“ท่านอากุ้ย ท่านวางใจเถิด ข้าไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามหรอก” โอวหยางเฟยพูด “ข้ามิใช่เด็กน้อยในตอนนั้นอีกต่อไปแล้วนะ ในเมื่อมาแล้ว ข้าย่อมต้องช่วยพวกท่านแม่ออกมาให้จงได้”
“ฝ่าบาทเติบใหญ่แล้ว” ท่านอากุ้ยพูดพลางเช็ดน้ำตา
“ท่านเล่าสถานการณ์ของเมืองหลวงในตอนนี้ให้พวกเราฟังสักหน่อยสิ มีใครที่ไปเข้าพวกกับโอวหยางตงแล้วบ้าง” โอวหยางเฟยพูด “ในเมื่อคนเหล่านั้นกล้าทรยศหักหลังข้า เช่นนั้นก็กำจัดไปพร้อมกันเลย”
ท่านอากุ้ยเห็นโอวหยางเฟยพูดเช่นนี้ก็ตกใจในตอนแรก จากนั้นจึงรู้สึกยินดี เขารู้ดีว่าตลอดมาโอวหยางเฟยไม่มีทางพูดจาใหญ่โตไปเรื่อยเปื่อย ในเมื่อพูดเช่นนี้แล้วต้องทำได้อย่างแน่นอน
ตลอดทั้งคืน ท่านอากุ้ยได้เล่าสถานการณ์ปัจจุบันของเมืองหลวงให้พวกเขาฟัง ขุมอำนาจไหนเป็นพวกเดียวกันกับตระกูลหลี่ ขุมอำนาจไหนใกล้ชิดกับตระกูลซาง ขุมอำนาจไหนเป็นกลาง ขุมอำนาจไหนมีคนมากน้อยเพียงใด มีจ้าววิญญาณและราชันวิญญาณอยู่กี่คน เขาล้วนรู้อย่างชัดเจนทั้งสิ้น
แน่นอนว่าจากคำพูดของเขา ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่อยู่ในที่แจ้งทั้งสิ้น แต่ยังมีซ่อนเร้นอยู่อีกเท่าไหร่นั้นก็ไม่มีทางล่วงรู้ได้เลย
เว่ยจือฉีเห็นเขาบอกเรื่องของขุมอำนาจเหล่านี้ได้อย่างกระจ่างชัดเจนราวกับนับทรัพย์สมบัติในบ้าน จึงถามว่าเพราะเหตุใดจึงรู้ได้อย่างละเอียดชัดเจนเช่นนี้
“ข้าเชื่ออยู่ตลอดว่าฝ่าบาทต้องทรงกลับมา ดังนั้นจึงได้ใส่ใจในเรื่องราวของเมืองหลวงมาโดยตลอด” ท่านอากุ้ยพูด “ถึงแม้ว่าหลายปีนี้จะดูเหมือนข้าไม่แยแสอะไร แต่ความจริงแล้วข้าให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา”
“ท่านอากุ้ย ลำบากท่านแล้ว” โอวหยางเฟยพูดอย่างซาบซึ้ง
“ฝ่าบาทตรัสเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ได้ฟังท่านอากุ้ยพูดเช่นนี้ อิทธิพลของโอวหยางตงผู้นี้ก็ยิ่งใหญ่พอตัวเลยนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
คนในห้องกลอกตาใส่เธอทีหนึ่ง นี่มิใช่คำพูดไร้สาระหรอกหรือ อิทธิพลของจักรพรรดิองค์ใดไม่ยิ่งใหญ่บ้างเล่า
“จ้องมองข้าเช่นนี้กันหมดทำไมเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ข้ายังพูดไม่จบเลยนะ”
“เจ้าว่ามาสิ”
ซือหม่าโยวเย่ว์หัวเราะหึๆ แล้วเอ่ยต่อไปว่า “ข้าจะบอกว่าอีกฝ่ายมีอิทธิพลยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น พวกเรามีกันแค่นี้ ก็ไม่แน่ว่าจะกระชากเขาลงมาจากบัลลังก์มังกรได้หรอกนะ พวกเราจำเป็นต้องรวบรวมกำลังทางนี้ด้วย”
“แต่จะทำให้ขุมอำนาจมากมายเช่นนั้นมาร่วมมือกันภายในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า” เจ้าอ้วนชวีถาม
“อันที่จริงแล้วถ้าหากใต้เท้าซางอยู่ด้วย ย่อมต้องจัดการเรื่องนี้ได้แน่” ท่านอากุ้ยพูด “ตามปกติแล้วขุมอำนาจเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังเขาทั้งสิ้น เพียงแต่ตอนนี้เขาถูกคุมตัวเอาไว้ในพระราชวังหลวง มิอาจออกมาได้เท่านั้น”
“เช่นนั้นพวกเราช่วยเขาออกมาก็ใช้ได้แล้วใช่หรือไม่!” เจ้าอ้วนชวีพูด
“ไม่ได้ ถ้าหากเมื่อใดที่ใต้เท้าซางออกมา โอวหยางตงก็จะระมัดระวังตัว พอถึงตอนนั้นย่อมต้องเป็นอุปสรรคต่อการใหญ่อย่างแน่นอน” ท่านอากุ้ยพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์คิดไปคิดมาแล้วเอ่ยว่า “ถ้าหากเปลี่ยนตัวเขาออกมาเล่า เช่นนั้นผู้อื่นก็ไม่มีทางค้นพบ แล้วยังให้เขาลอบติดต่อกับคนเหล่านั้นได้ด้วย”
“วิธีการนี้ก็ดีอยู่หรอก แต่ไม่มีหนทางทำให้สำเร็จได้ ตอนนี้พวกเราไม่มีทางหาตัวคนที่ดูเหมือนใต้เท้าซางได้เลย” ท่านอากุ้ยพูด
“เรื่องนั้นก็ไม่แน่หรอก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดแล้วเรียกตัวเชียนอินออกมาก่อนจะผสานร่างกับมัน หลังจากนั้นจึงแปลงร่าง ทันใดนั้นภายในเรือนก็มีโอวหยางเฟยสองคน ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์จะเหมือนกันเท่านั้น แม้กระทั่งกลิ่นอายก็ยังเหมือนกันด้วย
“นี่… นี่เจ้าทำได้อย่างไรกัน เหมือนกันทุกประการเลย!” ท่านอากุ้ยมองซือหม่าโยวเย่ว์ มองไม่ออกเลยสักนิดว่ามีตรงไหนที่แตกต่าง!
ซือหม่าโยวเย่ว์แยกร่างกับเชียนอินแล้วเอ่ยว่า “เป็นเพียงแค่กลตบตาเท่านั้นแหละ มิใช่ว่าข้าแปลงร่างเป็นโอวหยาง แต่รูปลักษณ์ที่พวกท่านเห็นพวกเราเหมือนกับเขาเท่านั้นเอง”
ท่านอากุ้ยตกตะลึงก่อนจะเข้าใจในทันใด “คล้ายกับภาพลวงตาอย่างนั้นหรือ”
“นับว่าใช่ก็ได้!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ข้าจะไปแทนที่ใต้เท้าซางเอง เจ้าว่าอย่างไร”
“ดี ดีมาก! เช่นนี้ย่อมไม่มีใครรู้อย่างแน่นอนว่าเจ้าเป็นตัวปลอม!” ท่านอากุ้ยพูดอย่างตื่นเต้น
“เช่นนั้นข้าจะรับผิดชอบไปปลอมตัวเป็นท่านตาเอง หลังจากนั้นก็จะช่วยพวกเขาออกมาในวันนั้นเลยช่วยกันทั้งจากภายในและภายนอก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ส่วนพวกเราจะรับผิดชอบจัดการเรื่องข้างนอกนี้เอง” เว่ยจือฉีพูด
“ตกลงสรุปกันเช่นนี้แหละ ข้าจะทิ้งย่ากวงเอาไว้ พอถึงเวลาก็ให้มันบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นข้างนอกนี่กับข้าผ่านการทำพันธสัญญา” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ได้เลย”
“เวลากระชั้นชิดนัก ข้าจะไปเปลี่ยนตัวใต้เท้าซางออกมาในวันนี้เลย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เจ้าไก่ฟ้า เจ้ามีวิธีส่งข้าเข้าไปข้างในหรือไม่”
เจ้าไก่ฟ้าพยักหน้า เรื่องเล็กน้อยแค่นี้สำหรับเขาไม่นับเป็นธุระเลยเสียด้วยซ้ำ
“ข้าก็จะไปกับเจ้าด้วย มิฉะนั้นเกรงว่าท่านตาคงไม่มีทางเชื่อเจ้าแน่” โอวหยางเฟยพูด
“ข้าก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดยิ้มๆ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ซือหม่าโยวเย่ว์และโอวหยางเฟยก็เข้าไปถึงภายในคุกของพระราชวังหลวง และได้พบกับคนของตระกูลซางอย่างราบรื่น
คนสำคัญของตระกูลซางล้วนอยู่ที่นี่กันหมด สองสามคนอยู่ในคุกห้องเดียวกัน กระจัดกระจายกันอยู่ในคุกสิบกว่าห้อง
พอโอวหยางเฟยเข้าไป เห็นคนตระกูลซางถูกคุมขังเช่นนี้ ขอบตาจึงแดงก่ำขึ้นมาในทันใด
“ท่านตา ท่านยาย ท่านน้า…” เขาวิ่งไปที่หน้าห้องขังของซางหลุนแล้วตะโกนเรียกคนที่อยู่ในนั้น
ตอนที่พวกเขาเข้ามา คนที่นี่ต่างก็รู้ว่ามีคนเข้ามา ทว่าไม่มีใครสนใจเลย เพราะพวกเขารู้ว่าผู้ที่จะเข้ามาได้ก็มีเพียงแค่คนของโอวหยางตงเท่านั้น แต่เมื่อได้ยินเสียงของโอวหยางเฟย พวกเขาต่างก็คิดว่าตนหูแว่วไปเสียแล้ว ทุกคนจึงพากันจ้องมองเขา
“ท่านตา ท่านยาย” โอวหยางเฟยตะโกนอีกครั้ง
คราวนี้ซางหลุนพบว่าไม่ใช่การหูแว่ว จึงลืมตาขึ้นในทันใด เมื่อเห็นโอวหยางเฟยที่อยู่ด้านนอกห้องขัง ก็ลุกขึ้นยืนทันทีแล้วเอ่ยว่า“ เฟยเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้วหรือ!”
“ใช่แล้วขอรับ ท่านตา ข้ากลับมาแล้ว!” โอวหยางเฟยหยิบกุญแจมาเปิดประตูลูกกรงแล้วก้มศีรษะเดินเข้าไป
“เฟยเอ๋อร์กลับมาแล้ว เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย!” ท่านยายของโอวหยางเฟยก้าวเข้าไปจับมือของโอวหยางเฟยเอาไว้ น้ำตาหญิงชราหลั่งรินในทันใด
“ท่านยาย ข้าเอง ข้ากลับมาแล้ว!” โอวหยางเฟยคว้าตัวนางเอาไว้ “ท่านยาย ขอโทษที่ทำให้พวกท่านพลอยลำบากไปด้วย ขอโทษที่ข้าเพิ่งกลับมาเอาป่านนี้”
“เจ้ายังมีชีวิตอยู่ก็ดีถมไปแล้ว!” ท่านยายปาดน้ำตา
“ฮ่าๆ เฟยเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่!” ท่านน้าและน้าสะใภ้ของโอวหยางเฟยเห็นว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ต่างพากันดีใจไม่น้อย
“ท่านน้า ท่านน้าสะใภ้ พวกท่านรออีกสักสองสามวันนะ รอให้พวกเราข้างนอกจัดการกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะมารับพวกท่านออกไป!” โอวหยางเฟยพูด
ซางหลุนเห็นว่าโอวหยางเฟยเติบโตเป็นหนุ่มแล้ว จึงเอ่ยว่า “เฟยเอ๋อร์ โอวหยางตงผู้นั้นคาดเดาได้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ จึงจับพวกเราเอาไว้เพื่อล่อให้เจ้าเผยตัวออกมา เหตุใดเจ้ายังวิ่งมาที่เมืองหลวงอีกเล่า!”
“ท่านตา ท่านวางใจเถิด ในเมื่อข้ากลับมาทั้งที ก็ต้องเตรียมตัวเอาไว้เรียบร้อยแล้วล่ะ!” โอวหยางเฟยพูด “โอวหยางตงผู้นั้นต้องการชีวิตข้า ข้ายังอยากจะชำระความแค้นเดิมเมื่อหลายปีก่อนนั่นด้วย!”
“เท่าที่ข้ารู้ เจ้าโอวหยางตงนั่นได้วางกำลังเอาไว้ทั้งภายในและภายนอกวัง แล้วเจ้าผลีผลามกลับมาได้อย่างไรกัน แล้วจะรับมือกับทหารเหล่านั้นของเขาได้อย่างไรเล่า!” ซางหลุนพูด
“เรื่องนี้คงต้องพึ่งท่านตาแล้วล่ะ” โอวหยางเฟยพูดยิ้มๆ “พวกเราได้หารือกับท่านอากุ้ยเรียบร้อยแล้ว ให้ท่านออกไปลอบติดต่อกับขุมอำนาจฝ่ายเรา ในวันเดียวกันนั้นก็จะลากตัวโอวหยางตงลงมาจากราชบัลลังก์ด้วย!”
“แล้วข้าจะออกไปได้อย่างไรกันเล่า หากข้าออกไป เกรงว่าผ่านไปไม่กี่นาที พวกโอวหยางตงก็คงเดาได้แล้วว่าเจ้ากลับมาน่ะ” ซางหลุนพูด
“ไม่มีทางหรอก” โอวหยางเฟยดึงตัวซือหม่าโยวเย่ว์เข้ามา แล้วเอ่ยว่า “ท่านตา ข้าขอแนะนำคนสองคนให้ท่านรู้จัก นี่คือโยวเย่ว์ ส่วนนี่คือเจ้าไก่ฟ้า โยวเย่ว์จะปลอมตัวเป็นท่านอยู่ที่นี่ ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน”
“คารวะท่านตาซาง!” ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มพลางทำความเคารพจากด้านนอก
……………………………….