สลับชะตา ชายามือสังหาร – ตอนที่ 243 สัตว์เร้นลับที่ถูกสะกดเอาไว้

สลับชะตา ชายามือสังหาร

ทุกคนต่างพากันมองไป ก็เห็นเพียงว่าทั้งเกาะเล็กกำลังสั่นสะเทือน สัตว์อสูรวิเศษคำรามกึกก้อง เสียงคำรามทุกเสียงล้วนแฝงความหวาดหวั่นและความสิ้นหวังเอาไว้

สัตว์อสูรวิเศษต่างหลบหนีกันชุลมุนไปทั่วเกาะ แต่ทุกตัวล้วนไม่สามารถหนีออกมาจากเกาะได้ กรงอันไร้รูปร่างกักขังสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเอาไว้ภายในนั้น

ทันใดนั้นบริเวณกลางเกาะก็ปล่อยลำแสงสีดำสายหนึ่งออกมา พุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า แล้วดูดกลืนสรรพชีวิตทั้งหมดบนเกาะเข้าไป แม้กระทั่งสัตว์อสูรเทพระดับจ้าววิญญาณก็ยังมิอาจหนีเอาชีวิตรอดได้

“ลำแสงนั่นช่างชั่วร้ายยิ่งนัก!”

“กลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นก่อนหน้านี้ก็คงจะออกมาจากสิ่งนี้กระมัง”

“ที่แท้นั่นคือสิ่งใดกันแน่ สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นตายกันไปหมดแล้วหรือ”

“ถ้าหากเมื่อครู่พวกเราอยู่ที่นั่นด้วย…”

ทุกคนหัวใจสั่นสะท้าน เคราะห์ดีที่ซือหม่าโยวเย่ว์พาพวกเขาออกมา เธอได้ช่วยชีวิตของทุกคนเอาไว้!

“ที่แท้นั่นคือสิ่งใดกันแน่” ซือหม่าโยวหลานถามอย่างหวาดหวั่น

ซือหม่าโยวหลินเองก็มีสีหน้าหวาดหวั่นเช่นกัน เขาพูดว่า “ไม่ว่าจะเป็นอะไร ก็มิใช่สิ่งที่พวกเราจะรับมือด้วยได้เลย”

เจ้าคำรามน้อยมองดูลำแสงสายนั้นแล้วปั่นป่วนคลุ้มคลั่งเป็นอย่างยิ่ง มันกระโจนออกมาจากอ้อมแขนของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วคำรามใส่เกาะเล็กแห่งนั้นคราหนึ่ง

“โฮก…”

ลำแสงสายนั้นคล้ายจะหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ดูดกลืนสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นต่อไป

ซือหม่าโยวเย่ว์สัมผัสได้ถึงความไม่สงบและคลุ้มคลั่งของเจ้าคำรามน้อย จึงเก็บตัวมันเข้าไปภายในเจดีย์วิญญาณ

ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่ามีสิ่งมีชีวิตกำลังเคลื่อนเข้าใกล้เกาะแห่งนี้จึงเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่าเป็นนกขนาดมโหฬารตัวหนึ่ง

“เจ้าไก่ฟ้าหรือ!”

เจ้าไก่ฟ้าร่อนลงบนเรือพลางมองดูเธอแล้วเบนสายตาไปยังเกาะเล็กด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ทันใดนั้นเขาก็ขยับตัวบินทะยานขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะปะทะเข้าใส่ลำแสงสายนั้นอย่างรุนแรง เพราะลำแสงสีดำนั้นดูคล้ายจะแผ่ขยายตัวออกมา

ทุกคนล้วนเกิดลางสังหรณ์ว่าถ้าหากถูกลำแสงสีดำกวาดโดน ต่อให้พวกเขาอยู่ด้านนอกก็ยังอาจถูกกวาดเข้าไปได้

ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นการโจมตีของเจ้าไก่ฟ้าทะลุผ่านสิ่งกีดขวางแล้วปะทะเข้ากับลำแสงสีดำนั้น ลำแสงสีดำสายนั้นคล้ายจะสัมผัสถึงอันตรายได้จึงเปลี่ยนทิศทางในทันที มาโจมตีเปลวเพลิงของเจ้าไก่ฟ้าแทน

“ปัง…”

ทุกคนรู้สึกได้ว่าฟ้าดินล้วนสั่นสะเทือนไปหมด ถ้าหากปะทะกับการโจมตีเช่นนี้เข้า คาดว่าคงจะได้ไปพบท่านพญายมทันที!

“แข็งแกร่งเหลือเกิน…” ผ่านไปเนิ่นนานจึงมีคนเอ่ยเสียงเบาขึ้นมา

หลังจากที่ลำแสงสายนั้นปะทะกับเจ้าไก่ฟ้าแล้วจึงค่อยๆ อ่อนแอลงไป จากนั้นจึงค่อยๆ หดกลับเข้าไปในเกาะแล้วหายลับไป คล้ายกับว่าเหตุการณ์อันน่าหวาดหวั่นที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้นไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนเลย

ผู้คนบนเรือจึงค่อยรู้สึกว่ากลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นที่กดทับจิตใจขุมนั้นเลือนหายไป จึงหายใจได้อย่างเต็มปอดเสียที

“ลำแสงสีดำสลายตัวไปแล้ว”

“เมื่อครู่ข้ารู้สึกราวกับเทพแห่งความตายกำลังโบกมือเรียกข้าเลย”

“โชคดีที่เขามาทัน มิฉะนั้นวันนี้พวกเราคงจบชีวิตอยู่ที่นี่แล้วล่ะ”

“ขอบคุณท่านที่ช่วยชีวิต” ผู้อาวุโสใหญ่นำคนบนเรือมาคารวะขอบคุณ

เจ้าไก่ฟ้าพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ออกเรือ ไปจากที่นี่ได้แล้ว”

“ขอรับ” ผู้อาวุโสใหญ่ให้คนออกเรือในทันที ไปจากเกาะด้วยความเร็วสูงสุด

คนอื่นๆ ล้วนออกไปจากเกาะ ซือหม่าโยวเย่ว์มองเจ้าไก่ฟ้าพลางเอ่ยว่า “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไรกัน”

“พอข้ากลับไปแล้วได้ยินว่าเจ้ามายังเกาะลืมกังวลน่ะสิ” เจ้าไก่ฟ้าพูด “ข้าเคยบอกว่าข้าจะคอยปกป้องเจ้าตอนเจ้าอยู่ที่ดินแดนแห่งนี้ พูดไว้แล้วย่อมต้องทำให้ได้อย่างที่พูดสิ”

สิ่งที่เขาไม่ได้พูดก็คือ ตอนที่เขาได้ยินว่าพวกเธอมายังเกาะแห่งนี้ ก็แทบจะพุ่งตัวมาที่นี่ในทันที คิดไม่ถึงว่ามาถึงแล้วจะได้เห็นเจ้านั่นออกมาพอดี

“เจ้ามาที่นี่เพราะเป็นห่วงข้าใช่หรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเจ้าไก่ฟ้าพลางยิ้มตาหยี

“หลงตัวเองนัก” เจ้าไก่ฟ้าตอบเธอ

“ข้าหลงตัวเองที่ไหนกัน เป็นห่วงข้าก็เป็นห่วงสิ มีอะไรน่าอายกัน!” ซือหม่าโยวเย่ว์เข้าไปคว้าข้อมือของเจ้าไก่ฟ้าอย่างหน้าด้านหน้าทน ไม่กลัวเกรงเขาเลยแม้แต่น้อย

ผู้คนบนเรือเห็นเธอสนิทสนมกับสัตว์อสูรเหนือเทพเช่นนี้ก็พากันอิจฉาไม่น้อย

เดิมทีตัวเองก็มีสัตว์อสูรเทพมากมายถึงเพียงนั้นอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมีความสัมพันธ์อันดีถึงเพียงนี้กับสัตว์อสูรเหนือเทพอีกด้วย ช่างน่าอิจฉาตาร้อนเหลือเกิน!

“เจ้าไก่ฟ้า คราวก่อนที่เจ้าได้รับบาดเจ็บก็เพราะมาที่นี่หรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม

“อืม”

“นางพญาผึ้งแดงบอกว่าข้างล่างมีสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นอยู่ เจ้ารู้หรือไม่ว่านั่นคือสิ่งใด” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม

เจ้าไก่ฟ้าส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ตอนนั้นข้าได้รับความช่วยเหลือจากสหาย จึงมาที่นี่เพื่อรับตัวเด็กรุ่นหลังของเขาแล้วพบกับสิ่งที่อยู่เบื้องล่างนั่นเข้า ข้าสู้มันไม่ได้เลย”

“แม้กระทั่งเจ้าก็ยังเอาชนะมันมิได้เลยหรือ!” ซือหม่าโยวเย่ว์สูดหายใจ

“มันน่าจะถูกสะกดเอาไว้ที่นี่ ดังนั้นข้าจึงเฉือนเอาชนะมันได้เล็กน้อย ถ้าหากปะทะกันขึ้นมาจริงๆ ข้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันหรอก” เจ้าไก่ฟ้าพูด

“น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก!” ซือหม่าโยวเย่ว์ตบหน้าอกด้วยสีหน้าท่าทางหวาดหวั่น

เพียงแต่ว่าซือหม่าโยวหลินมิได้เห็นแววหวั่นกลัวในดวงตาของเธอเลย เขาเชื่อว่าต่อให้วันนี้เจ้าไก่ฟ้ามิได้มา เธอก็คงไม่เป็นไรอยู่ดี

“เจ้าได้ตัวนางพญาผึ้งแดงมาแล้วหรือ” เจ้าไก่ฟ้าถาม

“ถูกต้อง! ข้าโชคดีพอตัวเลยละ!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

เจ้าไก่ฟ้าพยักหน้า เขาไม่ได้ปัดมือเธอทิ้งแล้วเอ่ยว่า “ตอนที่ข้าในเกาะคราวก่อนพบว่านางพญาผึ้งน้ำตาลกำลังวิวัฒน์ร่างอยู่ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะได้ตัวมันมาจนได้”

“เรียกได้ว่ามีชะตาต้องกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดยิ้มๆ

เจ้าไก่ฟ้าหัวเราะโดยไม่พูดอะไร

เธอช่างโชคดีอย่างยิ่ง โชคดีอย่างไม่ขาดสาย โดยทั่วไปแล้วคนเช่นนี้มักจะเกิดขึ้นมาได้ถูกที่ถูกเวลา

เขามองไปยังทิศทางของเกาะเล็กแล้วเอ่ยพึมพำว่า “ความวุ่นวายกำลังมาเยือนแล้วสินะ…”

เมื่อได้ยินวาจาของเขา หัวใจของซือหม่าโยวเย่ว์และซือหม่าโยวหลินก็หนักอึ้งอยู่บ้าง

บนเส้นทางกลับ ซือหม่าโยวเย่ว์รู้สึกได้ว่าพื้นสมุทรมีความปั่นป่วนไม่สงบอยู่บ้าง สัตว์อสูรทะเลก็มีจำนวนมากกว่าที่พบตอนขามาหลายเท่า พลังยุทธ์ก็แข็งแกร่งกว่าเป็นอย่างมากอีกด้วย ถึงขนาดที่สัตว์อสูรเทพที่มีพลังยุทธ์ระดับจ้าววิญญาณหลายตัวยกพวกมากันเป็นฝูง

ทุกครั้งที่สัตว์อสูรทะเลเหล่านั้นเข้าใกล้พวกเขา เจ้าไก่ฟ้าก็จะใช้แรงกดดันของสัตว์อสูรเหนือเทพทำให้พวกมันหวาดหวั่นจนล่าถอยออกไป ไม่เอาชีวิตของพวกเขา

คนของตระกูลซือหม่ามองดูสัตว์อสูรทะเลฝูงแล้วฝูงเล่าล่าถอยไปแล้วเอ่ยอย่างมีความสุขว่า “ยังดีที่มีเขาอยู่ด้วย มิฉะนั้นก็ไม่รู้ว่าการเดินทางกลับของพวกเราจะเกิดเรื่องราวขึ้นมากมายเพียงใด”

ครึ่งเดือนให้หลัง พวกเขาก็กลับมาถึงเมืองอัน แล้วเรียกสัตว์อสูรบินได้ออกมาพากลับไปยังเมืองอันหยาง

ซือหม่าหลินรู้ว่าพวกเขาหาหญ้าจันทร์รำเพยและดอกกระบองเพชรอัสดงพบแล้วก็ตื่นเต้นดีใจไม่น้อย พอเขาได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้นบนเกาะลืมกังวลก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ยว่า “พื้นสมุทรจะเกิดการจลาจลขึ้นจริงหรือ”

“ท่านประมุขตระกูล ความวุ่นวายบนพื้นสมุทรจะต้องส่งผลกระทบมาถึงพื้นทวีปอย่างแน่นอน พวกเราต้องรีบวางแผนกันตั้งแต่เนิ่นๆ นะขอรับ” ผู้อาวุโสใหญ่พูด

“แน่นอนอยู่แล้ว แต่สถานการณ์ของพวกเราในตอนนี้มิสู้ดีนัก” ซือหม่าหลินพูด “แต่ก็ยังต้องให้คนรุ่นหลังเป็นศูนย์กลาง”

“ท่านประมุขตระกูล ข้าว่าเจ้าเด็กซือหม่าโยวเย่ว์ผู้นั้นจะต้องกลายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการพลิกฟื้นตระกูลซือหม่าได้อย่างแน่นอนขอรับ” ผู้อาวุโสสิบพูด

“เหตุใดเจ้าจึงพูดเช่นนี้” ซือหม่าหลินถาม

“เจ้าเด็กผู้นั้นกล้าหาญและมีไหวพริบ แม้กระทั่งคุณชายโยวหลินที่จิตใจสงบนิ่งมาโดยตลอดก็ยังใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาเลยขอรับ” ผู้อาวุโสสิบพูด “ถ้าหากคราวนี้ไม่มีเขา อย่าว่าแต่จะหาหญ้าจันทร์รำเพยและดอกกระบองเพชรอัสดงให้พบเลย แม้กระทั่งพวกเราก็อาจจะจบชีวิตอยู่บนเกาะลืมกังวลเสียด้วยซ้ำ”

“ข้าว่าเขาเป็นคนที่เกิดมาได้ถูกที่ถูกเวลา จะต้องเปลี่ยนแปลงแบบแผนของโลกใบนี้ได้อย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสใหญ่พูดเสริม

“บางทีพวกเราอาจต้องพึ่งพาเขาก็เป็นได้” ซือหม่าหลินพูด “พอเขามา อาการเจ็บป่วยร้อยปีของท่านปู่เล็กก็หายดีเลย ความจริงในตอนนั้นก็ได้รับการเปิดเผย ทั้งยังมีความหวังว่าจะรักษาอาการเจ็บป่วยของท่านอดีตประมุขได้ด้วย อีกทั้งยังช่วยชีวิตพวกเจ้า มิน่าเล่าท่านบรรพชนจึงได้บอกว่าเขาเป็นดาวแห่งโชคลาภของพวกเรา”

…………………………………………..

สลับชะตา ชายามือสังหาร

สลับชะตา ชายามือสังหาร

Status: Ongoing
เมื่อ ซือหม่าโยวเย่ว์ นักฆ่าสาวจากยุคปัจจุบันตายลง วิญญาณกลับมาเข้าร่างคุณชายห้าแห่งจวนแม่ทัพใหญ่ที่ถูกตราหน้าว่าเป็น ‘คนไร้ค่า’ ผู้ชมชอบไม้ป่าเดียวกัน! เพื่อบรรลุเป้าหมายที่เจ้าของร่างเดิมไหว้วานไว้นางจึงต้องกลายเป็นผู้แข็งแกร่งของโลกใบนี้ โลกที่ตัดสินกันด้วยพลังบำเพ็ญ! ถอนพิษในร่าง ฝึกวิชา แก้แค้นและตามหาบิดามารดาของร่างนี้ ในขณะที่นางมาถึงโลกนี้บางสิ่งที่หลับใหลในร่างของนางกลับ ‘ตื่นขึ้น’ พร้อมความฝันประหลาดที่เอ่ยถึงชื่อ ซีเหมินโยวเย่ว์ ความรู้สึกนั้นช่างสมจริงจนยากจะเชื่อว่าเป็นเพียงความฝันจนนางเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่า สิ่งที่ตนเห็นนั้นเป็นเพียงอดีตหรือความทรงจำที่ถูกปิดผนึกเอาไว้กันแน่…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท