สลับชะตา ชายามือสังหาร – ตอนที่ 253 สายโลหิตเดียวกัน

สลับชะตา ชายามือสังหาร

ซือหม่าโยวเย่ว์มาถึงตรงหน้าภูเขา ภูเขาลูกนี้เล็กกว่าภูเขาอีกสองลูกที่เหลืออยู่เล็กน้อย สมาชิกตระกูลทั้งหลายก่อนหน้านี้เลือกภูเขาสองลูกด้านข้างกันเป็นจำนวนมาก มีเพียงแค่พวกซือหม่าโยวหลินไม่กี่คนเท่านั้นที่เลือกเข้าไปในภูเขาลูกนี้

บริเวณตีนเขามีก้อนหินใหญ่อยู่ก้อนหนึ่ง บนนั้นมีร่องประทับฝ่ามืออยู่ ส่วนบริเวณด้านหน้าก้อนหินมีรอยเท้าอันยุ่งเหยิงสับสน เห็นได้ชัดว่าถูกคนที่เข้าไปเมื่อครู่เหยียบนั่นเอง

ซือหม่าโยวเย่ว์เดินวนด้านหน้าภูเขารอบหนึ่ง ก็ยังไม่เห็นว่าที่นี่มีบริเวณไหนที่เข้าไปได้เลย

“หรือว่าจะมีเพียงแค่ผู้สืบสายโลหิตเท่านั้นที่จะเข้าไปได้จริงๆ”

เธอมายังเบื้องหน้าก้อนหินแล้วจ้องมองมันอยู่เนิ่นนานก็ยังคงมองไม่เห็นต้นสายปลายเหตุ

“ของแค่นี้ก็แยกแยะสายโลหิตได้ด้วยหรือ” เธอพึมพำ แต่ก็ยังคงวางฝ่ามือลงไปบนนั้น “ไม่แน่ว่าของสิ่งนี้อาจจะไม่แม่นยำ คนนอกอาจจะยังเข้าไปได้ก็เป็นได้นะ! ไอ้หยา…”

ซือหม่าโยวเย่ว์รู้สึกว่าฝ่ามือคล้ายจะถูกอะไรทิ่มเข้า เมื่อครู่เธอเห็นว่าในร่องนั้นเรียบสนิทอยู่ชัดๆ ไม่มีอะไรเลย แล้วสิ่งใดกันที่มาทิ่มมือเธอ

เธอยกขึ้นมาก็เห็นว่าบนฝ่ามือมีรูเล็กๆ อยู่รูหนึ่ง หยดเลือดของตนซึมเข้าไปในร่องนั้น

“ของชิ้นนี้ช่างประหลาดจริงๆ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเลือดของตนค่อยๆ ซึมเข้าไปในก้อนหินอย่างช้าๆ ด้วยความสงสัย

ทันใดนั้นลำแสงสีขาวสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากในร่องนั้น ทิ่มแทงสายตาเป็นอย่างยิ่งจนเธอต้องหลับตาตามสัญชาตญาณ แล้วยื่นมือออกไปบังไว้ด้านหน้า

“โยวเย่ว์”

ซือหม่าโยวเย่ว์ได้ยินเสียงซือหม่าโยวหยางจึงลืมตาขึ้น ก็เห็นว่าตนเองอยู่ภายในถ้ำแห่งหนึ่งแล้ว พวกเขาสี่คน ทั้งซือหม่าโยวหลิน ซือหม่าโยวหยาง ซือหม่าโยวหลาน และซือหม่าโยวฉิงต่างมองเธออย่างสงสัย

“เฮ้… พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่กันได้อย่างไรน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม

“พวกเราต่างหากที่ต้องถามเจ้า ว่าเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร” ซือหม่าโยวหยางถามกลับ

“อ้อ… ข้าก็แค่ลูบบนร่องนั้นทีหนึ่ง หลังจากนั้นลำแสงสีขาวนั่นก็เลยพาข้ามาจนถึงที่นี่กระมัง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

“ในตัวเจ้ามีสายโลหิตตระกูลซือหม่าอย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวฉิงพูดอย่างประหลาดใจ

