สลับชะตา ชายามือสังหาร – ตอนที่ 252 การกวาดล้างสัตว์อสูรเทพครั้งใหญ่

สลับชะตา ชายามือสังหาร

หลังจากซือหม่าโยวเย่ว์ฟื้นฟูกลับมา ทุกคนก็ทำพันธสัญญากันเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว เพียงแค่รอคอยเธอเท่านั้น

“โยวเย่ว์ เจ้าฟื้นฟูเสร็จแล้วหรือ” ซือหม่าโยวหยางนั่งอยู่ข้างกายเธอ พอเห็นเธอตื่นขึ้นมาจึงถามพร้อมรอยยิ้มกว้าง

ซือหม่าโยวเย่ว์ตกใจเพราะเขาจนสะดุ้ง ก่อนจะเอ่ยว่า “ยิ้มเสียเจ้าเล่ห์อะไรเช่นนั้น มีความคิดชั่วร้ายอันใดอยู่น่ะ”

“ข้ามีความคิดชั่วร้ายเสียที่ไหนกัน ก็แค่อยากจะถามเจ้าเรื่องจิ้งจอกพวกนั้นของเจ้า…”

ซือหม่าโยวหยางยังพูดไม่ทันจบ ซือหม่าโยวเย่ว์ก็ยื่นมือออกมาอุดปากเขาในทันทีแล้วเอ่ยว่า “พวกนั้นเป็นเผ่าพันธุ์ของเชียนอิน เจ้าอย่าได้คิดอะไรแผลงๆ กับพวกนั้นเชียวนะ!”

ซือหม่าโยวหยางดึงมือเธอออกแล้วพูดว่า “ข้ามิได้คิดอะไรแผลงๆ กับพวกมันเสียหน่อย ข้าก็แค่อยากถามว่า อาหารจานจิ้งจอกที่เจ้าทำเมื่อเร็วๆ นี้ ได้เลือกเนื้อพวกมันมาทำหรือไม่”

“จะเป็นไปได้อย่างไรกันเล่า! พวกนั้นข้าไปเอามาจากภูเขาหลังบ้านต่างหาก” ซือหม่าโยวเย่ว์ชักมือของตนกลับมาก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อเสร็จเรียบร้อยกันหมดแล้ว พวกเราก็ไปจากที่นี่กันดีกว่า ข้าเก็บค่ายกลก่อนนะ”

เธอไปเก็บวัสดุทั้งหมดกลับมา ของเหล่านี้ล้วนเป็นวัสดุหายากทั้งสิ้น จะใช้ทิ้งขว้างมิได้เป็นอันขาด

“ไปกันเถิด พวกเราไปแสวงหาโอกาสกันต่อดีกว่า” เธอมองนกแร้งและเหยี่ยวนกเขา ทำเอาพวกมันเสียวสันหลังวาบ

ถึงแม้ว่าทุกคนจะมีสัตว์อสูรบินได้กันคนละตัวแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงขี่หลังเจ้าวิหคน้อยไปกันหมดเพราะเจ้าวิหคน้อยบินได้รวดเร็วสมคำร่ำลือ

เจ้าวิหคน้อยพาพวกเขาบินผ่านทุ่งหญ้า บินผ่านภูเขาสูง แล้วก็เห็นสมาชิกตระกูลคนแล้วคนเล่า จากนั้นพวกเขาจึงร่อนลงที่บริเวณตีนเขา

“ท่านปู่เคยบอกว่ามีโอกาสรอคอยอยู่ที่นี่เป็นจำนวนมาก” ซือหม่าโยวหยางพูด

“เช่นนั้นพวกเราก็เข้าไปค้นหาในภูเขากันเถิด”

ทุกคนลงมาจากร่างของเจ้าวิหคน้อย สมาชิกตระกูลจำนวนหนึ่งซึ่งมาถึงที่นี่ก่อนเข้ามาสนทนาแลกเปลี่ยนกับพวกเขา

“เหตุใดพวกเจ้าจึงอยู่ด้านนอกกันหมด ไม่เข้าไปในภูเขาหรือ” ซือหม่าโยวหลินขมวดคิ้วถาม

“ในภูเขามีสัตว์อสูรเทพอยู่ไม่น้อย พวกเราไม่กล้าเข้าไปหรอก” สมาชิกตระกูลสายเกี่ยวดองคนหนึ่งพูด

“มีสัตว์อสูรเทพด้วย?!” ซือหม่าโยวเย่ว์สองตาเปล่งประกาย ก่อนจะลูบคางแล้วเอ่ยว่า “พวกเรารวบหัวรวบหางให้หมดในคราวเดียวเลยไม่ดีหรือ พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่ามีสัตว์อสูรเทพอยู่ทั้งหมดเท่าไหร่”

“มีเยอะพอตัวเลยล่ะ” สมาชิกตระกูลผู้นั้นพูด

“โอ้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราเก็บสัตว์อสูรเทพเหล่านั้นให้หมดก่อนแล้วค่อยไปแสวงหาโอกาสดีหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์มองซือหม่าโยวหลินพลางเอ่ยถาม

ถึงอย่างไรเธอก็มิได้มีสายโลหิตตระกูลซือหม่า มรดกตกทอดอะไรเหล่านั้นก็คงมิได้ตกเป็นของเธออยู่ดี มิสู้ช่วยให้คนของตระกูลซือหม่ายกระดับพลังยุทธ์ก่อน ก็คงทำให้จิ้งจอกเฒ่านั่นอับจนคำพูดแล้ว

ซือหม่าโยวหลินเป็นถึงอันดับหนึ่งของบรรดาคนรุ่นเยาว์ ย่อมต้องนึกถึงตระกูลก่อนอยู่แล้ว การยกระดับพลังยุทธ์ในภาพรวมนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง จึงเห็นด้วยกับข้อเสนอของซือหม่าโยวเย่ว์

เธอให้คนที่มาก่อนนำทาง คนทั้งกลุ่มกระจายกำลังกันไปกวาดต้อนสัตว์อสูรเทพ

คนเหล่านั้นได้ฟังแล้วพากันตัวสั่นสะท้านด้วยความตกใจกลัว แต่เห็นพวกซือหม่าโยวหยางเรียกสัตว์อสูรเทพของตนออกมา พวกเขาก็วางใจลงแล้วนำทางพวกเขาเข้าสู่ภูเขาไปเสาะหาสัตว์อสูรเทพ

สัตว์อสูรเทพห้าหกตัวกำลังบำเพ็ญอยู่ที่ริมทะเลสาบ พอเห็นว่ามีคนมา ในขณะที่กำลังจะขู่ตะคอกพวกมนุษย์กลับถูกฝูงสัตว์อสูรเทพโอบล้อมเสียแล้ว

“พวกเจ้าจะยอมสวามิภักดิ์เอง หรือว่าจะให้พวกเราลงมือจนพวกเจ้ายอมสวามิภักดิ์ดี” คนหนุ่มที่นำทางมาหยิ่งผยองเป็นอย่างยิ่ง

“เจ้ามันเป็นตัวอะไรกัน กล้าพูดจากับพวกเราเช่นนี้ด้วยหรือ!” สัตว์อสูรเทพที่นำขบวนเอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็น

“ลูกพี่ พวกนั้นดูเหมือนฝูงนกยักษ์บนทุ่งหญ้าเลย” สัตว์อสูรเทพด้านหลังตัวหนึ่งพูดขึ้น

“เป็นพวกมันจริงๆ ด้วย แล้วพวกมันมาอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างไรกัน”

“ข้าก็อยู่กับเจ้าที่นี่ แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า”

“ดูเหมือนพวกเขาจะถูกมนุษย์ทำพันธสัญญาแล้วน่ะสิ”

“ใช่จริงด้วย! เช่นนั้นพวกมันจะช่วยมนุษย์จัดการพวกเราอย่างนั้นหรือ”

“จะให้เวลาพวกเจ้าไตร่ตรองหนึ่งก้านธูปว่าจะยอมสวามิภักดิ์เอง หรือจะยอมโดนทำร้ายจนต้องสวามิภักดิ์” คนหนุ่มที่นำทางมาพูดขึ้นอีกครั้ง

สวามิภักดิ์ต่อมนุษย์ เรื่องนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

หลังจากเวลาหนึ่งก้านธูป คนหนุ่มที่นำทางมาก็โบกมือ ฝูงสัตว์อสูรเทพจึงโจมตีเข้าใส่พวกมันจนสัตว์อสูรเทพหลายตัวทรุดลงกองกับพื้น

ซือหม่าโยวเย่ว์เดินเข้าไปคุกเข่าลงข้างตัวสัตว์อสูรเทพที่นำขบวนแล้วเอ่ยว่า “พวกเจ้ายอมสวามิภักดิ์ได้แล้ว หากพวกเจ้ายืนยันจะสู้ สุดท้ายผลลัพธ์ก็เหมือนกันอยู่ดี! มาให้ข้าฝึกพวกเจ้าแต่โดยดีเถิด!”

พอพูดจบเธอก็ยื่นมือไปวางบนหน้าผากของสัตว์อสูรเทพตนนั้นแล้วเริ่มต้นฝึกมันให้เชื่อง

สมาชิกตระกูลของตระกูลซือหม่าเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ฝึกสัตว์อสูรเทพก็พากันตกใจจนปากอ้าตาค้าง ซือหม่าโยวหยางเห็นท่าทีของพวกเขาแล้วจึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ดูเหมือนว่าจะมิใช่แค่ตนเท่านั้นที่ตะลึงลานไป!

“ไปกันเถิด พวกเราอาศัยจังหวะนี้ไปจับสัตว์อสูรเทพกลับมารอให้สมาชิกตระกูลเหล่านั้นมาทำพันธสัญญากันดีกว่า” ซือหม่าโยวหลินพูด

“เจ้านาย ข้ารู้ว่าสัตว์อสูรเทพอยู่กันที่ไหน” นกแร้งขายสัตว์อสูรเทพหมดทั้งตระกูลออกมาอย่างไร้ยางอาย

พอฟังมันพูดจบ ทุกคนก็จนคำพูดไปเสียแล้ว ที่นี่มีสัตว์อสูรเทพมากมายถึงเพียงนี้เลยทีเดียว มิน่าเล่าทุกครั้งที่คนเข้ามาถึงได้ตายตกตามกันไปไม่น้อย

สัตว์อสูรเทพเกือบร้อยตัวเชียวนะ! พละกำลังเช่นนี้หากอยู่ที่เทือกเขาสั่วเฟยย่าก็คงได้เป็นขุมอำนาจแห่งหนึ่งไปแล้ว

“โชคดีที่สัตว์อสูรเทพจำนวนมากมิได้ออกมา มิฉะนั้นคนที่เข้ามาก่อนหน้านี้อาจชะตาขาดกันหมดแล้วก็เป็นได้” ซือหม่าโยวฉิงพูดอย่างหวาดหวั่น

ซือหม่าโยวหยางยิ้มยิงฟันแล้วเอ่ยว่า “เช่นนี้ก็ดีเลย คราวนี้พวกเราจับพวกมันมาทำพันธสัญญาให้หมดแล้วพาออกไป ถึงอย่างไรหากไม่ทำพันธสัญญา พวกมันก็มิอาจออกไปได้อยู่ดี คงได้แต่สิ้นเปลืองเวลาทั้งชีวิตอยู่ในดินแดนบรรพบุรุษอันเล็กจ้อยแห่งนี้ ไปกันเถิด ไปกวาดต้อนพวกมันกัน”

“ดีเลย!” สมาชิกตระกูลของตระกูลซือหม่าต่างมีชีวิตชีวากันขึ้นมา แล้วไปกวาดต้อนพวกมันพร้อมกันกับซือหม่าโยวหยาง

ระยะเวลาผ่านไปเกือบเดือน คนของตระกูลซือหม่ายังคงผ่านวันเวลาไปด้วยการกวาดต้อนสัตว์อสูรเทพ ดูซือหม่าโยวเย่ว์ฝึกพวกมันให้เชื่อง ทำพันธสัญญา และเลื่อนระดับกันอยู่

สำหรับพวกเขาแล้วนี่ดูเหมือนหนึ่งเดือนที่อยู่ท่ามกลางห้วงความฝัน การใช้ชีวิตเช่นนี้เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการเลยด้วยซ้ำ

ในที่สุดซือหม่าโยวเย่ว์ก็ฝึกสัตว์อสูรเทพไปทั้งหมดเก้าสิบตน บวกกับนกยักษ์แปดตนก่อนหน้านี้ ก็มีจำนวนทั้งสิ้นถึงเก้าสิบแปดตน

คนหนุ่มสาวทยอยกันเข้ามาคนแล้วคนเล่า เธอรับผิดชอบแค่การฝึกพวกมันให้เชื่องเท่านั้น ส่วนเรื่องการแบ่งสันก็ยกให้พวกคุณชายสายตรงอย่างซือหม่าโยวหลินเป็นคนจัดการ

หลังจากฝึกสัตว์อสูรเทพตนสุดท้ายให้เชื่องเรียบร้อยแล้ว ซือหม่าโยวเย่ว์ก็รู้สึกว่าตนจะเลื่อนระดับได้อีกครั้งแล้ว เมื่อนึกถึงว่าตั้งแต่ตนเข้ามาเพิ่งจะเลื่อนระดับไปแค่ขั้นเดียวเท่านั้น เธอกดพลังวิญญาณทั้งหมดเอาไว้ภายในร่างกาย มิได้บรรลุ

“พวกเจ้าที่ไม่ได้รับสัตว์อสูรเทพก็อย่าเพิ่งร้อนใจไป พวกเราอยู่ที่นี่ได้สัตว์อสูรเทพมามากมาย พอถึงเวลาออกไป เข้าไปในภูเขาแล้วจะจับสัตว์อสูรเทพกลับมาให้พวกเจ้า ให้โยวเย่ว์ฝึกให้เชื่องเรียบร้อยแล้วให้พวกเจ้าทำพันธสัญญา มิฉะนั้นก็จะได้แต่ทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรทิพย์ล่ะนะ” ซือหม่าโยวหยางพูดกับคนที่เหลือ

“คุณชาย พวกเราไม่ร้อนใจหรอกขอรับ พวกเราจะรอให้ออกไปแล้วค่อยจับสัตว์อสูรเทพ!” คนที่มิได้ทำพันธสัญญาสัตว์อสูรเทพเอ่ย

“เอาละ ยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือน ทุกคนไปไขว่คว้าหาโอกาสของพวกเจ้าเถิดนะ” ซือหม่าโยวหยางโบกมือ คนเหล่านั้นจึงแยกย้ายกันไป ถ้าหากทุกคนอยู่ด้วยกัน ต่อให้พบของดีก็คงไม่พอแบ่ง

ซือหม่าโยวเย่ว์มองพวกซือหม่าโยวหมิงแล้วเอ่ยว่า “พี่ๆ พวกท่านก็ไปด้วยสิ”

“ได้ แล้วพวกเราค่อยไปพบกันข้างนอกนะ” พวกซือหม่าโยวหมิงก็แยกตัวไปด้วยเช่นกัน

ซือหม่าโยวเย่ว์ยืนอยู่ริมทะเลสาบเพียงลำพัง เธอมองดูภูเขาใหญ่สามลูกที่ริมทะเลสาบ ซือหม่าโยวหลินบอกว่าภายในนั้นคือมรดกตกทอดของตระกูล ผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดเท่านั้นจึงจะเข้าไปได้ คนจำนวนไม่น้อยเมื่อครู่นี้ก็ได้เข้าไปในภูเขาสามลูกนั้นแล้ว

“สัญชาตญาณบอกว่าภายในนั้นมีของดีอยู่ น่าเสียดายนักที่เข้าไปไม่ได้”

ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ภูเขาลูกกลางกำลังร้องเรียกเธออยู่ เธอจึงอดที่จะเดินเข้าไปมิได้

…………………………………….

สลับชะตา ชายามือสังหาร

สลับชะตา ชายามือสังหาร

Status: Ongoing
เมื่อ ซือหม่าโยวเย่ว์ นักฆ่าสาวจากยุคปัจจุบันตายลง วิญญาณกลับมาเข้าร่างคุณชายห้าแห่งจวนแม่ทัพใหญ่ที่ถูกตราหน้าว่าเป็น ‘คนไร้ค่า’ ผู้ชมชอบไม้ป่าเดียวกัน! เพื่อบรรลุเป้าหมายที่เจ้าของร่างเดิมไหว้วานไว้นางจึงต้องกลายเป็นผู้แข็งแกร่งของโลกใบนี้ โลกที่ตัดสินกันด้วยพลังบำเพ็ญ! ถอนพิษในร่าง ฝึกวิชา แก้แค้นและตามหาบิดามารดาของร่างนี้ ในขณะที่นางมาถึงโลกนี้บางสิ่งที่หลับใหลในร่างของนางกลับ ‘ตื่นขึ้น’ พร้อมความฝันประหลาดที่เอ่ยถึงชื่อ ซีเหมินโยวเย่ว์ ความรู้สึกนั้นช่างสมจริงจนยากจะเชื่อว่าเป็นเพียงความฝันจนนางเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่า สิ่งที่ตนเห็นนั้นเป็นเพียงอดีตหรือความทรงจำที่ถูกปิดผนึกเอาไว้กันแน่…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท