เมื่อได้รู้ว่าพวกซือหม่าโยวเย่ว์ออกจากการปลีกวิเวกแล้ว ขุมอำนาจจำนวนไม่น้อยก็แห่กันมาตามข่าวที่ได้ยินอย่างรวดเร็ว หมายจะสานสัมพันธ์กับพวกเขา
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นคนเหล่านี้แล้ว ไม่รู้ว่าอีกประเดี๋ยวพอพวกเขาเห็นเธอเผชิญหน้ากับตระกูลซือหม่าแล้วจะยังเป็นเช่นนี้กันอยู่อีกหรือไม่
“นี่พวกเขาจะไปไหนกันน่ะ” มีคนเห็นพวกเขามุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่ง จึงคาดเดาว่าพวกเขาต้องมีธุระ
“ทิศทางนี้ ดูเหมือนจะไปที่ตระกูลซือหม่าเลยนะ” มีคนเอ่ยขึ้น
“หรือพวกเขาคิดจะเข้าร่วมกับตระกูลซือหม่ากันเล่า”
“คงไม่หรอกกระมัง ก่อนหน้านี้มิได้บอกว่าคนของตระกูลซือหม่าล่วงเกินพวกเขาเข้าหรอกหรือ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต้องเปิดเผยตัวตนอย่างไรล่ะ”
“หรือว่าพวกเขาจะไปคิดบัญชีกับตระกูลซือหม่า”
“ยากจะพูดได้”
“……”
และในขณะนี้เอง ณ เรือนอันห่างไกลแห่งหนึ่งของตระกูลซือหม่า ซือหม่าโยวเจ๋อและซือหม่าโยวอีนำเด็กรับใช้กลุ่มหนึ่งเดินเข้าไป ก่อนจะมองคนภายในเรือนแล้วเอ่ยว่า “เจ้าพวกคนทรยศ ยังจะตั้งตาคอยอะไรอยู่อีกเล่า พวกเจ้าคงจะมิได้คิดจริงๆ หรอกนะว่าปรมาจารย์วิญญาณตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะผ่านด่านเทือกเขาสั่วเฟยย่ามาช่วยพวกเจ้าได้น่ะ”
ซือหม่าเลี่ยลืมตามองเขาปราดหนึ่ง จากนั้นจึงหลับตาลงอีกครั้ง มิได้ให้ความสนใจเขาอีก
ซือหม่าโยวอีเห็นพวกเขามีท่าทีนิ่งเฉย มิได้ดูน่าเวทนาสงสารเฉกเช่นผู้ผู้ถูกคุมขังสักนิด เขาจึงก้าวเข้าไปเตะซือหม่าโยวฉีจนล้มลงบนพื้น
“เจ้าพวกคนทรยศ พอผ่านวันนี้ไป ข้าอยากจะเห็นนักว่าตาแก่หนังเหนียวนั่นจะยังมีเหตุผลอะไรมาปกป้องพวกเจ้าอีก!”
ซือหม่าโยวฉีลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วมองซือหม่าโยวอีพลางเอ่ยว่า “หากยังมีวันพรุ่งนี้ ข้าจะต้องเอาชีวิตเจ้าให้ได้แน่!”
“ฮ่าๆ ข้าว่าพวกเจ้าคงไม่มีโอกาสได้เห็นดวงอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้แล้วล่ะ! มิสู้ให้ข้าส่งพวกเจ้าไปลงนรกให้ได้ไปพบหน้าพ่อแม่เสียตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า! จัดการพวกมันที!”
“ขอรับ คุณชาย”
เด็กรับใช้กรูกันเข้ามาแล้วเริ่มลงไม้ลงมือทุบตีพวกซือหม่าโยวเล่อซึ่งถูกผนึกพลังยุทธ์เอาไว้ จึงย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาอยู่แล้ว แต่ละคนจึงถูกต่อยตีจนหน้าตาปูดโปน
ณ เรือนพักอีกหลังหนึ่งของตระกูลซือหม่า ซือหม่าหลินและซือหม่าชิงนั่งอยู่กับอีกหลายคน
มีคนถามว่า “พี่ใหญ่ ข้าไม่เข้าใจจริงๆ เลย เพราะเหตุใดท่านจึงต้องทำสัญญาสามปีอะไรนี่กับปรมาจารย์วิญญาณตัวเล็กๆ คนหนึ่งด้วยเล่า สิ้นเปลืองเวลาสามปีไปเปล่าๆ”
“เรื่องนี้ เทือกเขาสั่วเฟยย่านั้นอันตรายเพียงใดเจ้าก็รู้ดี ต่อให้คนผู้นั้นมีพรสวรรค์เหนือมนุษย์ ก็คงไม่มีความสามารถมากพอที่จะผ่านมาได้หรอก”
“หากยังไม่ถึงระดับราชันวิญญาณ ก็ไม่มีทางทำลายสิ่งกีดขวางนั้นได้หรอก ข้าว่าวันนี้เขาไม่มีทางมาตามสัญญาได้แน่”
ทุกคนล้วนไม่เชื่อว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะมาในวันนี้ได้ จึงพากันส่ายหน้า คิดว่าซือหม่าหลินเพียงแค่ให้พวกซือหม่าเลี่ยมีชีวิตอยู่ต่อมาเปล่าๆ สามปีเท่านั้น
“ข้าเชื่อว่าเขาจะมาแน่” เงาร่างเมื่อสามปีก่อนปรากฏขึ้นเบื้องหน้าซือหม่าชิงโดยไม่ทันรู้ตัว เขาเอ่ยว่า “เจ้าเด็กผู้นั้น เขาต้องมาอย่างแน่นอน”
“ถ้าหากไม่มา พวกเราก็จะจัดการกับพวกซือหม่าเลี่ยแล้วนะ!” ซือหม่าเค่อพูด
ถึงแม้ว่าเขาจะมีพลังยุทธ์ไม่สูงนัก แต่ด้วยระดับความอาวุโส เขาจึงมีสิทธิ์นั่งอยู่ตรงนี้ด้วยเช่นกัน
ซือหม่าหลินนั่งอย่างสงบนิ่งราวกับพระพุทธรูป มิได้ร่วมคุยกับพวกเขาเลยว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะมาหรือไม่มา
เขายกถ้วยชาขึ้นดื่มอึกหนึ่งแล้วมองใบชาในถ้วย ที่แท้แล้วในใจเชื่อหรือไม่เชื่อว่าเขาจะมากันแน่นหนอ
ทันใดนั้นเขาก็มองไปด้านนอกในทันใด จากนั้นแววตาก็ปรากฏรอยยิ้มจางๆ
“ตระกูลซือหม่า ครตามสัญญา ข้า ซือหม่าโยวเย่ว์ มาทวงสัญญาแล้ว!”
เสียงตะโกนดังลั่นไปกว่าครึ่งของบ้านตระกูลซือหม่า แม้กระทั่งบรรดาคนที่อยู่ในเรือนอันห่างไกลก็ยังได้ยินกันหมด
ขณะนี้พวกซือหม่าโยวหมิงถูกทำร้ายเสียจนยับเยินแล้ว แต่ละคนนอนแผ่อยู่บนพื้น แม้กระทั่งเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นมาก็ยังไม่มี หลังจากที่ซือหม่าโยวเจ๋อให้เด็กรับใช้ทุบตีพวกเขาไประยะหนึ่งแล้วจึงค่อยออกมา
เมื่อได้ยินเสียงของซือหม่าโยวเย่ว์ พวกเขาก็พากันหลั่งน้ำตา
“เป็นเสียงของโยวเย่ว์จริงๆ เสียด้วย” ซือหม่าโยวหมิงพูดอย่างตื่นเต้น
“น้องห้ามาแล้วจริงๆ สินะ…” ซือหม่าโยวฉีมองไปยังทิศทางของประตูใหญ่แล้วเอ่ยว่า “เทือกเขาสั่วเฟยย่าอันตรายขนาดไหน แล้วเขาผ่านมาได้อย่างไรกัน”
“ผู้ที่เป็นระดับราชันวิญญาณขึ้นไปเท่านั้นจึงจะทำลายสิ่งกีดขวางได้ เข้าถึงระดับราชันวิญญาณแล้วหรือ”
“พวกเราขอพบเขาได้หรือไม่”
ซือหม่าเลี่ยไม่พูดไม่จามาโดยตลอด เอาแต่มองไปทางประตูใหญ่เท่านั้น
ซือหม่าโยวเย่ว์ยืนอยู่ด้านนอกประตูใหญ่ของตระกูลซือหม่า เสียงตะโกนดังลั่นทำให้คนที่ติดตามมาตกใจจนสะดุ้ง
“ซือหม่าโยวเย่ว์หรือ เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหูอยู่บ้างเล่า”
“ข้าก็รู้สึกเช่นกัน คล้ายกับว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่ตระกูลซือหม่ามีคนชื่อนี้อยู่ด้วยหรือ”
“สัญญาสามปี… ข้านึกออกแล้ว สามปีก่อนตระกูลซือหม่าจับคนทรยศกลุ่มหนึ่งที่หลบหนีไปกลับมาจากสถานที่เนรเทศ ทว่ามิได้จัดการในทันที แต่กลับคุมขังเอาไว้ภายในเรือนแห่งหนึ่ง ได้ยินว่ามีการทำข้อตกลงสัญญาสามปีเอาไว้กับเด็กรุ่นหลัง ดูเหมือนว่าจะชื่อซือหม่าโยวเย่ว์นี่แหละ”
“อะไรนะ!”
ทุกคนตกตะลึง
“พูดเช่นนี้ก็หมายความว่าเขาออกมาจากสถานที่เนรเทศน่ะสิ”
“สวรรค์เอ๋ย สถานที่เนรเทศอยู่ทางฝั่งเทือกเขาสั่วเฟยย่าโน่น แล้วคนเหล่านี้ออกมาได้อย่างไรกัน”
“ไม่รู้ว่าเขาทำข้อตกลงอันใดกับพวกเขาเอาไว้”
“ดูต่อไปก็รู้เองนั่นแหละ เดิมทีคิดว่าพวกเขาจะมาสวามิภักดิ์กับตระกูลซือหม่า แต่คิดไม่ถึงว่าที่จริงแล้วกลับมาทวงสัญญาเสียนี่!”
คนกลุ่มหนึ่งออกมาจากบ้านตระกูลซือหม่า เมื่อเห็นพวกซือหม่าโยวเย่ว์ก็ตกตะลึงอยู่บ้าง
ซือหม่าโยวหยางและซือหม่าโยวฉิงได้ยินคำพูดของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วก็ตกตะลึงในตอนแรก หลังจากนั้นจึงถลันเข้ามา
ต่อมาซือหม่าโยวหลินและพี่น้องตระกูลหั่วซึ่งอยู่ที่นี่ด้วยก็ออกมาเช่นกัน
“เจ้าคือซือหม่าโยวเย่ว์อย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวฉิงมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างไม่อยากเชื่อ ที่แท้แล้วสหายของตนก็คือผู้ที่ทำข้อตกลงกับตระกูลของตนนั่นเอง
ซือหม่าโยวเย่ว์มองซือหม่าโยวฉิงปราดหนึ่ง มิได้ปฏิเสธ แล้วตะโกนต่อไปว่า “ซือหม่าหลิน ข้ามาทวงสัญญา ท่านอยู่ที่ไหน”
“เหลวไหล! เจ้ามาเรียกชื่อท่านปู่ได้เสียที่ไหนกัน!” มีคนตวาดใส่
ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ชื่อไม่ได้มีไว้เรียก แล้วเอาไว้กินอย่างนั้นหรือ ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เจ้าก็กินให้ข้าดูสักคำหนึ่งสิ”
“ฮ่าๆ…”
เมื่อได้ฟังคำพูดของเธอ ผู้คนที่มุงดูอยู่ก็พากันหัวเราะออกมา
“ไม่เป็นไรหรอก ในเมื่อมาถึงแล้วก็เข้ามาเถิด” เสียงของซือหม่าหลินดังมาจากข้างใน
“ท่านออกมาดีกว่า บ้านตระกูลซือหม่านี้ ถ้าหากข้าเข้าไปแล้วจะออกมาอย่างปลอดภัยได้หรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
ฝูงชนเกิดความโกลาหล
“ซือหม่าหลินผู้นี้สำเร็จเป็นจ้าววิญญาณมาสองปีแล้ว แต่ตอนนี้แค่เชิญรุ่นเยาว์เข้าบ้านยังทำไม่สำเร็จเลย!”
“ตระกูลซือหม่านี้พอเข้าไปแล้วก็เหมือนกับเนื้อเข้าปากเสือ หากเข้าไปก็ไม่แน่ว่าจะได้กลับออกมา มิสู้อยู่ข้างนอกดีกว่า ค่อยปลอดภัยหน่อย”
“ซือหม่าโยวเย่ว์ เป็นแค่เด็กรุ่นเยาว์แต่กลับกล้าพูดจาเช่นนี้ได้!” คนของตระกูลซือหม่าพูดอย่างไม่พอใจ
“ข้ามิได้ทำข้อตกลงกับพวกท่านเสียหน่อย แล้วพวกท่านจะโวยวายไปทำไมกัน!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“รนหาที่ตายนัก!” คนผู้นั้นถูกทำให้ขายหน้า จึงพุ่งเข้ามาหมายจะลงมือ
“หยุดนะ!” ซือหม่าโยวหลินตะคอกใส่เขา หลังจากนั้นจึงมองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วเอ่ยว่า “เจ้าจะเอาอย่างไร”
“ข้ามาทวงสัญญา มิได้มายั่วยุเสียหน่อย!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ข้านำของมาแล้ว ข้าต้องการพบครอบครัวของข้า!”
ของ… ของอะไรกัน
นอกจากคนไม่กี่คนนั้นก็ไม่มีใครรู้แล้วว่าซือหม่าโยวเย่ว์จะมีสิ่งใดมาต่อรองกับขุมอำนาจชั้นหนึ่ง
ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบผลอสรพิษทองคำผลหนึ่งออกมา มันส่งกลิ่นหอมอบอวลในทันใด
“ผลอสรพิษทองคำ!” เสียงหนึ่งดังลอยมา บอกที่มาที่ไปของผลไม้ผลนี้แก่ทุกคน
…………………………………..