ซือหม่าโยวเย่ว์เกาศีรษะพลางเอ่ยว่า “คงไม่หรอกกระมัง ท่านปู่บอกว่าท่านพ่อส่งข้ามาให้เขาเลี้ยงถึงมือ แล้วจะมีสายโลหิตตระกูลซือหม่าได้อย่างไรเล่า”

“เช่นนั้นเจ้าเข้ามาได้อย่างไรกัน” ซือหม่าโยวฉิงไม่เชื่อแล้วเอ่ยว่า “ของสิ่งนั้นมีเพียงแค่สายโลหิตตระกูลซือหม่าเท่านั้นที่จะเปิดได้”

“ไม่แน่ว่ามันอาจจะพังแล้วก็ได้นะ! ก้อนหินก้อนเดียวจะไปแยกแยะได้อย่างไรกันว่าใช่หรือไม่ใช่” ซือหม่าโยวเย่ว์หาคำอธิบายได้เพียงแค่นี้เท่านั้น

“ก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนแซ่อื่นเข้ามา แต่ไม่อาจเข้ามาในภูเขาใหญ่สามลูกได้” ซือหม่าโยวหลินพูด ซึ่งหมายความว่าเรื่องนี้มิใช่เพราะก้อนหินเป็นเหตุ

ซือหม่าโยวหยางมองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วเอ่ยว่า “หรือว่าเจ้าจะเป็นคนของตระกูลซือหม่าเราจริงๆ ”

“ท่านปู่ไม่มีทางหลอกข้าหรอก นอกจากนี้ท่านอาจารย์ของข้ายังบอกด้วยว่าบิดามารดาข้าล้วนมิใช่คนในดินแดนแห่งนี้” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดด้วยความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง

“มิใช่คนของตระกูลซือหม่า…” ซือหม่าโยวหลินเน้นย้ำคำนี้แล้วนึกขึ้นมาได้อย่างฉับพลันว่าตอนที่ดูลำดับวงศ์ตระกูล เคยได้ยินซือหม่าหลินพูดว่าตระกูลซือหม่าดูเหมือนจะมาจากโลกเบื้องบน

เขามองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วเอ่ยว่า “หรือว่าจะเป็นเช่นนี้จริงๆ”

“เป็นเช่นนี้อะไรหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม

“บางทีเจ้าอาจจะมาจากตระกูลซือหม่าของโลกเบื้องบน และบรรพบุรุษรุ่นก่อนของพวกเราก็ลงมาจากโลกเบื้องบนเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้สายโลหิตของเจ้าจึงได้รับการยอมรับจากหินศักดิ์สิทธิ์” ซือหม่าโยวหลินเอ่ยการคาดเดาของตัวเองออกมา

“เออ… คงจะไม่บังเอิญเช่นนี้หรอกกระมัง” ซือหม่าโยวเย่ว์มองซือหม่าโยวหลินอย่างประหลาดใจ หรือว่าบิดาของตนก็ใช้แซ่ซือหม่าเช่นเดียวกัน?

“พวกเราเคยมาจากโลกเบื้องบน…” ซือหม่าโยวหยางพูดอย่างเลื่อนลอย “ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเช่นนี้จริงๆ ก็ได้นะ!”

“ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ โยวเย่ว์ก็เข้ามาแล้ว พวกเรามาเลือกประตูกันดีกว่านะ” ซือหม่าโยวหลานพูด

“เลือกประตูหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองดูประตูถ้ำแล้วก็ค้นพบว่าถ้ำขนาดเท่าสนามฟุตบอลนี้มีประตูรูปร่างลำแสงสีขาวอยู่เป็นจำนวนมาก ลำแสงสีขาวบดบังสายตาและพลังจิตของพวกเขา ทำให้พวกเขามิอาจมองเห็นได้ชัดเจนว่าภายในมีสิ่งใดอยู่

“ด้านหลังประตูนี้ก็คือโอกาส ก่อนหน้านี้มีสัตว์อสูรเทพอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงมีผู้คนน้อยนักที่เข้ามาภายในนี้ได้ โยวเย่ว์ เจ้าเลือกเข้าไปในประตูสักบานสิ”

“พวกเจ้าเข้าไปกันก่อนเถิด ข้าต้องศึกษาก่อนสักหน่อยว่าจะเข้าไปในประตูบานไหนดี” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

ความจริงแล้วเธอรู้สึกว่าที่นี่คล้ายจะมีสิ่งใดกำลังดึงดูดตนอยู่ แต่มีคนมากเกินไป เธอจึงมิอาจเข้าไปใกล้กว่านี้เพื่อรับสัมผัสได้

เดิมทีพวกซือหม่าโยวหลินได้เลือกกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในทางเดินที่แต่ละคนเลือกกันเอาไว้แล้ว

ตอนนี้ภายในถ้ำเหลือเธออยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น เธอไปหยุดอยู่ตรงหน้าประตูทุกบานแล้วหลับตาลงรับสัมผัส หลังจากที่เธอผ่านประตูไปสิบกว่าบานแล้ว ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกประตูบานที่ตนจะเข้าไปได้

“ไม่รู้ว่าภายในนั้นเป็นเช่นไร เข้าไปดูก็คงรู้เองแหละ”

พอพูดจบเธอก็เดินเข้าไปในลำแสงสีขาว เงาร่างเลือนหายไปท่ามกลางลำแสงสีขาว

ผิดไปจากที่คาดเอาไว้ ด้านหลังของประตูไม่มีสิ่งใดอยู่เลย มีเพียงแค่ทางเดินยาวเหยียดเส้นหนึ่งเท่านั้น เธอเดินมุ่งหน้าตรงไปตามทางเดิน เพียงไม่นานก็มาถึงภายในห้องศิลาแห่งหนึ่ง กำแพงห้องศิลามีจานหมุนห้าสีอันหนึ่งฝังอยู่ นอกนั้นก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอยู่อีกแล้ว

“จานหมุนนี้คือมรดกตกทอดอย่างนั้นหรือ”

ซือหม่าโยวเย่ว์มองดูรอบหนึ่ง ก็ไม่เห็นว่ามีสิ่งใดน่าสงสัยอีก จึงมาที่จานหมุนอีกครั้งก่อนจะเริ่มสำรวจมัน

“จานหมุนนี้มีประโยชน์อะไรกัน”

เธอยื่นมือไปหมุนจานหมุน แต่กลับพบว่ามันไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว

“ไม่ขยับเลย แย่แล้วสิ! สีสันทั้งห้าสีนี้ก็คือสีเดียวกันกับสีของปราณวิญญาณทั้งห้า หรือว่าจะต้องใส่ปราณวิญญาณเข้าไปจึงจะใช้ได้”

เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ เธอจึงใส่ปราณวิญญาณธาตุไฟเข้าไปในส่วนสีแดงก่อน พอปราณวิญญาณเข้าไปภายในจานหมุนแล้ว ส่วนสีแดงนั้นก็สว่างวาบขึ้นมา

“น่าจะเป็นแบบนี้แหละนะ”

จากนั้นซือหม่าโยวเย่ว์ก็โคจรปราณวิญญาณชนิดอื่นๆ อีกสี่ชนิด ทำให้ส่วนอื่นๆ สว่างขึ้นมาด้วยเช่นกัน

“กริ๊ก…”

หลังจากที่ทุกสีสว่างขึ้นมาแล้ว จานหมุนห้าสีจึงเริ่มหมุนโดยหมุนตามเข็มนาฬิกาสามรอบ หมุนทวนเข็มนาฬิกาสามรอบ หลังจากนั้นจานหมุนก็แยกตัวออกเป็นสองครึ่งก่อนจะถอยหลังออกไปทั้งสองข้าง เผยให้เห็นหลุมบนกำแพง ซึ่งภายในหลุมนั้นมีหีบวางอยู่ใบหนึ่ง

“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง จานหมุนห้าสีนั้นเป็นตัวแทนของปราณวิญญาณห้าชนิด แต่ละครั้งจะมีคนเข้ามาภายในประตูนี้ได้แค่คนเดียว และการที่จะกระตุ้นจานหมุนนี้ได้นั้น จำเป็นต้องใส่ปราณวิญญาณเข้าไปในครั้งเดียว ดังนั้นจึงไม่เคยมีใครได้สิ่งของภายในนี้ไปครอบครองมาก่อนเลย ไม่รู้ว่าข้างในนี้มีอะไรอยู่”

เธอเข้าไปหยิบหีบลงมาแล้วเปิดฝาหีบออก ไอสังหารมวลหนึ่งเข้ามาปะทะใบหน้า

“พรึ่บ…”

ในขณะที่เธอเปิดฝาหีบก็สัมผัสได้ถึงอันตราย ศีรษะเบี่ยงหลบไปทางซ้ายโดยสัญชาตญาณ ไอสังหารเฉียดผ่านแก้มขวาของเธอไปแล้วกระแทกเข้ากับกำแพงด้านหลังเสียงดังปังจนเป็นรูขนาดใหญ่

ซือหม่าโยวเย่ว์หันกลับไปมองรูนั้นแล้วรู้สึกโชคดีอยู่ในใจที่ตนหลบได้เร็วพอ มิฉะนั้นลำคอก็คงได้แยกจากศีรษะแน่แล้ว

“ที่แท้แล้วนี่คือสิ่งใดกันแน่ ถูกฝุ่นกลบอยู่ที่นี่มาพันปีแล้วยังมีปณิธานการต่อสู้อันแรงกล้าถึงเพียงนี้อยู่อีก”

เธอเปิดหีบอย่างระมัดระวังแล้วจึงเห็นว่าด้านในมีด้ามกระบี่หักพังอยู่อันหนึ่ง ด้านหน้าของด้ามกระบี่มีตัวกระบี่ติดอยู่เพียงแค่สามนิ้วเท่านั้น เป็นอาวุธหักพังด้ามหนึ่ง และอาวุธนั้นยังปลดปล่อยไอสังหารอันแรงกล้าออกมาอีกด้วย

ด้านล่างของอาวุธนั้นยังมีตำราบางๆ วางอยู่อีกเล่มหนึ่งด้วย

“ไอสังหารเมื่อครู่นี้ออกมาจากกระบี่พังๆ เล่มนี้หรือ นี่คืออาวุธของใครกันนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์ยื่นมือไปหยิบกระบี่หัก ยามที่กุมด้ามเอาไว้กลับรู้สึกได้เพียงแค่ความหนาวเหน็บเสียดแทงกระดูกเท่านั้น

“ถ้าหากมิใช่เพราะความเกี่ยวโยงจากการทำพันธสัญญากับข้า ป่านนี้เจ้าคงกลายเป็นเถ้าถ่านกองหนึ่งไปแล้วล่ะ” เสียงของหมัวซาดังขึ้นแล้วเงาร่างของเขาก็ออกจากสร้อยข้อมือมาอยู่ข้างหีบ

……………………………………

สลับชะตา ชายามือสังหาร

สลับชะตา ชายามือสังหาร

Status: Ongoing
เมื่อ ซือหม่าโยวเย่ว์ นักฆ่าสาวจากยุคปัจจุบันตายลง วิญญาณกลับมาเข้าร่างคุณชายห้าแห่งจวนแม่ทัพใหญ่ที่ถูกตราหน้าว่าเป็น ‘คนไร้ค่า’ ผู้ชมชอบไม้ป่าเดียวกัน! เพื่อบรรลุเป้าหมายที่เจ้าของร่างเดิมไหว้วานไว้นางจึงต้องกลายเป็นผู้แข็งแกร่งของโลกใบนี้ โลกที่ตัดสินกันด้วยพลังบำเพ็ญ! ถอนพิษในร่าง ฝึกวิชา แก้แค้นและตามหาบิดามารดาของร่างนี้ ในขณะที่นางมาถึงโลกนี้บางสิ่งที่หลับใหลในร่างของนางกลับ ‘ตื่นขึ้น’ พร้อมความฝันประหลาดที่เอ่ยถึงชื่อ ซีเหมินโยวเย่ว์ ความรู้สึกนั้นช่างสมจริงจนยากจะเชื่อว่าเป็นเพียงความฝันจนนางเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่า สิ่งที่ตนเห็นนั้นเป็นเพียงอดีตหรือความทรงจำที่ถูกปิดผนึกเอาไว้กันแน่…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท