ซือหม่าโยวเย่ว์เลิกคิ้วโดยสัญชาตญาณ นางรู้ได้อย่างไรกัน
ไป๋อวิ๋นฉีพาคนไปส่งถึงหน้าประตูแล้วจึงกลับมา เมื่อได้ยินคำพูดของซุนหรานหร่าน จึงถามว่า “โยวเย่ว์ เจ้ายังพอมีหนทางช่วยเหลือท่านพ่อหรือไม่”
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วพูดว่า “ถึงแม้ว่าท่านลุงจะเส้นเอ็นและเส้นลมปราณขาดสะบั้นทั้งหมด แต่แค่เชื่อมต่อเข้าด้วยกันก็ใช้ได้แล้ว เมื่อครู่ข้าไม่พูดเพราะไม่อยากให้คนนอกรู้ในตอนนี้น่ะ”
“เพราะเหตุใดกัน” ไป๋อวิ๋นฉีไม่เข้าใจ
“เมื่อครู่ดูจากท่าทีของผู้คนด้านนอก ข้าคิดว่าที่ท่านลุงได้รับบาดเจ็บนั้นคงมิใช่สาเหตุปกติสินะ นั่นก็คงจะเป็นเพราะถูกคนทำร้าย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อีกฝ่ายย่อมต้องมั่นใจว่าไร้หนทางช่วยเหลือท่านลุงแล้วอย่างแน่นอน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ถูกต้องแล้ว” ซุนหรานหร่านพูด
“เมื่อครู่ข้าได้ยินคนเหล่านั้นพูดว่าท่านลุงได้รับบาดเจ็บเพราะพวกเราอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ติดใจในจุดนี้เป็นอย่างยิ่ง
“โยวเย่ว์ เจ้าช่วยท่านพ่อข้าก่อนเถิดนะ” ไป๋อวิ๋นฉีไม่อยากจะบอกเหตุผลกับเธอ
“ยาวิเศษคืนปราณยังรักษาร่างกายของท่านลุงอยู่ ตอนนี้จึงยังมิอาจแตะต้องร่างกายเขาได้น่ะสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เจ้าบอกข้าเรื่องที่ท่านลุงได้รับบาดเจ็บมาเสียดีกว่า”
ไป๋อวิ๋นฉีมองมารดาของตนปราดหนึ่ง หลังจากนั้นจึงพูดว่า “ท่านพ่อถูกคนของกลุ่มโอหังทำร้าย เหตุผลก็เพราะเขาไม่ยอมมอบตัวพวกเจ้าให้พวกนั้น”
“กลุ่มโอหังหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ขมวดคิ้ว
“ความจริงแล้วเมื่อหลายวันก่อนฉินหมิงได้พาคนมาที่นี่เพื่อให้ท่านพ่อมอบตัวพวกเจ้าให้ บอกว่าพวกเจ้าสังหารฉินอู่” ไป๋อวิ๋นฉีพูด “แต่ท่านพ่อบอกว่าพวกเจ้าสังหารฉินหมิงเพื่อช่วยเหลือข้า ดังนั้นจึงไม่มีทางมอบตัวพวกเจ้าให้อยู่แล้ว ทั้งยังกำชับด้วยว่าห้ามบอกพวกเจ้า ให้พวกเจ้าหลบอยู่ในบ้านพวกเรา”
“มิน่าเล่า ระยะนี้เจ้าจึงไม่ยอมให้พวกเราออกจากบ้านเลย” เพลิงโทสะปะทุขึ้นในใจของซือหม่าโยวเย่ว์ เธอกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
“อื้ม คราวนี้พวกเรารับภารกิจหนึ่งมาพอดี ท่านพ่อจึงไปด้วยตนเอง แต่คิดไม่ถึงว่าซีเย่ว์ซีจะกลับไปแล้วให้พระชายาส่งยอดฝีมือระดับจ้าววิญญาณมาสองคน อาศัยโอกาสที่ท่านพ่อออกไปปฏิบัติภารกิจข้างนอกทำร้ายเขา ถ้าหากมิใช่เพราะพวกเขาป้องกันอย่างสุดชีวิต เกรงว่าตอนนั้นท่านพ่อก็คงไม่เหลือแม้แต่โครงกระดูกแล้ว” ไป๋อวิ๋นฉีพูดมาถึงตรงนี้ เส้นเลือดที่หน้าผากก็เต้นตุบๆ แสดงถึงความโกรธไม่เบาเลยทีเดียว
“เหตุใดพวกเจ้าจึงไม่บอกเรื่องนี้กับพวกเราเล่า ถ้าหากพวกเราจากไปให้เร็วหน่อยแล้วละก็…” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างตำหนิตนเอง
“พวกเจ้าเป็นผู้มีพระคุณของข้า แล้วพวกเราจะมอบตัวพวกเจ้าออกไปได้อย่างไรกัน” ไป๋อวิ๋นฉีตบบ่าซือหม่าโยวเย่ว์
“กลุ่มโอหังอยากจะแตะต้องพวกเรามาโดยตลอดอยู่แล้ว เรื่องของฉินอู่เป็นเพียงแค่ข้ออ้างเท่านั้นแหละ” ซุนหรานหร่านพูด “ต่อให้ไม่มีพวกเจ้า พวกเขาก็ต้องหาเหตุผลอื่นมาอ้างอยู่ดี พวกเจ้าอย่าได้เก็บไปใส่ใจเลยนะ”
อย่าเก็บไปใส่ใจ จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า!
“เจ้าบอกว่าพวกเขาส่งผู้แข็งแกร่งระดับจ้าววิญญาณสองคนมานี่อย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“อืม ฉินโม่ส่งมาน่ะ” ไป๋อวิ๋นฉีพูด
“ฉินโม่หรือ มารดาของซีเย่ว์ซีน่ะหรือ”
“ใช่แล้ว” ไป๋อวิ๋นฉีพยักหน้า “ฉินหมิงคือพี่คนโต ฉินโม่เป็นคนกลาง ส่วนฉินอู่เป็นน้องเล็กสุด เดิมทีกลุ่มโอหังเป็นเพียงแค่กลุ่มทหารรับจ้างเล็กๆ เท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าฝ่าบาททรงมีสายพระเนตรเช่นไร จึงได้ต้องพระทัยฉินโม่เข้า ทรงแต่งนางไปเป็นพระชายาอีกองค์หนึ่ง นับแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ฉินโม่จึงกลายเป็นหนึ่งในพระชายา ทั้งยังให้กำเนิดซีเย่ว์ซีผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ กลุ่มโอหังจึงพัฒนาขึ้นมาจนกลายเป็นหนึ่งในสามกลุ่มทหารรับจ้างใหญ่อย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าพวกเขารู้เรื่องที่พวกเราสังหารฉินอู่ได้อย่างไร ดังนั้นจึงได้อ้างเรื่องนี้มาก่อความวุ่นวายให้กับพวกเรา ผู้แข็งแกร่งระดับจ้าววิญญาณสองคนนั้นก็คือคนที่ฉินโม่ส่งมาแก้แค้นให้ฉินอู่อย่างไรเล่า”
ซือหม่าโยวเย่ว์ฟังคำพูดของไป๋อวิ๋นฉีแล้วสองตาก็หรี่เล็กลง
พระชายาแห่งอาณาจักรจันทร์ประจิมอย่างนั้นหรือ…
“อ้อ ก็เป็นอย่างที่ท่านแม่บอกว่ากลุ่มโอหังจับจ้องพวกเรามาเนิ่นนานแล้ว ต่อให้ไม่มีเรื่องนี้ก็ต้องมีเรื่องอื่นอยู่ดี” ไป๋อวิ๋นฉีเห็นซือหม่าโยวเย่ว์สีหน้าไม่ดีจึงเอ่ยปลอบ
ซือหม่าโยวเย่ว์มองคนครอบครัวนี้ จะว่าไปแล้วเรื่องนี้ก็เป็นเพราะพวกตนห้าคน ทว่าพวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่มอบตัวพวกตนออกไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเท่านั้น แต่กลับยังปลอบใจเธอท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้อีก ไม่รู้จริงๆ ว่าจะบอกว่าพวกเขาโง่หรือเซ่อดี
แต่บุญคุณเช่นนี้ก็ทำให้เธอซาบซึ้งจากใจจริง
“พวกเจ้าวางใจเถิด ข้าจะต้องรักษาท่านลุงได้อย่างแน่นอน” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่รู้ว่าจะแสดงความรู้สึกในใจตนออกไปเช่นไร จึงได้แต่สัญญาเช่นนี้ออกไปก่อน
ราชสำนักจันทร์ประจิมหรือ ดี ดีมาก
“โยวเย่ว์ ท่านพ่อข้าจะกลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ได้จริงๆหรือ” ไป๋อวิ๋นฉีถามพลางมองซือหม่าโยวเย่ว์
“อื้ม” ซือหม่าโยวเย่ว์มาที่ข้างเตียงแล้วดูอาการของไป๋หยวนฉุนอยู่ครู่หนึ่งพลางเอ่ยว่า “ข้าต้องการสภาวะแวดล้อมอันเงียบสงบ ให้ผู้อื่นออกไปให้หมดจะเป็นการดีที่สุด”
พร้อมกันนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ผู้อื่นล่วงรู้สถานการณ์ที่นี่ด้วย
“ไม่มีปัญหา”
“เตรียมสระน้ำแห่งหนึ่ง อืม… ยาวสักสามเมตร ลึกสักหนึ่งเมตรก็ใช้ได้แล้ว”
“ได้สิ”
“นอกจากนี้ ให้เป่ยกงถังและโอวหยางเฟยมาช่วยข้าด้วย”
คราวนี้เป็นซุนหรานหร่านที่ออกไป บอกว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะช่วยชีวิตไป๋หยวนฉุน ตอนที่คนเหล่านั้นถามถึงอาการของไป๋หยวนฉุน ซุนหรานหร่านก็พูดสิ่งที่ซือหม่าโยวเย่ว์พูดก่อนหน้านี้ให้ฟังรอบหนึ่ง
คนเหล่านี้ได้ฟังว่าต่อให้รักษาหาย ก็ได้แต่นอนเป็นคนพิการอยู่บนเตียง ก็แสดงสีหน้าแตกต่างกันออกไป
“ต่อให้หลังจากนี้ทำได้แค่นอนอยู่บนเตียง ข้าก็จะช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะตกต่ำลง แต่กลุ่มทหารรับจ้างจะตกต่ำไปด้วยมิได้ สิ่งใดที่พวกเจ้าควรทำก็จงทำกันต่อไป อย่าทำให้ข้าวุ่นวาย เข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจขอรับ!”
“แยกย้ายกันไปได้แล้ว” ซุนหรานหร่านโบกไม้โบกมือ คนเหล่านั้นจึงไปจากลานบ้าน
พวกเป่ยกงถังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน เมื่อครู่คนเหล่านั้นเล่าเหตุผลที่ไป๋หยวนฉุนได้รับบาดเจ็บให้ฟังแล้ว ทำให้ทั้งสี่คนตำหนิตัวเองอยู่บ้าง จึงอยากลองดูว่าพอจะช่วยอะไรได้บ้างหรือไม่
“พวกเจ้าเข้ามาสิ” ซุนหรานหร่านพูดกับพวกเขา
เมื่อเห็นพวกเป่ยกงถังเข้าไป เสี่ยวถูจึงตามเข้าไปด้วยเช่นกัน
“โยวเย่ว์ จริงหรือที่ท่านลุงเขา…” เจ้าอ้วนชวีมองไป๋หยวนฉุนที่นอนลมหายใจรวยรินอยู่บนเตียงพลางเอ่ยขึ้น
“ยังพอมีหนทางช่วยเหลืออยู่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “แต่ข้าต้องการความช่วยเหลือจากพวกเจ้า”
“ต้องการให้พวกเราทำอะไร เจ้าก็บอกมาได้เลยนะ”
“ได้”
เรือนแห่งนี้มีสระน้ำที่ซือหม่าโยวเย่ว์ถามหาอยู่สระหนึ่งพอดี เธอจึงให้ไป๋อวิ๋นฉีเติมน้ำเข้าไปในบ่อ หลังจากนั้นจึงนำเครื่องยาจำนวนมากมาทำการกลั่นร่วมกันกับเป่ยกงถังและโอวหยางเฟย ทำการกลั่นตัวยาเพื่อสกัดสารสำคัญออกมาใส่ลงไปในน้ำจนหมด รอจนน้ำเปลี่ยนสี พวกเป่ยกงถังทำกันต่อไป ส่วนเธอก็ไปถอนเข็มเงินออกจากร่างของไป๋หยวนฉุน แล้วให้ไป๋อวิ๋นฉีอุ้มเขากระโดดลงไปในสระน้ำ
“อวิ๋นฉี เจ้าต้องประคองท่านลุงให้ดีนะ อย่าให้เขาล้มลงไปเป็นอันขาด” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ข้าเข้าใจแล้ว” ไป๋อวิ๋นฉีพยักหน้า
ซือหม่าโยวเย่ว์ให้พวกเป่ยกงถังกลั่นเครื่องยากันต่อไป ส่วนตัวเธอเองนั้นนั่งลงตรงข้ามไป๋หยวนฉุนแล้วเหนี่ยวนำยาในน้ำให้เข้าสู่ร่างกายเขา พร้อมกันนั้นก็รวบรวมเข็มเงินและปราณวิญญาณ เพื่อเชื่อมต่อเส้นลมปราณให้กับเขา
เธอจำเป็นต้องใช้สมาธิในระดับสูงเพื่อกระบวนการนี้ ในห้องนอกจากเป่ยกงถังและโอวหยางเฟยแล้ว ก็มีเพียงแค่ไป๋อวิ๋นฉีที่อยู่ในน้ำ กับซุนหรานหร่านที่อยู่ริมสระ และยังมีเจ้าไก่ฟ้าที่ถูกเชิญตัวมาเพื่อรักษาความปลอดภัยเท่านั้น
เมื่อเห็นเธอเป็นเช่นนี้ พวกเขาจึงไม่กล้าแสดงออกอะไรมากมาย
ซือหม่าโยวเย่ว์ยังพูดไม่ทันจบ เป่ยกงถังและโอวหยางเฟยก็ทำการกลั่นเครื่องยาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนเพื่อรักษาฤทธิ์ยาในน้ำเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
เหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนี้นานถึงสามวัน หากมิใช่เพราะเป่ยกงถังและโอวหยางเฟยได้รับการฝึกฝนจากเธอจนมีพลังจิตอันน่าอัศจรรย์ เกรงว่าทั้งสองคงจะหมดพลังกันไปนานแล้ว
……………………………………..