ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 766 ฝ่าบาท หวายอิงขอถวายพระพร

ตอนที่ 766 ฝ่าบาท หวายอิงขอถวายพระพร

แสงดาวทั่วทั้งท้องฟ้าเหมือนจะสาดส่องลงมาบนร่างของเขา

เมื่อเขาปรากฏกายขึ้นมาความงดงามของแดนสวรรค์ก็ไม่นับว่าโดดเด่นในที่ใดอีก

เงาร่างสีดำอมทองนี้ มิว่าจะปรากฏขึ้นในที่ใดก็สามารถมอบความรู้สึกมั่งคงและปลอดภัยให้กับตู๋กูซิงหลันได้ทุกเมื่อ

หากนับดูให้ละเอียด นับตั้งแต่ที่นางออกมาจากวังหลวงจนถึงตอนนี้ อย่างมากก็ไม่เกินสามชั่วกาน้ำชาเดือดเท่านั้น เขาก็ไล่ตามมาจนทันแล้ว

ริมฝีปากแดงของตู๋กูซิงหลันคลี่ออก แม้แต่ดวงตาก็มีรอยยิ้ม

“หลัวขา!” พอเอ่ยปากก็ส่งเสียงหวานออกมา

เสียงที่เรียกหาสามีผู้เป็นที่รัก ทำเอาหัวใจของจีเฉวียนหวานล้ำจนเต้นโครมครามไปหมดแล้ว

มีแต่ฟ้าดินเท่านั้นที่รู้ แค่นางไม่อยู่ข้างกายเพียงครู่เดียว หัวใจของเขาก็ถึงกับเคว้งคว้างไปหมด

“ซิงซิง” น้ำเสียงที่เอ่ยตอบนาง ก็เปี่ยมไปด้วยความรักใคร่อบอุ่นอ่อนหวานที่สุดเช่นกัน

เพียงพริบตาเดียว คนก็ไปถึงข้างกายของตู๋กูซิงหลันแล้ว พอยื่นมือออกไปก็คว้านางเข้ามาในอ้อมอก โอบกอดอย่างแนบแน่นทันที

ทั้งยังมองดูตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ราวกับกลัวว่าเส้นผมของนางจะขาดไปเส้นหนึ่งขึ้นมา

กริยาเช่นนั้น ทำราวกับว่าตี้เสียเป็นเพียงอากาศธาตุ

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องมา แต่ว่ายังมาเร็วยิ่งกว่าที่คาดเอาไว้เสียอีก” ดวงตาของตู๋กูซิงหลันโค้งมน นางพลิกมือโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ จนเผยให้เห็นท่อนแขนขาวสะอาดปานเนื้อหยกออกมา

“มาช้าไปเสียแล้ว จึงทำให้เจ้าได้รับบาดเจ็บ” ดวงตาของจีเฉวียนหยุดอยู่ที่บนมือซ้ายของนาง หลังมือถูกกรงเล็บของตี้เสียกรีดผ่านจนปริแตก บาดแผลไม่ลึกสักเท่าไหร่ แต่ก็บาดลงไปถึงเส้นเลือด เลือดจึงไหลออกมาจำนวนไม่น้อย จนหลังมือมีแต่เลือดที่แดงไปทั้งแถบ

จีเฉวียนเห็นแล้ว ต้องปวดใจด้วยความสงสารไปถึงในกระดูก

มือข้างหนึ่งประคองข้อมือของนางขึ้นมาอย่างแผ่วเบา มืออีกข้างก็ปกอยู่เหนือหลังมือของนาง ถ่ายทอดพลังวิญญาณของตนออกไปให้กับนาง

จีเฉวียนมิได้ใช้วิชาเวทย์เพื่อรักษาบาดแผล แต่ว่ากลับใช่พลังวิญญาณที่บริสุทธิ์รักษาโดยตรง

ตู๋กูซิงหลัน “อย่าเลย ข้าหนังหนาออกจะตายไป ไม่จำเป็นหรอก”

เพราะไม่อยากให้สามีของตนเองจะต้องสิ้นเปลืองพลังวิญญาณแม้เพียงเล็กน้อย นางจึงคิดจะดึงมือของตนเองออกมาจากฝ่ามือของเขา “พวกเราเก็บแรงเอาไว้ก่อน ตอนนี้ต้องตี bossก่อนมิใช่หรือ?”

หากสามารถจัดการกับเจ้าตี้เสียผู้นี้ได้ล่ะก็ นับจากวันนี้เป็นต้นไปทั่วทั้งหกภพภูมิก็คงจะมีแต่ความสงบสุขแล้ว เช่นนี้นางก็สามารถจะอยู่อย่างสงบสุข และแช่มชื่นกับเสี่ยวเฉวียนเฉวียนได้ทุกวัน มีความสุขไปชั่วชีวิต

บาดแผลเล็กน้อยเพียงเท่านี้ของนางจะนับว่าเป็นอะไรได้เล่า

แต่ว่ามือถูกดึงออกมาได้เพียงครึ่งเดียว ก็ต้องถูกจีเฉวียนยึดเอาไว้มั่น

พลังวิญญาณจากใจกลางฝ่ามือยังส่งออกมามิได้หยุด เพื่อรักษาบาดให้นางอย่างต่อเนื่อง

“เจ้าสำคัญยิ่งกว่าผู้ใดทั้งสิ้น สำคัญกว่าทุกเรื่องราว”

ภรรยาตัวน้อยที่เขาทนุถนอมเอาไว้บนฝ่ามือ แม้แต่เส้นผมเพียงครึ่งเส้นก็จะขาดหายไปไม่ได้

“พวกเจ้าอย่าได้ทำเกินไปนัก”

ตี้เสียที่อยู่ด้านข้างชมดูไม่ไหวแล้ว ครั้งก่อนที่อยู่บนแดนสวรรค์ พอบุุรุษผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นมา ทั้งสองก็เอาแต่พลอดรักกันอย่างบ้าคลั่ง

แล้วตอนนี้ ก็ยังจะทำอีกอย่างงั้นหรือ!

คิดว่าวังสวรรค์ของเขาเป็นสถานที่ใดกัน?

ใช่แล้ว นับตั้งแต่ที่จีเฉวียนปรากฏตัวก็ยังมิได้เหลือบแลตี้เสียเลยสักครั้งหนึ่ง ทั้งแววตาและความห่วงใยทั้งหมดของเขาอยู่ที่ภรรยาตัวน้อยของตนเองเท่านั้น

ตี้เสียคุ้นเคยกับการเป็นผู้สูงส่งที่สุดอยู่เสมอ เดิมทีเห็นอยู่ชัดๆว่าเนื้อติดมันที่หมายปองมาเนิ่นนานชิ้นนี้กำลังจะได้เข้าปากอยู่แล้วเชียว แต่แล้วบุรุษผู้นี้ก็โผล่ออกมาขัดขวางกลางทาง

ทำราวกับว่าวังสวรรค์ของพระองค์เป็นเพียงโรงน้ำชาที่จะไปมาเมื่อไหร่อย่างไรก็ได้ทั้งนั้น

เช่นนี้แล้วจะให้ตี้เสียทรงทนต่อไปได้อย่างไร

เหล่าแม่ทัพและนักรบเทพของเขาเป็นเพียงตุ๊กตาที่วางเอาไว้ชมดูเท่านั้นน่ะหรือ?

ฮว๋ายยู่หลบอยู่ด้านหนึ่ง จากที่เดิมทีจิตใจเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แต่ว่าตอนนี้พอได้เห็นจีเฉวียนห่วงใยตู๋กูซิงหลันเช่นนั้น ความอิจฉาและริษยาก็พุ่งออกมาจากหัวใจของนางในทันที

แม้ว่านางจะอยู่ร่วมกับตี้เสียมาเนิ่นนานหลายปี แต่เขาก็ไม่เคยเป็นกังวลถึงนางเช่นนี้มาก่อนเลย

เพราะอะไร จู่ฮว๋ายถึงได้รับทุกอย่างไป?

อีกด้านหนึ่ง พอตี้เสียพูดจบ จีเฉวียนถึงได้เงยหน้าขึ้นมามองเขาแวบหนึ่ง

ประกายตาที่เย็นยะเยือกนั้น แทบจะแช่แข็งทุกสิ่งในรัศมีหมื่นลี้

“ก็แค่พวกที่ขโมยฐานะของผู้อื่นมา ยังจะกล้ามากำแหงอวดศักดาต่อหน้าเราอีก?” ไอมารในร่างของตี้เสียเพิ่มพูน แส้ทลายนภาถูกกระชับเอาไว้ในฝ่าพระหัตถ์

หากเปรียบเทียบกับครั้งก่อนที่มายังแดนสวรรค์ ตี้เสียในตอนนี้แข็งแกร่งขึ้นไปอีกมากนัก

เพราะว่าส่วนที่เดิมทีก็เป็นของพระองค์มาแต่เดิมนั้นได้กลับมารวมกันกับร่างหลักเรียบร้อยแล้ว

แส้ทลายนภาที่อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ ตวัดฟาดอยู่ในมือตลอดเวลา พระองค์สาดประกายแสงในดวงเนตรเข้าใส่จีเฉวียน “ก่อนหน้านี้เรามิได้สังเกต แต่ตอนนี้เห็นชัดแล้วว่า ร่างกายของเจ้านี้ได้มาจากการยึดเอาดวงจิตและพละกำลังของผู้อื่นมา”

ว่าดวงเนตรสีทองคู่นั้นก็หรี่ลงไปอีก “หากว่าเราผู้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ดูไม่ผิดละก็ จิตวิญญาณที่ร่างนี้กลืนกินลงไปก็คงจะเป็นหมิงอ๋องสินะ”

หลีฉิงกลับมาอยู่ในร่างกายของพระองค์แล้ว พระองค์ย่อมคืนสู่ตี้เสียองค์ต้นกำเนิด แน่นอนว่าย่อมต้องแข็งแกร่งกว่าเดิมมากมาย

แม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ว่ากลิ่นอายลึกลับที่ฝังลึกอยู่ภายในนั้นก็ยังสามารถสังเกตออกได้อยู่ดี

ซือเป่ยช่างใช้การไม่ได้อย่างที่สุด ตอนนั้นเขาพาเจ้านกยักษ์ไปด้วย ก็ยังไม่สามารถกำจัดหมิงอ๋องได้อย่างสิ้นซาก

แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนนั้นตั้งแต่แวบแรกที่พระองค์ได้เห็นหมิงอ๋อง ก็เกิดความรู้สึกชิงชังอย่างลึกล้ำขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ

หลังจากนั้นเพราะเรื่องของหยกสรรพชีวิตเป็นต้นเหตุ จึงได้ทำให้พระองค์วางแผนการมากมายเพื่อกำจัดเผ่าภูติให้หมดสิ้นไปให้จงได้

คิดไม่ถึงว่า หมิงอ๋องผู้นั้นจะสามารถหลบหนีมาจนถึงตอนนี้

ชั่วขณะนั้น ตี้เสียก็ทรงฉุดคิดสิ่งใดขึ้นมาได้อีก

สีพระพักตร์ของพระองค์เปลี่ยนไป มุมพระโอษฐ์ยกขึ้น แววเนตรที่เย็นชาปานน้ำแข็งยิ่งเพิ่มพูนขึ้นมา

“ถึงแม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่เจ้าอาจจะเป็นซีเหอ แต่ก็สมควรจะเป็นผู้ที่อยู่ภายในร่างผู้นั้นต่างหาก เจ้า…. มันก็แค่ร่างที่รองรับ หรืออาจบอกว่าเป็นเพียงร่างแบ่งภาคที่จำลองขึ้นมาเท่านั้นจริงไหมเล่า?”

ว่าแล้ว ตี้เสียก็ทรงพระสรวลออกมา

“จู่ฮว๋าย เอ๋ย จู่ฮว๋าย เจ้าเฉลียวฉลาด วางแผนไว้ตั้งมากมาย สุดท้ายกลับยอมแต่งให้กับตัวปลอมตัวหนึ่งหรือ? ฮะ ฮะ ฮะ”

ตี้เสียทรงพระสรวลอย่างคลุ้มคลั่ง น้ำเสียงบาดแก้วหูอย่างที่สุด

จีเฉวียนปล่อยให้เขาพูดจนจบ โดยมิได้เปลี่ยนสีหน้าแม้แต่น้อย

ในดวงตาของเขามีแต่ความเยือกเย็น

ร่างแบ่งภาคหรือ? ตอนแรกที่ได้เจอกับซือมั่ว เขาก็เคยคิดว่าตนเองเป็นเพียงร่างแบ่งภาคของอีกฝ่ายเท่านั้น

จนเรื่องนี้กลายเป็นปมปัญหาอยู่ในใจของจีเฉวียน

แต่ว่าตอนนี้…..กลับมิใช่อีกต่อไปแล้ว

ตู๋กูซิงหลันทนไม่ไหวอีกต่อไป นางอยากจะพุ่งออกไปตบใส่กกหูทั้งสองข้างของตี้เสียอย่างยิ่ง!

แต่ว่าเสี่ยวเฉวียนเฉวียนกลับรั้งนางเอาไว้ ทั้งยังไม่มีโทสะ เพียงยืนนิ่งอยู่ในที่เดิม แต่ตู๋กูซิงหลันก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรงจากร่างกายของเขาได้อย่างชัดเจน

นางกำลังจะเอ่ยปาก ทั่วทั้งพระตำหนักไท่เหิงกงก็สั่นสะเทือนขึ้นมา

“เมีย เมีย เมีย!”

เสียงนั้นดังกึกก้อง กังวานไปกว่าครึ่งของแดนสวรรค์ ทำให้สีพระพักตร์ของตี้เสียเปลี่ยนแปลงไปในทันที

เจ้าสัตว์ประหลาดในเจดีย์กำราบเทพมารชั้นที่เก้า ก็ติดตามมาด้วยหรือนี่?

ปฏิกริยาของตี้เสียเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ได้ยินเสียงนั่น พระองค์ก็ล้วงเอาป้ายกองทัพสวรรค์ออกมา เรียกหากองทัพนักรบสวรรค์ในทันที

ในเมื่อวันนี้เจ้าพวกนั้นพากันดาหน้าเข้ามาหาความตาย ย่อมต้องกำจัดพวกมันให้หมดสิ้นไปในครั้งเดียว!

ป้ายคำสั่งพึ่งจะปรากฏขึ้นมา ประตูใหญ่ที่เดิมทีก็พังอยู่แล้วยิ่งทรุดลงไป แม้แต่กำแพงที่รายล้อมอยู่ทั้งหมดก็ทลายลงมาเป็นกองฝุ่น

สัตว์ประหลาดขนาดมหึมาปรากฏกาย ขนาดที่ใหญ่โตของมันบดบังแสงดาวเหนือศีรษะไปจนหมดสิ้น

แค่มันเหยียบลงมาครั้งหนึ่ง ตำหนักไท่เหิงกงก็สั่นสะเทือนจนมีแต่สิ่งของร่วงลงมา

จนกระทั่งเมื่อมันเข้ามาใกล้ จึงได้คุกเข่าลงข้างหนึ่งที่ตรงหน้าจีเฉวียน

พร้อมเอ่ยออกมาเป็นภาษามนุษย์ว่า

“ฝ่าบาท หวายอิงขอถวายพระพร”

จีเฉวียน “อืม”

ยังคงเย็นชาเป็นน้ำแข็งเหมือนเก่า เอาเถอะ

…………….

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Status: Ongoing

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท