พวกซือหม่าโยวหมิงจนคำพูด
เห็นชัดๆ ว่าเจ้าไก่ฟ้าไปดูแลไข่ที่สหายทิ้งเอาไว้ฟองนั้น พอถูกเธอเรียกว่าไปดูแลภรรยา ถ้าหากเขาได้ยินเข้า ไม่รู้ว่าจะมีปฏิกิริยาเช่นไร
“เอาละท่านปู่ พี่ๆ ข้าไปก่อนละนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์โบกมือร่ำลาพวกเขาแล้วออกจากเรือนไป
เธอไปที่เรือนหลัก ซึ่งซือหม่าไท่กำลังว่างอยู่พอดี
“เจ้าจะไปจากที่นี่หรือ” ไม่รอให้เธอเอ่ยปาก ซือหม่าไท่ก็เอ่ยถามขึ้นก่อนแล้ว
ซือหม่าโยวเย่ว์กะพริบตาแล้วถามว่า “ท่านทราบได้อย่างไรกัน”
ซือหม่าไท่หัวเราะ “เจ้าเด็กที่อยู่กับเจ้าผู้นั้นน่าจะเป็นองค์รัชทายาทองค์ก่อนของอาณาจักรทักษิณายาตร ตอนนี้มีเสียงลมแว่วมาจากอาณาจักรทักษิณายาตร เจ้าก็ต้องรีบวิ่งไปดูความคึกคักอยู่แล้วสิ”
ซือหม่าโยวเย่ว์คิดไม่ถึงว่าซือหม่าไท่จะรู้เรื่องนี้ด้วย จึงเอ่ยว่า “จิ้งจอกเฒ่าก็คือจิ้งจอกเฒ่าอยู่วันยังค่ำ อะไรก็แอบซ่อนจากท่านมิได้เลย ในเมื่อท่านรู้แล้ว ข้าก็คงไม่ต้องพูดอะไรมากแล้วสินะ”
“ระวังความปลอดภัยด้วยล่ะ แล้วไปเข้าร่วมงานประลองให้ตรงเวลาด้วย” ซือหม่าไท่พูด
“ข้ารู้น่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ข้าไปหาฉงหมิงก่อนนะ”
“ไปเถิด” ซือหม่าไท่โบกไม้โบกมือ
หลังจากที่ซือหม่าโยวเย่ว์ออกมาแล้วก็ไปยังภูเขาแห่งหนึ่งนอกเมืองอันหยาง มายังด้านหน้าถ้ำแห่งหนึ่งแล้วเรียกตัวเจ้าคำรามน้อยออกมาทำการผสานร่าง จากนั้นจึงเดินอาดๆ เข้าไปในถ้ำ
ฉงหมิงที่อยู่ในถ้ำรู้สึกว่ามีคนเข้ามา จึงลืมตาขึ้นมองมายังด้านนอกแล้วหลับตาลงอีกครั้งในทันใด
บนก้อนหินก้อนหนึ่งด้านหน้าเธอ ไข่ที่เต็มไปด้วยลวดลายฟองหนึ่งวางอยู่อย่างเงียบสงบ หากมองดูอย่างละเอียดก็จะเห็นว่าภายในลวดลายเหล่านั้นมีเส้นสายสีทองมากมายขดไปมาอยู่
ซือหม่าโยวเย่ว์เดินเข้ามาพร้อมกับกัดผลไม้ทิพย์ เมื่อเห็นเจ้าไก่ฟ้าจึงเอ่ยว่า “ฉงหมิง ข้ามาเยี่ยมภรรยาของเจ้าแล้ว”
ฉงหมิงขี้เกียจแม้แต่จะลืมตา ทั้งยังไม่สนใจเธอด้วย
ตั้งแต่ตอนที่เธอรู้ว่าภายในไข่ฟองนี้คือไก่เพศเมียตัวหนึ่งแล้วก็เรียกว่าเป็นภรรยาของเขามาโดยตลอด จนตอนนี้เขาชินชาเสียแล้ว
ซือหม่าโยวเย่ว์คาบผลไม้ทิพย์เอาไว้พลางเดินรอบไข่สองรอบ หลังจากนั้นจึงหยิบสมุนไพรออกมาสองชนิด รวมทั้งผลอสรพิษทองคำเสี้ยวเล็กๆ เธอเสกเปลวเพลิงออกมาแล้วโยนเครื่องยาเข้าไปทำการกลั่นในกองเพลิง
ตอนนี้เธอใช้เปลวเพลิงในการกลั่นโดยตรงได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้เตาหลอมยาทุกครั้งเสมอไป
หลังจากกลั่นสกัดเรียบร้อยแล้ว เธอก็เก็บเปลวเพลิงกลับลงไป สารสำคัญหยดลงไปที่ด้านบนของเปลือกไข่แล้วถูกดูดซับเข้าไปจนหมดอย่างรวดเร็ว
ฉงหมิงลืมตาขึ้นตั้งแต่ตอนที่เธอกลั่นเครื่องยาแล้ว เมื่อเห็นเธอคาบผลไม้ทิพย์ไปพร้อมกับกลั่นเครื่องยาหายากหลายชนิดเหล่านั้นก็อดเบ้ปากมิได้
ซือหม่าโยวเย่ว์หยิบผลไม้ทิพย์ออกมาแล้วกัดคำหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “ฉงหมิง ตลอดหนึ่งปีมานี้ภรรยาผู้นี้ของเจ้ากินของดีของข้าไปไม่น้อยเลยนะ เมื่อไหร่มันจะฟักออกมาเสียทีเล่า”
“พอถึงเวลาที่ควรออกมาก็คงฟักออกมาเองนั่นแหละ” ฉงหมิงพูด “วันนี้เจ้ามาทำอะไรหรือ”
“มีธุระมาพบเจ้าน่ะสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
เธอเล่าเรื่องโอวหยางเฟยให้เขาฟัง หลังจากนั้นก็บอกว่าอยากชวนเขาไปยังอาณาจักรทักษิณายาตรด้วยกัน เช่นนั้นก็คงปลอดภัยขึ้นหน่อย
หลังจากเจ้าไก่ฟ้าได้ฟังแล้วก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “ออกเดินทางวันมะรืนแล้วกัน”
“เพราะอะไรหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม ทันใดนั้นก็เบิกตาโตมองดูไข่นั้นแล้วเอ่ยว่า “คงมิใช่ว่าเมียของเจ้าจะลืมตาดูโลกแล้วหรอกนะ”
เจ้าไก่ฟ้าเหลือบตามองเธอปราดหนึ่งก่อนจะหลับตาลง ไม่สนใจเธออีกต่อไป
ซือหม่าโยวเย่ว์เองก็ไม่สนใจเช่นกัน เธอคลายการผสานร่างกับเจ้าคำรามน้อย แล้วจ้องมองไข่ด้วยกันกับเจ้าคำรามน้อย
“เย่ว์เย่ว์ ไม่แน่ว่าเจ้าให้มันกินอะไรอีกสักหน่อยแล้วมันอาจจะออกมาก็ได้นะ” เจ้าคำรามน้อยพูด
“แต่เมื่อครู่ก็เพิ่งจะให้ของดีมันไปไม่น้อยเลยนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เจ้าลองเอาน้ำผึ้งให้มันกินดูสักหน่อยไม่ดีหรือ” เจ้าคำรามน้อยพูด
“ย่อมได้อยู่แล้ว ถึงอย่างไรเดี๋ยวก็มีใหม่อีกอยู่ดี” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าพลางหยิบน้ำผึ้งขึ้นมาขวดหนึ่ง เธอใช้น้ำผสมเข้าไป หลังจากนั้นจึงเทลงบนไข่ทีละเล็กละน้อย
เจ้าไก่ฟ้าปล่อยให้พวกเธอทำไป ถึงอย่างไรสิ่งเหล่านั้นที่พวกเธอทำก็เป็นผลดีกับไข่ แต่เขาก็ไม่คิดว่าพวกเธอจะทำให้ลูกไก่ฟักตัวออกมาก่อนเวลาได้
ผ่านไปครึ่งวัน ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงแคร่กๆ เสียงนั้นอ่อนอย่างยิ่ง แต่ก็มิอาจเล็ดลอดจากโสตประสาทของเขาไปได้
“ไอ้หยา ฟักออกมาแล้ว ฟักออกมาแล้ว!” ซือหม่าโยวเย่ว์กอดเจ้าคำรามน้อยพลางตะโกนเสียงดังลั่นอยู่หน้าไข่
“จริงด้วย เย่ว์เย่ว์ เจ้าว่ามันออกมาแล้วจะรู้จักพวกเราหรือไม่” เจ้าคำรามน้อยพูด
“น่าจะรู้จักกระมัง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างไม่แน่ใจ “มีคำกล่าวที่ว่า สายสัมพันธ์ลูกไก่แรกเกิด มิใช่หรือ”
“อ้อ ไม่แน่ว่าอาจจะรู้จักพวกเราจริงๆ ก็ได้นะ” เจ้าคำรามน้อยพูด
“แคร่ก…”
รอยแตกบนเปลือกไข่ขยายใหญ่ขึ้น แม้กระทั่งเจ้าไก่ฟ้าก็เข้ามาร่วมด้วย ทั้งสามจ้องไข่ฟองนั้นเขม็ง
“แคร่กๆ…”
หลังจากเปลือกไข่ร้าวเป็นรอยแล้วก็กะเทาะออกอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็เห็นหัวลูกไก่มุดออกมาจากรอยแตก มันมองดูซือหม่าโยวเย่ว์และเจ้าไก่ฟ้าแล้วเอ่ยคำพูดที่ทำให้ทั้งสองตกใจราวกับสายฟ้าฟาด
มันพูดว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่…”
“ฮ่าๆๆ…” เจ้าคำรามน้อยกุมท้องตนเองพลางหัวเราะฮ่าๆ เสียงดังลั่น พลางชี้ซือหม่าโยวเย่ว์แล้วเอ่ยว่า “เย่ว์เย่ว์ เจ้ากลายเป็นแม่แล้วสินะ ฮ่าๆๆ!”
ซือหม่าโยวเย่ว์ใช้สองมือบีบตัวเจ้าคำรามน้อยเอาไว้ ไม่ให้มันพูดเยาะเย้ยตน
“แม่จ๋า… ท่านแม่…” นกน้อยมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างสงสัย หลังจากนั้นก็เรียนรู้คำศัพท์นี้อย่างรวดเร็ว มันมองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วพูดว่า “แม่จ๋า แม่จ๋า”
ซือหม่าโยวเย่ว์เอ่ยด้วยสีหน้าดำทะมึนว่า “ข้าไม่ใช่แม่เจ้า ข้าไม่ใช่นกยักษ์เสียหน่อย!”
แต่นกน้อยไม่สนใจ มันเอียงหัววางบนเปลือกไข่ ดวงตากลมโตจ้องมองซือหม่าโยวเย่ว์พลางตะโกนเรียกว่าแม่
เจ้าคำรามน้อยขำจนทนไม่ไหว มันชี้เจ้าไก่ฟ้าพลางถามว่า “แล้วนี่ใคร”
“ท่านพ่อ” เจ้านกน้อยตอบ
“พรืด… นี่คือการจับคู่พวกเจ้าทั้งสองอย่างนั้นหรือ” เจ้าคำรามน้อยหัวเราะจนลงไปนอนกองบนแผ่นหินแล้ว
ซือหม่าโยวเย่ว์ยื่นมือไปเขกหัวเจ้านกน้อยพลางเอ่ยว่า “เขาเป็นสามีเจ้า เจ้าเป็นภรรยาของเขา เข้าใจหรือไม่”
นกน้อยมองเจ้าไก่ฟ้าอย่างสงสัย จากนั้นจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “สามีจ๋า สามีจ๋า”
“เช่นนี้สิถึงจะถูกต้อง” ซือหม่าโยวเย่ว์หัวเราะ แต่ทันใดนั้นก็ถูกคำพูดต่อมาของเจ้านกน้อยทำเอาตกใจเหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่
“สามีจ๋า แม่จ๋า”
“ฮ่าๆๆ…” เจ้าคำรามน้อยขำจนมิอาจหายใจได้ทั่วท้อง เจ้านกน้อยนี่น่ารักเกินไปแล้ว
คราวนี้แม้กระทั่งเจ้าไก่ฟ้าก็อยู่ไม่สุขแล้ว เขาเป็นสามี ส่วนเธอเป็นแม่ เช่นนั้นเธอก็มิได้เป็นแม่ยายของเขาเสียแล้วหรือ
“สายรุ้ง ข้าเป็นอา เป็นสหายของบิดาเจ้า” เจ้าไก่ฟ้ายื่นมือไปแตะหัวเจ้านกน้อย ช่วยมันรับสิ่งสืบทอดในห้วงสมองของมัน
แววตาของนกน้อยเปลี่ยนจากทึ่มทื่อเป็นใสกระจ่าง ล่วงรู้สายพันธุ์ของตนเองจากในสิ่งสืบทอด ทั้งยังเข้าใจความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์ด้วย
“ท่านอา ขอบคุณท่านมากที่ช่วยข้า” มันมองเจ้าไก่ฟ้าอย่างซาบซึ้ง หลังจากนั้นมันก็มองซือหม่าโยวเย่ว์แล้วส่งเสียงเรียกว่า “แม่จ๋า”
“เจ้ารู้แล้วมิใช่หรือว่าข้าไม่ใช่แม่เจ้าน่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“แต่ข้าชอบท่านนี่นา ข้าจดจำกลิ่นของท่านได้ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในไข่แล้ว ท่านให้ข้ากินของอร่อยอยู่บ่อยๆ เลยนี่นา!” นกน้อยพูด
“เจ้าเรียกข้าว่าพี่สาวก็ได้” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด จากนั้นจึงเอ่ยต่อว่า “ไม่ได้สิ เจ้าเรียกเจ้าไก่ฟ้าว่าท่านอา เรียกข้าว่าพี่สาว เขาก็โตกว่าข้ารุ่นหนึ่งน่ะสิ เจ้าเรียกเขาว่าพี่ชายก็พอแล้วล่ะ”
เจ้าไก่ฟ้าสีหน้าดำทะมึนแล้วเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ข้าเป็นรุ่นเดียวกันกับบิดาของนาง อายุมากกว่าเจ้าเป็นพันปี”
“ปีศาจชรา!” ซือหม่าโยวเย่ว์กระซิบเสียงเบา
ในที่สุดสายรุ้ง หรือก็คือเจ้านกน้อยก็ตัดสินใจเลือกเขาเรียกหาพวกเขา ว่าพี่สาวและท่านอา
ซือหม่าโยวเย่ว์มองดูสายรุ้งกินเปลือกไข่ของตัวเองแล้วพลันนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “สัตว์อสูรวิเศษต้องไปถึงระดับสัตว์อสูรทิพย์ก่อนจึงจะพูดได้มิใช่หรือ มันเกิดมาก็เป็นสัตว์อสูรทิพย์เลยหรือนี่!”
…………………………………..