“เฮอะ!” มีนกยักษ์ไม่เชื่อ มันส่งเสียงเฮอะเยียบเย็นหมายจะพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่บินขึ้นไปได้เพียงไม่กี่เมตรก็มิอาจบินขึ้นไปต่อได้อีก
“เจ้าทำอะไรลงไปน่ะ!” นกยักษ์ตัวนั้นตะโกนอย่างตกใจ
“มิได้ทำอะไรหรอก ก็แค่วางบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ที่นี่เท่านั้นเอง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดแล้วใส่พลังวิญญาณเข้าไปในพื้นดิน พลังวิญญาณเหล่านั้นมิได้สลายตัวไป แต่ปั่นป่วนบ้าคลั่งอยู่ในพื้นดิน แล้วออกมาเป็นเค้าร่างค่ายกลอันหนึ่ง
“ค่ายกลปิดผนึกมิติ!” พอซือหม่าโยวหลินดูออกแล้วก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างตกใจ
ซือหม่าโยวเย่ว์มองเขาปราดหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าเขาจะรู้จักค่ายกลนี้ด้วย
ถูกต้อง ตั้งแต่วินาทีแรกที่ร่อนลงสู่พื้น เธอก็ได้จัดวางค่ายกลปิดผนึกมิติเอาไว้แล้ว พอนกยักษ์เหล่านั้นร่อนลงมา เธอก็ปิดผนึกมิติที่นี่เอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ซือหม่าโยวหลินตกตะลึงเพราะซือหม่าโยวเย่ว์อีกครั้ง เจ้าเด็กผู้นี้นอกจากจะเป็นนักหลอมยาและนักฝึกสัตว์อสูรแล้ว ยังเป็นปรมาจารย์ค่ายกลอีกด้วย สิ่งที่เธอทำเมื่อครู่นั้นมิใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้เลย
“นี่ยังใช่มนุษย์อยู่หรือไม่” เขาแอบด่าทออยู่ในใจ
แม้กระทั่งผู้ที่ชาญฉลาดและเปี่ยมความสามารถอย่างเขาก็ยังถูกเธอกระตุ้นไม่น้อย การอยู่ร่วมกันกับเธอ ไม่ว่าจะโดดเด่นเพียงใดก็ต้องถูกลดความสำคัญลงอยู่ดี
“เอาละ ปิดประตูเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เริ่มต้นล้างบางพวกมันได้ วันนี้จะต้องสู้จนพวกมันยอมสวามิภักดิ์ให้ได้!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดจบก็ดึงตัวพวกซือหม่าโยวหมิงให้ถอยออกมา ก่อนจะให้สัตว์อสูรวิเศษทั้งฝูงตะลุมบอนกันข้างใน
“โอ๊ย…”
“ใครฟาดลูกตาข้าน่ะ!”
“ไอ้หยา…”
ซือหม่าโยวเย่ว์มองดูสถานการณ์ภายในพลางเอ่ยว่า “ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าฝูงสัตว์อสูรวิเศษลุยกันได้ไม่เลวเลย! น่าเสียดายที่พลังจิตของข้าตอนนี้เต็มแล้ว มิฉะนั้นจะทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรเทพอีกสักสองตัว หลังจากนั้นค่อยออกไปสร้างกองทัพสัตว์อสูร หากใครไม่เข้าตาก็ตะลุมบอนมันเสียเลย น่าสนุกยิ่งนัก!”
ผู้คนด้านหลังสีหน้าดำทะมึน เจ้าคนผู้นี้ยังมีหน้ามาบอกว่าพลังจิตเต็มอีกหรือ เคยนึกถึงหัวอกของพวกเขาบ้างหรือไม่!
ในที่สุดนกยักษ์แปดตัวนั้นก็มิอาจหนีรอดไปได้เลยแม้แต่ตัวเดียว พวกมันถูกโจมตีจนสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวไปแล้วนอนแผ่อยู่บนพื้น มีเพียงแววตาเท่านั้นที่ยังคงแสดงความไม่ยอมจำนนอยู่
ซือหม่าโยวเย่ว์เดินเข้าไปแล้วเอ่ยว่า “พวกเจ้าคงยอมรับกันแล้วกระมัง หากพวกเจ้าอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล ก็คงได้แต่อยู่ในสถานที่เล็กๆ เช่นนี้เท่านั้น มิสู้ถูกทำพันธสัญญาแล้วไปดูโลกภายนอกกันดีกว่า!”
“พวกเราไม่ยอม…” เหยี่ยวนกเขาจ้องมองซือหม่าโยวเย่ว์
“ไม่ยอมก็ช่วยไม่ได้อยู่ดี วันนี้ข้ามิได้มาเจรจาเงื่อนไขกับพวกเจ้า ตอนนี้พวกเจ้ากลายเป็นของขวัญที่ข้ามอบให้พวกพี่ๆ แล้วละ! ตอนนี้ไม่ยอม อีกประเดี๋ยวก็ต้องยอมแล้ว”
พอพูดจบซือหม่าโยวเย่ว์ก็วางมือลงบนหว่างคิ้วของเหยี่ยวนกเขาแล้วโคจรเคล็ดควบคุมสัตว์อสูรก่อนจะเริ่มต้นฝึกมันให้เชื่อง
ลูกตาของซือหม่าโยวหยางแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว ปากก็อ้าค้างจนคางแทบแตะพื้น เขายื่นมือออกมาชี้ซือหม่าโยวเย่ว์พลางเอ่ยตะกุกตะกักว่า “เขา… เขา… เขากำลังฝึกสัตว์อสูร! เขายังเป็นนักฝึกสัตว์อสูรอีกด้วยหรือ!”
ซือหม่าโยวหลานและซือหม่าโยวฉิงก็มีสีหน้าเช่นเดียวกัน ความรู้สึกที่มองซือหม่าโยวเย่ว์นั้นราวกับกำลังมองเทพสวรรค์ชั้นฟ้า
ซือหม่าโยวหรานพยักหน้าพลางเอ่ยว่า “เมื่อสามปีก่อนเขาก็เป็นนักฝึกสัตว์อสูรแล้วล่ะ เขาฝึกสัตว์อสูรทิพย์ให้เชื่องได้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”
“เมื่อสามปีก่อน…ตอนนั้นเขาอายุเท่าไหร่กัน” ซือหม่าโยวฉิงถามอย่างตกตะลึง
“ตอนนั้นดูเหมือนจะอายุสิบห้าปีเศษ ไม่ถึงสิบหกปีกระมัง” ซือหม่าโยวเล่อเอ่ยตอบ
“ก็หมายความว่าตอนนี้เขาเพิ่งจะอายุได้สิบเก้าปีเท่านั้น! นักหลอมยาและนักฝึกสัตว์อสูรวัยสิบเก้าปี สวรรค์เอ๋ย พาข้าไปตายที! ข้าอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่เหลือเกิน!” ซือหม่าโยวหยางร้องโอดครวญ
“เจ้าพลาดไปนิดนะ เขายังเป็นปรมาจารย์ค่ายกลอีกด้วย!” ซือหม่าโยวหลินพูดเสริม
“พวกเราก็ยังไม่รู้เรื่องที่น้องห้าสำเร็จเป็นปรมาจารย์ค่ายกลเหมือนกัน แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าต่อให้เขาเป็นนักหลอมวัตถุด้วย ข้าก็คงไม่ตกใจแล้วล่ะ!” ซือหม่าโยวหรานพูด
“ช่างเป็น…ตัวประหลาดจริงๆ!” ซือหม่าโยวหยางตกตะลึงอยู่นานจึงพ่นวาจาประโยคนี้ออกมา
“สัตว์อสูรวิเศษที่น้องห้าฝึกนั้นแตกต่างกัน ตอนพวกเจ้าทำพันธสัญญาก็จะรู้เอง” ซือหม่าโยวเล่อพูดยิ้มๆ
“ฝึกสัตว์อสูรก็ยังมีความพิเศษด้วยหรือ” ซือหม่าโยวหยางมองซือหม่าโยวเล่อ แต่เจ้านั่นไม่พูดอีกแล้ว ทำให้เขารู้สึกคันยุบยิบในหัวใจไม่น้อย
สองวันให้หลัง ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ฝึกนกยักษ์แปดตัวให้เชื่องได้ทั้งหมด พอลุกขึ้นก็เห็นสีหน้าตื่นตกใจของทุกคน
“พวกเจ้าเป็นอะไรไปหรือ”
“โยวเย่ว์ เจ้าฝึกสัตว์อสูรเทพแปดตนต่อเนื่องกันเลยนะ… ” ซือหม่าโยวหลานพูดอย่างตกตะลึง
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ถูกต้อง ฝึกให้เชื่องเสร็จทั้งแปดตนแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าไปเลือกตนที่ตัวเองชอบมาทำพันธสัญญาได้แล้วล่ะ”
“พวกเราไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้ พวกเราอยากจะถามเจ้าว่าเจ้าฝึกสัตว์อสูรเทพมากมายเช่นนี้ไม่เหนื่อยบ้างหรือ” ซือหม่าโยวฉิงพูด
“เหนื่อยนิดหน่อย พลังวิญญาณสะท้อนกลับมากมายเช่นนี้ก็ออกจะเกินรับไหวอยู่บ้าง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “พวกเจ้าทำพันธสัญญากันเอาเองเถิดนะ ข้าจะไปพักผ่อนสักครู่”
พอพูดจบ เธอก็นั่งลงบนพื้นที่ว่างแล้วเริ่มต้นย่อยพลังที่สะท้อนกลับมาจากการฝึกสัตว์อสูร
“ในเมื่อคุยกันแล้วว่าจะยกอินทรีดำให้พี่โยวหมิง เช่นนั้นพวกเราก็มาเลือกที่เหลือกันดีกว่า” ซือหม่าโยวฉิงพูด
“ข้าชอบเจ้านกแร้งยักษ์นั่น ข้าอยากได้มัน!” ซือหม่าโยวเล่อพูด
“เช่นนั้นข้าเลือกเจ้าเหยี่ยวนกเขานั่นแล้วกัน” ซือหม่าโยวหยางเองก็ไม่เกรงใจเข้าไปโอบตัวเหยี่ยวนกเขาเอาไว้
เพียงไม่นาน ทุกคนต่างเลือกสัตว์ที่ตัวเองอยากได้แล้วเตรียมตัวเข้าไปทำพันธสัญญา
“ข้านึกขึ้นมาได้พอดี โยวเล่อ ความพิเศษที่เจ้าบอกนั้นคืออะไรหรือ” ซือหม่าโยวหยางเตรียมทำพันธสัญญาแล้วเอ่ยขึ้นในทันใด
“เจ้าทำพันธสัญญาเสร็จก็จะรู้เองนั่นแหละ” ซือหม่าโยวเล่อพูดแล้วเริ่มทำพันธสัญญากับนกแร้งยักษ์ของเขา
ในขณะนี้เอง ข้างกายของซือหม่าโยวเย่ว์ก็มีลำแสงแห่งการเลื่อนระดับสว่างขึ้น ดึงดูดความสนใจของทุกคนไปจนหมด
“บรรพวิญญาณขั้นห้า เจ้าเด็กนี่ จะไม่โจมตีผู้อื่นบ้างมิได้เลยหรือไร” ซือหม่าโยวหยางหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย เกิดความรู้สึกอยากจะต่อยเธอสักหมัดหนึ่งขึ้นมา!
“เอาคนมาเปรียบเทียบกัน คนที่เปรียบเทียบนั่นแหละที่จะแย่ พรสวรรค์ของเขายังเหนือกว่าพี่โยวหลินเสียอีก!” ซือหม่าโยวฉิงพูด
“เฮ้อ… รีบทำพันธสัญญาเร็วเข้าเถิด เหม็นขี้หน้าเขาเต็มทีแล้ว!” ซือหม่าโยวหลานพูด ตอนนี้นางรู้สึกว่าพรสวรรค์ของตนมิได้อยู่ในแถวหน้าอีกต่อไปแล้ว
ทั้งแปดคนทำพันธสัญญาอย่างต่อเนื่องกัน หลังจากที่รัศมีแห่งการทำพันธสัญญาผ่านพ้นไปแล้วก็ตามมาด้วยรัศมีแห่งการเลื่อนระดับ นี่ทำให้พวกซือหม่าโยวหลินทั้งสี่คนตกใจจนสะดุ้ง แต่เห็นพวกซือหม่าโยวหมิงทั้งสี่คนยังคงครองสติเอาไว้ได้ จึงรู้ว่านี่จะต้องเป็นความพิเศษที่พวกเขาพูดถึงอย่างแน่นอน
“ทำพันธสัญญาแล้วยังสามารถเลื่อนระดับได้ด้วย ข้าเพิ่งเคยพบเห็นเรื่องพรรค์นี้เป็นครั้งแรกเลย” พอเสร็จสิ้นลงแล้วซือหม่าโยวหยางก็ยังคงงุนงงอยู่ รู้สึกอัศจรรย์ใจเหลือเกินที่ตนเลื่อนขึ้นไปรวดเดียวถึงสองระดับขั้น!
“นั่นก็เป็นเพราะสัตว์อสูรเทพที่เจ้าทำพันธสัญญาด้วยมีระดับขั้นสูง มิฉะนั้นจะเลื่อนขึ้นถึงสองระดับขั้นได้อย่างไรกัน” ซือหม่าโยวหลินเข้าใจความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจึงเอ่ยขึ้น
ซือหม่าโยวหยางสะบัดผมแล้วเอ่ยว่า “ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็เลื่อนขึ้นมาตั้งสองระดับแล้ว ฮ่าๆ รู้สึกเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”
นกยักษ์เหล่านั้นไม่นิ่งเฉยอีกต่อไป พวกมันมองหน้ากันไปมาแล้วเอ่ยว่า “ข้าก็เลื่อนระดับด้วย ข้ามิได้เลื่อนระดับมานานมากแล้วนะ”
“ข้าก็เหมือนกัน ถ้ารู้แต่เนิ่นๆ ว่าจะได้เลื่อนระดับ พวกเราจะมัวเปลืองแรงต่อสู้ไปทำบ้าอะไรกัน!”
“ยังมีหน้ามาพูดอีก!”
ซือหม่าโยวเล่อตบหัวนกแร้งแล้วเอ่ยว่า “พวกเจ้าติดตามพวกเราไป ก็จะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอน! หลังจากที่โยวเย่ว์ฝึกสัตว์อสูรวิเศษให้เชื่องแล้ว ก็จะพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ตามระดับพลังยุทธ์ของเจ้านายเชียวละ”
“เฮือก…”
ซือหม่าโยวหยางที่กำลังเดินอยู่เกือบจะสะดุดขาตัวเองล้ม
เขาหันหน้ากลับมามองผู้ที่ยังกำลังเข้าฌานอยู่ผู้นั้น สัญชาตญาณบอกเขาว่าเธอยังมีอาวุธลับอยู่อีกมากมาย ความสามารถของเธอก็ยังมีอยู่อีกมาก และตระกูลซือหม่าก็จะได้เป็นเสาหลักแห่งใต้หล้าของดินแดนอี้หลินอีกครั้งเพราะการกลับมาของเธอ
……………………………………..