องละเว้นทั้งสิ้น

นี่คือสิ่งที่แดนสวรรค์ติดค้างเผ่าภูติ ติดค้างหนี้ชีวิตนับพันนับหมื่นดวงที่ต้องตกตายไปอย่างอนาถ

แน่นอนว่า หากมีเทพองค์ใดต้องการเปลี่ยนฝั่ง เขาก็ยินดีจะรับเอาไว้

พอจีเฉวียนออกคำสั่งออกไป สิบยมราชก็ลงมืออย่างพร้อมเพียง

บนหน้าผากของแต่ละคนปรากฏตราประทับยมราชสีดำขึ้นมา คราวนี้ ตราประทับเหล่านั้นทอประกายแสงสีดำอมทองออกมาด้วย

เพียงพริบตาเดียว ประกายแสงเหล่านั้นก็ครอบคลุมร่างกายของเหล่ายมราชเอาไว้

กองทัพภูติผีของเผ่าภูติที่อยู่ด้านหลังก็บุกออกมาด้วยเช่นกัน

การปรากฏตัวของทั้งหมดนำพาความมืดมิดครอบคลุมไปทั่วท้องฟ้า สนามรบที่เดิมทีมีแต่กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ยามนี้ยิ่งเพิ่มพูดความลึกลับและน่าหวาดผวากว่าเดิม

ตู๋กูซิงหลันถูกจีเฉวียนดึงตัวเอาไว้ สิบยมราชคอยป้องกัน ไม่ปล่อยให้นางออกไปจากกลุ่ม แม้แต่เพียงก้าวเดียวก็ไม่ได้

มือซ้ายของจีเฉวียนอุ้มพิณจันทราของเขาเอาไว้ เส้นผมสีดำพลิ้วออกไปที่ด้านหลัง ดูไปทั้งทนง องอาจแฝงความเกียจคร้าน

ที่ด้านหลังของตี้เสีย คือฮว๋ายยู่ที่อยู่ในสภาพดูไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว

แม้ว่าพระองค์จะทรงช่วยนางออกมาจากการลงมือของหยวนเมิ่ง แต่ก็มิได้เหลือบแลนางแม้แต่ครั้งเดียว

ไอมารบนร่างของพระองค์ยิ่งทีก็ยิ่งพุ่งพล่านออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เหล่าเทพกว่าครึ่งล้วนถูกครอบงำ กลายเป็นเครื่องมือสังหารของพระองค์

กองทัพภูติผีของเผ่าภูติ และเหล่าสัตว์อสูรที่เคยถูกกักขังเอาไว้ในเจดีย์กำราบมาร ต่างก็สู้รบกับเหล่าเทพอย่างพัวพันจนแยกแยะไม่ออก

เหล่าเทพที่ถูกไอมารครอบงำ ในดวงตามีแต่สีแดงและกลิ่นคาวเลือด พวกเขาบุกฝ่าไปยังด้านหน้า เข่นฆ่าสังหารโดยไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ แต่ละคนต่อให้แขนขาดขาด้วนก็ยังคงต่อสู้อย่างสุดกำลัง

หากจะทำลายเทพสักองค์หนึ่ง นอกจากจะต้องทำลายร่างกายของพวกเขาแล้ว ยังจะต้องทำลายดวงจิตของพวกเขาอีกด้วย

แต่ว่าพอร่างกายของเทพเหล่านั้นพึ่งจะถูกทำลายไป จิตวิญญาณของพวกเขาก็ถูกตี้เสียดูดกลืนไปจนหมดสิ้น

หมอกสีดำบนร่างของพระองค์ยิ่งทีก็ยิ่งเพิ่มพูน ไอมารรอบกายยิ่งทีก็ยิ่งหนาแน่น

ไอมารเหล่านี้ยิ่งแผ่ออกไปครอบคลุมกองทัพจักรพรรดิสวรรค์เอาไว้ และด้วยบัญชาของตี้เสีย ทั้งหมดก็กลายเป็นเครื่องมือสังหาร

สองฝ่ายปะทะกันอย่างดุเดือด ไม่มีผู้ใดได้เปรียบกว่ากันทั้งนั้น

ตี้เสียมิได้เอาแต่ทอดพระเนตรดูอยู่เฉยๆ พระองค์เก็บแส้ทลายนภากลับไป ฝ่าพระหัตถ์ใหญ่โตโบกขึ้นมา จากนั้นเปลวเพลิงสีดำก็ผุดขึ้นมาจากในร่างของพระองค์ และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

เปลวเพลิงสีดำนั้นเป็นเหมือนดั่งน้ำพุ พริบตาเดียวก็เพิ่มปริมาณ ทวีจำนวนตลอดเวลา

เพลิงสีดำนั้น….มิใช่ธรรมดา!

เปลวเพลิงที่ได้รับพลังจากทั้งจอมมารและจักรพรรดิสวรรค์ มีพลังทำลายล้างรุนแรง ขอเพียงสัมผัสถูกร่างกายแม้เพียงเล็กน้อยก็จะลุกลามไปทั่วทั้งร่าง

สิบยมราชต่างก็มีสีหน้าหนักใจ

พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ตี้เสียจะสามารถสร้างเปลวเพลิงที่ชั่วร้ายเช่นนี้ขึ้นมาได้

ต่อให้เป็นร่างกายของพวกเขา หากถูกเปลวเพลิงนี้เข้า เกรงว่าก็คงยากจะต้านทานได้เช่นกัน

ตี้เสียทอดพระเนตรมองดูสีหน้าของพวกเขา ก็พอพระทัยอย่างยิ่ง

มุมพระโอษฐ์ของพระองค์ยกยิ้มแย้มสรวล เผยให้เห็นไรฟันขาวสะอาดแหลมคม

“เราคือผู้ปกครองสูงสุดของหกภพภูมิ เมื่อหมื่นปีก่อนเจ้าไม่อาจทำอะไรเราได้ วันนี้ก็เช่นเดียวกัน”

พระองค์ตรัสพลาง ก็เพิ่มพูนความรุนแรงของเปลวเพลิงสีดำขึ้นไปอีก ความวุ่นวายทั้งหมดเบื้องหน้านี้ หากถูกไฟเผาผลาญจนสิ้นไปทั้งหมดก็ยิ่งดี

เพลิงสีดำนี้ คือเปลวไฟจากในพระทัยของพระองค์ ในใต้หล้านี้ไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถดับมันได้

นอกเสียจากว่าจะมีเพลิงที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเพลิงในพระทัยของพระองค์

แต่ว่าสิ่งนั้น….ย่อมไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว

“ข้าผู้เฒ่าเชื่อแล้วว่าเจ้ามันชั่วช้า!” ตลอดชีวิตของไท่ซานอ๋องผู้เป็นหนึ่งในสิบยมราช ก็เป็นผู้ที่ไม่ยอมสยบต่อผู้ใดโดยง่ายอยู่แล้ว

เขากระชับฆ้อนยักษ์ในมือแล้วพุ่งออกไปในทันที

ฉู่เจียงรีบร้องห้ามเขาเอาไว้ “อย่า….”

‘สัมผัส’ คำนั้นยังไม่ทันจะออกจากริมฝีปาก ก็เห็นเงาร่างของไท่ซานอ๋องโบยบินไปถึงเบื้องหน้าของตี้เสียแล้ว ฆ้อนยักษ์ในมือของเขาขยายใหญ่จนมีขนาดพอๆกับตำหนักเล็กๆหลังหนึ่ง

ฆ้อนยักษ์ยังไม่ทันจะกระทบถูก ก็เห็นพื้นหินหยกใต้พระบาทของตี้เสียแตกออก กลายเป็นหลุมยุบขนาดใหญ่แห่งหนึ่งขึ้นมา

ขณะที่เห็นว่าฆ้อนกำลังจะทุบลงไปบนพระเศียร ก็เห็นเปลวเพลิงสีดำของพระองค์ไหลขึ้นไปบนฆ้อนยักษ์ของไท่ซานอ๋อง

ไท่ซานอ๋องกุมฆ้อนในมือเอาไว้มั่นไม่ยอมปล่อย พริบตาเดียวเปลวเพลิงสีดำนั้นก็ไหลลามขึ้นไปบนมือของเขาอย่างรวดเร็ว

ไท่ซานอ๋องรู้สึกเพียงแค่ว่าข้อมือเบาหิว เขามองเห็นฆ้องยักษ์ของตนเองสลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปกับตา!

แถมเพลิงสีดำนั้นยังกลืนกินมือของเขาลงไปพร้อมๆกันอีกด้วย

“ติ้ง…..” ทันใดนั้น จีเฉวียนก็ดีดพิณจันทราในมืออีกครั้ง

คลื่นเสียงสำเนียงหนึ่งพุ่งออกไป ตัดมือของไท่ซานอ๋องขาดออกในทันที

ส่วนมือที่ถูกตัดออกไปของเขา ขณะที่ยังไม่ทันได้หล่นกระทบพื้นก็สลายกลายเป็นขี้เถ้าไปเสียแล้ว!

หากว่าเมื่อครู่จีเฉวียนลงมือช้าไปอีกเพียงนิดเดียว สิ่งที่สลายกลายเป็นขี้เถ้าคงต้องเป็นร่างทั้งร่างของไท่ซานอ๋องเสียแล้ว

เขาไม่ทันจะได้พะวงสนใจท่อนแขนที่มีเลือดไหลอาบเป็นน้ำพุออกมา คนก็ถูกฉู่เจียงกับเสินฟางคว้าตัวกลับไปเสียแล้ว

บนหน้าผากของไท่ซานอ๋องมีแต่เม็ดเหงื่อละเอียดผุดขึ้นเต็มไปหมด ในใจต้องประหวั่นพรั่นพรึง

“มารดามันเถอะ ไอ้หลานเต่านั่นมันคืออะไรกัน!” ไท่ซานอ๋องยิ่งร้อนใจที่ล้างแค้นไม่สำเร็จ การได้มาเข่นฆ่าบนแดนสวรรค์เป็นสิ่งที่เขามุ่งหมายมานานปี ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงแล้ว เขาแทบจะอยากสังหารตี้เสียด้วยตนเอง ไหนเลยจะรู้ว่าไอ้หลานเต่านั้นยังมีฝีมือเช่นนี้ด้วย?

เสียงพิณในมือของจีเฉวียนยังไม่สุดสิ้น หลังดีดออกไปเรื่อยๆอีกหลายเสียง ก็สลายเปลวเพลิงสีดำที่ไล่ตามมาออกไป

“เยือกเย็นไว้” เขาเพียงเอ่ยอย่างเย็นชาออกมาสองคำ

ขณะเดียวกันก็ดีดพิณด้วยมือข้างเดียว ดูเสมือนคุณชายสูงศักดิ์ที่ยืนอยู่ในค่ำคืนอันมืดมิด มิว่าจะอยู่ในสถานการณ์เช่นไร จีเฉวียนก็โดดเด่นดึงดูดสายตาที่สุดอยู่เสมอ

เขาเอ่ยเพียงประโยคเดียว ไท่ซานอ๋องที่เมื่อครู่ยังระเบิดอารมณ์เป็นพายุอยู่ก็สงบเสงี่ยมลงในทันที

เพียงแต่ในใจของเขายังไม่อาจสงบนิ่งได้ อยากจะพุ่งเข้าไปทุบอีกสักครั้ง

แต่เพราะฉู่เจียงและเสินฟางต่างก็กดร่างเขาเอาไว้ ไม่ปล่อยให้เขาได้เคลื่อนไหวโดยพลการ

“วันนี้พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องกลายเป็นเถ้าธุลี พวกเจ้าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนที่ตนได้กระทำลงไป!”

ตี้เสียหัวเราะอย่างชั่วร้าย เพลิงสีดำลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง

จีเฉวียนหน้าไม่เปลี่ยนสี ราวกับว่ามิได้รับผลกระทบใดๆทั้งสิ้น

เพลิงสีดำลุกโชนขึ้นไปบนท้องฟ้าและกำลังจะม้วนตัวพัดโหมเข้าใส่อีกครั้ง

ที่ด้านหลังของจีเฉวียนและตู๋กูซิงหลันพลันปรากฏแสงสีทองส่องประกายออกมา

แสงสีทองนั้นเจิดจ้าบาดตาอย่างรุนแรง แทบจะส่องให้แดนสวรรค์สว่างไปกว่าครึ่ง!

แสงนั้นมาพร้อมกับคลื่นทะเลเพลิงที่ร้อนแรงขุมหนึ่ง

ไอร้อนระอุพุ่งมาถึงเบื้องหน้าของพวกนาง แต่แล้วมันกลับลดเลี้ยวออกไปราวกับว่ามีดวงตา เปลี่ยนเป็นพุ่งเข้าชนเปลวเพลิงสีดำของตี้เสียในทันที

ผู้คนทั้งหมดต่างต้องตกอยู่ในความตื่นตะลึง พร้อมๆกับได้ยินเสียงร่ำร้องที่ดังกึกก้องไปทั่วทั้งแดนสวรรค์

“กะ กะ กะต๊าก! นี่เฮียเอง! กะ กะ กะต๊าก!”

เสียงกะ กะ กะต๊ากดังเป็นชุดบาดแก้วหูผู้คน

ทำเอาแม้แต่เหล่าทวยเทพที่ถูกไอมารครอบงำยังต้องชะงักงันไป ต่างก็พากันหันไปมองดูที่ต้นเสียง

ท่ามกลางแสงสว่างเจิดจ้านั้น ภาพของสิ่งที่พุ่งเข้าสู่ในตาก็คือ….เจ้าไก่ขนฟูสีดำ

ขนาดยักษ์?

หากมองดูเพียงเงาร่างของมัน นั่นย่อมเป็นเจ้าไก่ดำขนฟูอย่างแน่นอน

แค่ไก่ตัวหนึ่ง มันจะมีอะไรมาอวดให้เห็นว่ายอดเยี่ยมนักหนากัน?

ตู๋กูซิงหลันดวงตาเป็นประกายขึ้นมา นางคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าติ๊งต๊องจะสามารถปรากฏตัวขึ้นมาได้สวยงามเท่ระเบิดขนาดนี้

รอจนเจ้าไก่สีดำขนฟูตัวนั้นบินเข้ามาใกล้ ฝูงชนถึงได้เห็นว่า……

…………….

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Status: Ongoing

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท