สลับชะตา ชายามือสังหาร – ตอนที่ 247 รางวัลและการลงโทษ

สลับชะตา ชายามือสังหาร

ซือหม่าไท่มองดูสีหน้าของซือหม่าโยวเย่ว์อย่างพึงพอใจแล้วพูดด้วยความจริงจังอย่างยิ่งว่า “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ข้าแยกแยะรางวัลและการลงโทษอย่างชัดเจนมาโดยตลอด”

“เช่นนั้นท่านบอกมาก่อนสิว่าจะให้รางวัลอะไร” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

“เจ้าอาจเคยได้ยินว่าตระกูลซือหม่าของเราจะมีพิธีเลือกสรรครั้งหนึ่งทุกสองสามปีกระมัง” ซือหม่าไท่ถาม

ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้า ตอนอยู่ที่อาณาจักรตงเฉิน ซือหม่าเลี่ยก็บอกว่าระยะนี้ตระกูลซือหม่าเกิดเรื่องใหญ่ คนเหล่านั้นไม่มีทางไปหาพวกตนอย่างรวดเร็วขนาดนั้น แต่ผลปรากฏว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาก็มาเสียแล้ว

“พิธีเลือกสรรทำไมหรือ มีความเกี่ยวข้องกับการตกรางวัลให้ข้าอย่างไร” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่เข้าใจ

“เดิมทีเมื่อสามปีก่อนก็ถึงเวลาของพิธีเลือกสรรแล้ว แต่เพราะข้าได้รับบาดเจ็บจนสิ้นสติไป พวกเขาหาผนึกเปิดภูเขาไม่พบ ดังนั้นหลังจากพิธีเลือกสรรแล้วจึงยังมิได้ก้าวสู่ก้าวต่อไปเสียที” ซือหม่าไท่พูด

“ก้าวต่อไปคืออะไรหรือ”

“การเข้าสู่ดินแดนบรรพบุรุษ เสาะหาโอกาส” ซือหม่าไท่พูดมาถึงตรงนี้ บนใบหน้าก็เผยแววสูญเสียและเป็นกังวลอันยากที่จะปิดบัง

“แล้วเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับข้าอย่างไรหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “พวกเรายังมิได้จัดพิธีเลือกสรรต่อเลย”

“นี่คือรางวัลที่ข้ามอบให้กับพวกเจ้าอย่างไรเล่า” ซือหม่าไท่พูดอย่างช้าๆ ไม่เร่งร้อนว่า “คราวนี้เจ้ากับพวกพี่ชายทั้งสี่คนของเจ้าก็เข้าสู่ดินแดนบรรพบุรุษไปพร้อมกันกับพวกเขาเลย โดยเฉพาะเจ้า เดิมทีคนที่มิได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดนั้นมิอาจเข้าไปได้ แต่ข้าจะให้เจ้าเข้าไปเป็นข้อยกเว้น”

“ตระกูลของพวกท่านอยู่มานานปีถึงเพียงนี้แล้ว คาดว่าโอกาสอะไรนั่นคงจะมีเหลืออยู่ไม่เท่าไหร่แล้วละ” ซือหม่าโยวเย่ว์พึมพำเสียงเบา แต่ต่อให้เสียงเบายิ่งกว่านี้ก็ไม่มีทางรอดพ้นโสตประสาทของจ้าววิญญาณไปได้

ซือหม่าไท่หัวเราะเสียงดังแล้วเอ่ยว่า “ดินแดนบรรพบุรุษของตระกูลซือหม่าเราจะหมดสิ้นได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนั้นได้อย่างไรเล่า! เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลเลย”

“เช่นนั้นท่านจะวิตกกังวลไปทำไมกันเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม “หรือว่ามิใช่เพราะเรื่องนี้”

ซือหม่าไท่ถอนหายใจแล้วส่ายหน้าอย่างยาวนาน “สิ่งที่ข้ากังวลมิใช่เรื่องนี้หรอก หากแต่เป็นเพราะดินแดนบรรพบุรุษมิได้ถ่ายทอดสิ่งใดออกมาให้เป็นเวลาเนิ่นนานแล้วต่างหาก”

“ตัดขาดการถ่ายทอดอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ตกใจอย่างยิ่ง นี่อาจเกี่ยวโยงถึงเส้นสายชีวิตของขุมอำนาจแห่งหนึ่งเลยทีเดียว!

“จะพูดเช่นนั้นก็ได้” ซือหม่าไท่ทอดถอนใจแล้วเอ่ยว่า “ตระกูลซือหม่าเรามีจำนวนคนไม่มากเท่าขุมอำนาจชั้นหนึ่งอื่นๆ แต่ร้อยปีพันปีหลังมานี้ก็ยืนหยัดอยู่ท่ามกลางพวกเขาโดยอาศัยมรดกตกทอดของพวกเราเท่านั้น”

“ดังนั้นตระกูลซือหม่าจึงได้ถดถอยลงไปทุกวัน และด้วยเหตุนี้จึงได้กลายเป็นเป้าหมายของผู้อื่นด้วย” ซือหม่าโยวเย่ว์เข้าใจขึ้นมาในทันที

ซือหม่าไท่มองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างพึงพอใจ เธอเฉลียวฉลาดอย่างแท้จริง คนในครอบครัวจำนวนมากต่างก็มิได้ตระหนักถึงจุดนี้เลย แต่เธอเพิ่งมาได้ไม่นานก็เข้าใจสถานการณ์ที่ตระกูลซือหม่ากำลังเผชิญอยู่แล้ว

“คนรุ่นเก่ายังดีหน่อยที่มิได้อ่อนแอมากจนเกินไปนัก แต่คนรุ่นเยาว์นั้นนอกจากพวกโยวหลินไม่กี่คนแล้ว คนอื่นๆ ก็มิได้โดดเด่นสักเท่าใดนัก” ซือหม่าไท่กังวลใจ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ผ่านไปอีกไม่กี่ปีตระกูลซือหม่าก็คงตกอยู่ในอันตรายแล้ว

“หลังจากที่พวกท่านได้รับมรดกตกทอดกันแล้วไม่อาจส่งต่อให้กับลูกหลานรุ่นหลังโดยตรงได้หรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม

“มรดกตกทอดเหล่านั้น มีอยู่จำนวนมากที่เป็นการถ่ายทอดโดยตรง อย่างเช่นพวกที่ยกระดับพื้นฐาน ผู้ที่ได้รับทักษะวิญญาณนั้นมีอยู่เพียงน้อยนิด เคล็ดแยกอัคคีพิโรธก็เป็นสิ่งที่คนสมัยก่อนสืบทอดมาจากดินแดนบรรพบุรุษนั่นแหละ” ซือหม่าไท่พูด “น่าเสียดายที่มรดกตกทอดจำนวนมากเสียหายไปโดยไม่รู้สาเหตุ ข้าคิดว่าตระกูลซือหม่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนก็คงจะเคยถูกทำร้ายอย่างสาหัสเช่นเดียวกัน”

“เหตุใดข้าจึงยังรู้สึกว่านี่เป็นขนมหอมหวานที่มองเห็นแต่มิอาจสัมผัสได้เล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ในเมื่อไม่มีใครได้รับมรดกตกทอดอะไรมานานแล้ว ให้ข้าเข้าไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ข้ามิใช่สายโลหิตของตระกูลซือหม่าด้วย”

“ช่างเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดเสียจริง” ซือหม่าไท่มองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างขบขัน “มรดกตกทอดจำนวนมากนั้นจำเป็นต้องมีสายโลหิตของตระกูลซือหม่าจึงจะครอบครองได้ แต่ก็มีจำนวนหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องใช้ เจ้าไม่อยากไปลองดูสักหน่อยหรือว่าเจ้าจะได้สิ่งใดมาครอบครองบ้าง ไม่แน่ว่าอาจจะได้สิ่งใดที่เป็นประโยชน์มาก็ได้นะ”

ซือหม่าโยวเย่ว์ลูบคาง นิ้วชี้แตะปลายจมูก เธอครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยว่า “เอาละ ข้าผู้นี้จะลองเสี่ยงดูสักตั้งดีกว่า ไม่แน่ว่าอาจจะได้รับโอกาสอันดีอะไรมาก็เป็นได้!”

ซือหม่าไท่ไม่เอ่ยวาจา เจ้าเด็กผู้นี้ช่างหลงตัวเองเสียจริง!

“เอาละ ตอนนี้พวกเรามาคุยกันเรื่องบทลงโทษได้แล้วกระมัง”

ซือหม่าโยวเย่ว์ได้ยินแล้วสีหน้าก็สลดลงเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า “บทลงโทษอะไรหรือ”

“อันที่จริงแล้วง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง” ซือหม่าไท่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์อยู่บ้าง

ซือหม่าโยวเย่ว์ได้เห็นรอยยิ้มของเขาแล้วก็เสียงสันหลังวาบ รู้สึกว่าตนถูกจิ้งจอกเฒ่าตัวหนึ่งจับจ้องเอาเสียแล้ว

ผลปรากฏว่าเมื่อออกมาจากห้องโถงใหญ่ ซือหม่าโยวเย่ว์ก็มีสีหน้าทุกข์ระทมขมขื่น เธอหันหน้ากลับไปมองประตูทางเข้าห้องโถงใหญ่อย่างเศร้าโศกปราดหนึ่ง ก่อนจะทอดถอนใจแล้วจากไป

ภายในห้องโถงใหญ่ ซือหม่าไท่ลูบใบหน้าที่ยังหลงเหลือรอยแดงอยู่ของตนพลางหัวเราะหึๆ “แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยถูกใครตบหน้ามาก่อนเลย เจ้าคิดว่าข้าจะยอมให้ใครมาตบหน้าได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ”

ถ้าหากซือหม่าโยวเย่ว์ได้ยินคำพูดของเขาแล้วจะต้องกระอักเลือดอย่างแน่นอน เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเธอไม่ใช่คนลงมือ ซือหม่าโยวหลินไม่เห็นเป็นไร แต่เธอกลับถูกกดดันถึงเพียงนี้

เมื่อกลับไปถึงเรือน พวกซือหม่าเลี่ยกำลังรอคอยเธออยู่ เมื่อเห็นเธอออกมาด้วยสีหน้าทุกข์ระทมจึงเอ่ยถามว่า “ท่านประมุขตระกูลทำให้เจ้าลำบากหรือ”

ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วส่ายหน้า ทั้งยังถอนหายใจอีกด้วย

“น้องห้า ท่านประมุขตระกูลคงมิได้ขับไล่เจ้าออกไปหรอกกระมัง ถ้าหากเป็นเช่นนั้นพวกเราก็จะไปพร้อมกับเจ้าด้วย!” ซือหม่าโยวเล่อพูด

“ไม่ใช่หรอก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เขาก็แค่กดดันข้าอย่างรุนแรงเท่านั้นเอง”

“เขากดดันเจ้าอย่างไรหรือ” ซือหม่าเลี่ยสนใจใคร่รู้อยู่พอสมควร ก่อนหน้านี้เขาก็รู้สึกอยู่แล้วว่าซือหม่าไท่คือลูกจิ้งจอกตัวหนึ่ง ตอนนี้จะต้องกลายเป็นจิ้งจอกเฒ่าแล้วอย่างแน่นอน

“เขาให้ข้ายกระดับพลังยุทธ์ของคนรุ่นเยาว์ในภาพรวมทั้งหมดน่ะสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เจ้าจิ้งจอกเฒ่านั่น อย่าให้ข้าจัดการเขาได้นะ ไม่อย่างนั้นล่ะ…หึหึ!”

“หา… นี่มิใช่การทำให้เจ้าลำบากหรอกหรือ” ซือหม่าโยวเล่อร้อนรนเสียแล้ว

ซือหม่าโยวหรานขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “เจ้าช่วยชีวิตเขาทั้งที ยังมิอาจหักล้างรอยฝ่ามือสองข้างนั่นได้อีกหรือ”

“เขาบอกว่าให้พวกเราเข้าไปในดินแดนบรรพบุรุษพร้อมกันกับบรรดาสมาชิกตระกูลที่ออกมาจากพิธีเลือกสรรเมื่อสามปีก่อน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เขายังบอกด้วยว่าถ้าหากข้ายินดีจะใช้รางวัลนี้เพื่อชดเชยการลงโทษก็ย่อมได้”

“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงไม่หักล้างกันไปเสียเลยเล่า” ซือหม่าโยวเล่อมองเธอด้วยสีหน้าว่าเจ้ามันช่างโง่นัก

“ว่ากันว่าดินแดนบรรพบุรุษนี้สิบปีจึงจะเปิดครั้งหนึ่ง โอกาสหาได้ยากยิ่ง ไม่แน่ว่าพอพวกท่านเข้าไปกันแล้วอาจจะได้รับมรดกตกทอดอะไรดีๆ มาบ้างก็ได้ แล้วจะให้นำมาหักล้างกันได้อย่างไรเล่า!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ถึงอย่างไรยาวิเศษอะไรพวกนั้นก็มิได้ใช้เครื่องยาของข้าเสียหน่อย อย่างมากที่สุดก็แค่ตำรับยาพื้นบ้านนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น การหลอมยาวิเศษ การฝึกสัตว์อสูรวิเศษอะไรต่างๆ นอกจากนี้ข้ายังจะได้รับประโยชน์จากการฝึกสัตว์อสูรวิเศษอีกด้วยนะ!”

พวกซือหม่าโยวหรานเข้าใจแล้ว เธอมิได้ไม่พอใจกับการลงโทษของซือหม่าไท่ เพียงแต่ไม่ชอบใจที่เรื่องนี้เป็นการยอมจำนนแต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น

“เฮ้อ… พวกท่านรอพวกเขามาเรียกให้พวกท่านไปยังดินแดนบรรพบุรุษด้วยกัน ข้าจะไปทำอาหารเพื่อปลอบประโลมหัวใจอันบอบช้ำของข้าก่อน เฮ้อ… ข้าช่วยชีวิตเขาชัดๆ ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!” ซือหม่าโยวเย่ว์วิ่งเข้าครัวไปทำอาหารด้วยความปลงสังขาร

เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของเธอ พี่น้องซือหม่าโยวหมิงทั้งสี่คนจึงอดหัวเราะออกมามิได้ หลังจากที่เธอถูกทำร้ายจนอุปนิสัยเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เมื่อตอนสิบห้าปีก็ยังไม่เคยเห็นเธอหดหู่มาก่อนเลย!

“ดินแดนบรรพบุรุษเป็นสถานที่อันยอดเยี่ยมแห่งหนึ่ง ไม่แน่ว่าพอพวกเจ้าเข้าไปแล้วอาจจะได้รับโอกาสอันดีอะไรก็เป็นได้ ก่อนหน้านี้มีคนที่ตอนเข้าไปเป็นระดับราชาวิญญาณ แต่ตอนออกมากลายเป็นระดับบรรพวิญญาณด้วยนะ แล้วก็มีคนที่ศึกษาทักษะวิญญาณอันล้ำเลิศออกมาด้วย” ซือหม่าเลี่ยพูด “พวกเจ้าจะต้องคว้าโอกาสครั้งนี้เอาไว้ให้ดี นี่เป็นสิ่งที่โยวเย่ว์ต่อสู้ดิ้นรนมาให้พวกเจ้าเชียวนะ”

“พวกเราจะทำให้ได้ขอรับ!” ทั้งสี่คนพยักหน้า

ขณะนี้เองก็มีเสียงสับเนื้อดังลอยมาจากในห้องครัว ผสมไปกับเสียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของใครบางคน “เที่ยงนี้กินเนื้อจิ้งจอกสับก็แล้วกัน ข้าจะสับๆๆ…”

……………………………

สลับชะตา ชายามือสังหาร

สลับชะตา ชายามือสังหาร

Status: Ongoing
เมื่อ ซือหม่าโยวเย่ว์ นักฆ่าสาวจากยุคปัจจุบันตายลง วิญญาณกลับมาเข้าร่างคุณชายห้าแห่งจวนแม่ทัพใหญ่ที่ถูกตราหน้าว่าเป็น ‘คนไร้ค่า’ ผู้ชมชอบไม้ป่าเดียวกัน! เพื่อบรรลุเป้าหมายที่เจ้าของร่างเดิมไหว้วานไว้นางจึงต้องกลายเป็นผู้แข็งแกร่งของโลกใบนี้ โลกที่ตัดสินกันด้วยพลังบำเพ็ญ! ถอนพิษในร่าง ฝึกวิชา แก้แค้นและตามหาบิดามารดาของร่างนี้ ในขณะที่นางมาถึงโลกนี้บางสิ่งที่หลับใหลในร่างของนางกลับ ‘ตื่นขึ้น’ พร้อมความฝันประหลาดที่เอ่ยถึงชื่อ ซีเหมินโยวเย่ว์ ความรู้สึกนั้นช่างสมจริงจนยากจะเชื่อว่าเป็นเพียงความฝันจนนางเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่า สิ่งที่ตนเห็นนั้นเป็นเพียงอดีตหรือความทรงจำที่ถูกปิดผนึกเอาไว้กันแน่…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท