ถึงแม้พวกซือหม่าหลินวิพากษ์วิจารณ์ถึงตนเช่นนี้ ซือหม่าโยวเย่ว์ในเวลานี้ก็มิได้แยแสสนใจแต่อย่างใด เพราะความสนใจของเธออยู่กับนางพญาผึ้งแดงทั้งหมด
“พี่ชาย นางพญาผึ้งแดงร้ายกาจถึงเพียงนั้นจริงหรือ” เสี่ยวถูนอนพาดอยู่บนโต๊ะพลางมองดูนางพญาผึ้งแดงบนบ่าซือหม่าโยวเย่ว์แล้วถามอย่างสนใจ
“แน่นอนอยู่แล้วล่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างได้ใจ “อีกหน่อยเจ้าก็จะได้เห็นความร้ายกาจของมันเองนั่นแหละ!”
“อีกหน่อยนี่อีกนานแค่ไหนหรือ” เสี่ยวถูเบ้ปาก
“ฮ่าๆ ใกล้แล้วล่ะ อีกไม่กี่วันมันก็จะเริ่มวางไข่แล้ว ตัวที่ฟักออกมาล้วนเป็นผึ้งแดงทั้งสิ้น อีกไม่นานเจ้าก็จะมีน้ำผึ้งแดงกินแล้วละ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดยิ้มๆ
“เจ้าบอกว่าสิ่งที่พวกเจ้าเจอตอนออกมาคือสิ่งใดหรือ” เว่ยจือฉีถาม
“ลำแสงสีดำแปลกประหลาดสายหนึ่งพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วดูดกลืนสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนเกาะเข้าไป” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมแล้วเอ่ยว่า “ลำแสงสีดำสายนั้นน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง เจ้าไก่ฟ้าบอกว่าสัตว์ที่อยู่ใต้เกาะลืมกังวลนั้นร้ายกาจยิ่งกว่าเขาเสียอีก”
“มันถูกสะกดเอาไว้ที่นั่นใช่หรือไม่” เจ้าอ้วนชวีถาม
“พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “แต่ข้ามีความรู้สึกว่าเมื่อใดที่เจ้าสัตว์ตัวนั้นออกมา จะต้องกลายเป็นภัยพิบัติใหญ่หลวงแน่ ดังนั้นพวกเราจะต้องยกระดับพลังยุทธ์ให้สูงขึ้นโดยเร็วที่สุด”
“อื้อๆ ระยะนี้ข้าขยันฝึกยุทธ์ตลอดเลยนะ!” เสี่ยวถูพูดพลางพยักหน้า
“ไม่เพียงแต่พื้นสมุทรเท่านั้นที่จะมีอันตราย พื้นทวีปเองก็คงไม่สงบสุขเช่นกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ท่านประมุขตระกูลคนก่อนของตระกูลซือหม่าถูกผู้อื่นทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ผู้ที่ทำร้ายเขาได้จะต้องมิใช่มนุษย์หรือขุมอำนาจทั่วไปแน่ ตระกูลซือหม่าจะต้องชำระแค้นนี้อย่างแน่นอน! กลัวแต่ว่าพอถึงเวลานั้นแล้วจะปั่นป่วนวุ่นวายน่ะสิ!”
“เจ้าจะไปเข้าร่วมงานประลองในอีกสองปีข้างหน้าหรือไม่” เป่ยกงถังถาม
“ดูสถานการณ์ก่อนเถิด” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ตอนนี้ยกระดับพลังยุทธ์ก่อนดีกว่า”
“ข้าได้ยินว่าซือหม่าเค่อพาพวกซือหม่าโยวอีไปสวามิภักดิ์กับตระกูลน่าหลาน” โอวหยางเฟยพูด
“ตระกูลน่าหลานเป็นอริกับตระกูลซือหม่ามาโดยตลอด ทั้งยังมีความสามารถที่จะถ่วงดุลกับตระกูลซือหม่าได้ด้วย การที่พวกเขาจะไปสวามิภักดิ์นั้นก็มิได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายเลย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “แต่ความลับมากมายของตระกูลซือหม่าก็คงถูกตระกูลน่าหลานล่วงรู้เข้าเสียแล้ว ไม่ส่งผลดีต่องานประลองในอีกสองปีข้างหน้าแน่”
“โยวเย่ว์เจ้าอยากจะลงมือแล้วใช่หรือไม่” เจ้าอ้วนชวีมองเธอพลางหัวเราะหึๆ
“ข้าอยากลงมือเสียที่ไหนกันเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ถลึงตาใส่เจ้าอ้วนชวีอย่างไม่พอใจที่เขาพูดความในใจของตนออกมาอย่างทะลุปรุโปร่ง
“ข้าเห็นระยะนี้เจ้าคอยสังเกตตระกูลซือหม่าอยู่ตลอดเวลาว่าพวกเขาเหมาะสมที่จะให้พวกท่านแม่ทัพอยู่ที่นี่ต่อไปหรือไม่ ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้าควรตัดสินใจแล้วล่ะ” เว่ยจือฉีพูด
เป่ยกงถังพูดเสริมว่า “ในเมื่อเจ้าตัดสินใจที่จะให้พวกเขาอยู่ต่อแล้ว ก็ต้องอยากให้พวกเขามีสภาพแวดล้อมที่มั่นคงมากยิ่งขึ้น แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ตระกูลซือหม่าจะเป็นเนื้อชิ้นอวบสำหรับขุมอำนาจทั้งหลายอยู่น่ะสิ”
“ดังนั้นพวกเราจึงคาดเดากันว่าต่อไปเจ้าจะต้องลงมือเคลื่อนไหวแล้วแน่นอน” เจ้าอ้วนชวีสรุป
“ข้าจะเคลื่อนไหวอะไรได้เล่า ข้าก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น จะไปทำอะไรได้” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“พี่ชายมีความคิดแย่ๆ อีกแล้วนะ!” เสี่ยวถูพูดยิ้มๆ
“ข้าไปมีความคิดแย่ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางยื่นมือไปเขกศีรษะเขา “พี่ชายเช่นข้าจิตใจดีมีเมตตา อย่ามาใส่ร้ายข้านะ เข้าใจหรือไม่!”
“เจ้าพอเสียทีน่า อย่าไปสอนสิ่งไม่ดีให้เขาเลย!” เป่ยกงถังถลึงตาใส่ซือหม่าโยวเย่ว์ เจ้าคนผู้นี้หนังหน้าหนาขึ้นทุกวันเสียแล้ว
“อย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้กันเลย ข้าอยากให้พวกเจ้าเข้าไปฝึกยุทธ์ภายในเจดีย์ จนถึงตอนที่พวกเจ้าใกล้จะเลื่อนระดับแล้วจึงค่อยออกมา” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ถ้าหากพวกเจ้าไม่อยากเข้าไป จะอยู่ข้างนอกนี่ก็ได้นะ”
“พวกเราอยากเข้าไป” เจ้าอ้วนชวีแสดงท่าทีออกมาก่อนใคร “เจ้าเองก็เคยบอกว่าพวกเราฝึกยุทธ์กันมากเพียงพอแล้ว ตอนนี้สิ่งที่สำคัญก็คือการสงบจิตใจบำเพ็ญ สถานที่แห่งนั้นของเจ้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก พวกเราย่อมต้องไปอยู่แล้วล่ะ!”
“พวกเราด้วย” เว่ยจือฉีพูด
“พี่สาว พวกเราจะไปที่ไหนกันหรือ” เสี่ยวถูถาม
“ไปสถานที่ดีๆ น่ะสิ” เจ้าอ้วนชวีพูด “ที่นั่นคือความลับของพวกเรา เจ้าต้องสัญญาว่าจะไม่พูดออกไป มิฉะนั้นตอนพวกเราไปก็จะไม่พาเจ้าไปด้วยหรอกนะ”
“อื้อๆ ข้าไม่มีทางพูดออกไปอย่างแน่นอน พวกท่านอย่าทิ้งข้าเอาไว้คนเดียวเลยนะ” เสี่ยวถูพูด
“ไม่มีทางทิ้งเจ้าหรอกน่า” เป่ยกงถังพูดพลางลูบศีรษะเขา
“เช่นนั้นก็ไปบอกเหล่าสาวใช้ว่าพวกเจ้าจะออกไปข้างนอกแล้วกัน”
“ได้สิ”
ซือหม่าโยวเย่ว์พาพวกเขาจากไป หลังจากนั้นระหว่างทางก็เลือกสถานที่ปลอดผู้คนแห่งหนึ่งแล้วเก็บตัวพวกเขาเข้าไปภายในเจดีย์วิญญาณ
หลังจากเสี่ยวถูเข้าไปแล้วก็มีความสุขไม่น้อย พวกเป่ยกงถังพาเขาไปทำความคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมภายใน หลังจากนั้นก็ทิ้งเขาไว้ที่ด้านหนึ่ง ส่วนตัวเองก็ไปฝึกยุทธ์
ซือหม่าโยวเย่ว์กลับมาถึงยังจวนซือหม่า เพิ่งก้าวเข้าสู่ประตูใหญ่ก็มีคนบอกว่าซือหม่าหลินให้หาตัวเธอ เธอจึงตามทหารยามไปยังห้องโถงใหญ่
ขณะนี้ภายในห้องโถงใหญ่มีคนอยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้น ซือหม่าโยวเย่ว์ประสานมือคารวะพวกเขา “ท่านประมุขตระกูล ผู้อาวุโสใหญ่ พวกท่านหาตัวข้าหรือ”
“โยวเย่ว์ ออกทะเลคราวนี้ต้องขอบคุณเจ้ามาก ไม่อย่างนั้นตระกูลซือหม่าของเราคงต้องสูญเสียคนไปมากมาย” ซือหม่าหลินพูด
“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนั้นข้าทำไปก็เพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น” ซือหม่าโยวเย่ว์เอ่ยตอบ
“เครื่องยาอื่นๆ ที่เจ้าขอได้เตรียมพร้อมเอาไว้หมดแล้ว เจ้าวางแผนจะลงมือรักษาเมื่อใดหรือ” ซือหม่าหลินพูด
“เมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “แต่ต้องหลอมยาวิเศษออกมาก่อน”
“เช่นนั้นมอบเครื่องยาให้เจ้าก่อนดีกว่า หลังจากที่เจ้าหลอมยาวิเศษเสร็จเรียบร้อยแล้วยังต้องการสิ่งใดอีกก็บอกพวกเราได้เลยนะ” ซือหม่าหลินพูดพลางมอบแหวนเก็บวัตถุวงหนึ่งให้กับซือหม่าโยวเย่ว์ ภายในนั้นคือเครื่องยาที่เธอต้องการทั้งหมด
ซือหม่าโยวเย่ว์รับแหวนมาแล้วเอ่ยว่า “ได้เลย”
จากนั้นเธอจึงกล่าวอำลาแล้วกลับมายังเรือนที่อาศัยอยู่ในขณะนี้
นั่นก็คือเรือนเดิมของซือหม่าจวิ้น แต่หลังจากที่รักษาหายแล้วเขาก็บอกว่าจะออกไปเที่ยวเล่นดูโลกภายนอก หลังจากที่เธอออกทะเลได้ไม่ถึงสองวันเขาก็จากไปแล้ว ตอนนี้ที่เรือนแห่งนี้มีเพียงแค่ปู่หลานซือหม่าเลี่ยเท่านั้นที่อาศัยอยู่
“ท่านปู่ ข้ากลับมาแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นซือหม่าเลี่ยมิได้กำลังฝึกยุทธ์อยู่จึงเอ่ยขึ้น
“ตอนนี้เจ้าเด็กพวกนั้นเป็นเช่นไรกันบ้างเล่า” ซือหม่าเลี่ยรู้ว่าเธอไปหาพวกเว่ยจือฉีมาแล้วจึงเอ่ยถาม
“สบายดี” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ท่านปู่ พวกพี่ๆ เล่า”
“อยู่ในเรือนกันหมดนั่นแหละ ทำไมหรือ” ซือหม่าเลี่ยถาม
“ข้ามีเรื่องจะพูดกับพวกท่านหน่อยน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ข้าจะไปเรียกพวกเขาออกมา”
ระยะนี้พวกซือหม่าโยวหมิงกำลังทุ่มเทให้กับการฝึกฝน พวกเขามาถึงอาณาจักรอู๋กลางแล้วถึงได้รู้ว่าผู้คนข้างนอกมีพลังยุทธ์สูงกว่าอาณาจักรตงเฉินอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะเลื่อนระดับขึ้นมาไม่น้อยแล้ว แต่ตอนนี้พลังยุทธ์ของพวกเขาก็ยังไม่มากพอ
“โยวเย่ว์ เจ้าเรียกพวกเราออกมา มีเรื่องอันใดหรือ” ซือหม่าโยวหรานถาม
“อื้มๆ” ซือหม่าโยวเย่ว์เล่าเรื่องลำแสงสีดำและเรื่องที่พื้นสมุทรปั่นป่วนขึ้นมาอย่างฉับพลันให้พวกเขาฟัง หลังจากนั้นจึงเอ่ยว่า “ข้าจะพาพวกท่านไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง การไปฝึกยุทธ์ที่นั่นจะทำให้พวกท่านยกระดับพลังยุทธ์ได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น”
พอพูดจบเธอก็พาพวกเขาทั้งหมดเข้าไปภายในเจดีย์วิญญาณ
สภาพแวดล้อมรอบตัวเปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลัน ทำให้พวกซือหม่าเลี่ยตกตะลึง แต่เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์อยู่ด้วย พวกเขาจึงมิได้มีความเคลื่อนไหวใดๆ
“โยวเย่ว์ ที่นี่มันที่ไหนกันน่ะ” ซือหม่าโยวเล่อถาม
“ที่นี่คือด้านในเจดีย์วิญญาณซึ่งเป็นโลกของตัวเอง อยู่ที่นี่สามวันเท่ากับระยะเวลาหนึ่งวันของโลกภายนอก นอกจากนี้ปราณวิญญาณก็ยังเข้มข้นกว่าข้างนอกอีกด้วย พวกท่านฝึกยุทธ์ที่นี่ได้ พลังยุทธ์จะต้องก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอน”
…………………………………….