สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 43 วายร้ายตัวน้อย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 43 วายร้ายตัวน้อย

บทที่ 43 วายร้ายตัวน้อย

มู่ซืออวี่เองก็สงสัยเช่นกัน ที่บ้านของพวกนางมีเงินเหลืออยู่ไม่มาก แม้จะยังคงมีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากเท่ากับเงินในมือของลู่ฉาวอวี่แน่นอน เช่นนั้นแล้วเขานำเงิน 20 ตำลึงมาจากที่ใด?

ท่ามกลางสายตาแห่งความอยากรู้อยากเห็นของทุกคน ลู่ฉาวอวี่ก็เดินเข้ามาพร้อมกับถุงเงิน

มู่ซืออวี่จ้องมองไปยังถุงเงินนั้นด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

ถุงเงินขยับได้ หรือจะมีสิ่งใดอยู่ในนั้น?

“เอามา!” กงซื่อเอื้อมมือออกมาคว้าไว้ด้วยความตื่นเต้น

ลู่ฉาวอวี่เปิดปากถุง หยิบบางอย่างขึ้นมา ก่อนจะโยนไปทางหวังซื่อ “คว้าเอาเสีย!”

หวังซื่อที่นอนอยู่บนเตียงรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งตกลงบนใบหน้า สิ่งนั้นลื่นไหลเป็นอย่างมาก ที่สำคัญยังสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วย

นางไม่สามารถเสแสร้งเป็นผู้ป่วยได้อีกต่อไป หลังจากที่รีบลืมตาขึ้น นางก็กรีดร้องออกมาทันที

“กรี๊ด!! งู!”

กงซื่อและลู่เฉิงเฉวียนตกตะลึง!

และหัวหน้าหมู่บ้านเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น

หวังซื่อที่ป่วยหนักจนดูใกล้ตายกระโดดขึ้นจากเตียง ท่าทางดูเหมือนไม่ใช่ผู้ป่วยอีกต่อไป หากยังมองไม่ออกว่านี่เป็นเพียงเรื่องเสแสร้ง เขาก็คงไม่ได้รับตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านมานานหลายปี

“อ๊าย! งู! งู! อย่าเข้ามา!” หวังซื่อกระโดดลงจากเตียงพลางซ่อนตัวอยู่ด้านหลังลู่เฉิงเฉวียน

ลู่เฉิงเฉวียนเองก็ตกตะลึงไม่น้อย เขาหยิบของแข็งที่ใกล้มือที่สุดก่อนจะขว้างไปยังงูที่กำลังเลื้อยเข้ามา

มู่ซืออวี่จ้องมองลู่ฉาวอวี่ ผู้ก่อความวุ่นวายในครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่มีความรู้สึกผิดอยู่เลยสักนิด

อาจเป็นเพราะสัมผัสได้ถึงสายตาของมู่ซืออวี่ที่จ้องมองมา เด็กชายจึงมองข้ามไปพลางแสดงท่าทีรังเกียจนางเช่นเดิม

“ไร้สาระ! ไร้สาระเสียจริง!” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวอย่างโกรธเคือง “ลู่เฉิงเฉวียนข้าไว้ใจเจ้ามาก แต่เจ้ากลับตอบแทนความไว้ใจข้าเช่นนี้หรือ? ครอบครัวของเจ้านี่น่ารังเกียจเสียจริง!”

“หัวหน้าหมู่บ้าน เรื่องราวทั้งหมดไม่ได้เป็นเช่นนั้น… ข้า…” ลู่เฉิงเฉวียนอยากจะอธิบาย แต่ก็ไม่สามารถโต้แย้งได้

ครอบครัวเขายากจนเป็นอย่างยิ่ง เมื่อแม่ของภรรยาและภรรยาคิดวิธีการนี้ขึ้นมา ในตอนแรก เขาก็อยากจะหยุดยั้งพวกนาง แต่เมื่อนึกถึงเด็กทั้งสองที่หิวโหยและผอมโซ ในที่สุดเขาก็ยอมทำตาม

เขาบอกตัวเองว่าจะทำเรื่องแบบนี้เพียงครั้งเดียว นับจากนี้จะไม่ทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้อีก

อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกเปิดโปงแล้ว ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็ไร้ประโยชน์

เวลานี้เขาพยายามหาช่องว่างเพื่อที่จะแทรกเข้าไปด้านใน

“ฉาวอวี่ เจ้าไม่ควรทำเช่นนี้ เหตุใดจึงเอาสิ่งอันตรายเข้ามาที่นี่?” หัวหน้าหมู่บ้านตำหนิ

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน พวกเขาต้องการเงิน 20 ตำลึง ครอบครัวของเราไม่มีเงินมากถึงเพียงนั้น วันนี้ข้าจับงูตัวนี้ได้ หมายจะนำไปทำน้ำแกงในวันพรุ่งนี้ งูนี้ไม่มีพิษ ข้าไม่สามารถหาเงินมาให้พวกเขาได้ จึงนึกถึงงูตัวนี้ขึ้นมา ว่าจะนำมาแลกเปลี่ยน ทว่าร่างกายของมันลื่นมาก ข้าไม่อาจจับให้อยู่นิ่งได้”

หัวหน้าหมู่บ้านหน้าซีดทันที “นี่เป็นความเข้าใจผิดของข้าเอง เจ้าช่างเป็นเด็กดีเหลือเกิน”

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าต้องขออภัยที่สร้างเรื่องจนทำให้ท่านต้องวุ่นวาย ขอบคุณท่านอย่างยิ่งที่ทำงานหนัก” มู่ซืออวี่กล่าวต่อหัวหน้าหมู่บ้านด้วยแววตาเปี่ยมความรู้สึกผิด “ข้าจะระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น และจะพยายามไม่สร้างปัญหาให้ท่าน อย่างที่ท่านเห็นในวันนี้ ข้าไม่ได้สร้างปัญหาให้กับผู้ได้ก่อน แต่กลับมีปัญหามาเยือนข้าถึงหน้าประตู”

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเจ้าอีกต่อไป” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวด้วยความไม่พอใจ “ลู่อี้ เอางูนั้นออกไปเสีย”

ลู่อี้จับงูตัวน้อยใส่ลงไปในถุงแล้วดึงสายมัดให้แน่น ก่อนจะผูกทับอีกหนึ่งชั้นด้วยผ้ารัดเอวของเขา

หัวหน้าหมู่บ้านตำหนิลู่เฉิงเฉวียนและหวังซื่ออยู่พักหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม กงซื่อมาจากหมู่บ้านอื่น และอายุของนางก็ไล่เลี่ยกับหัวหน้าหมู่บ้าน ดังนั้นจึงไม่ง่ายที่จะตำหนินางต่อหน้าคนอื่น หัวหน้าหมู่บ้านจึงทำได้เพียงต่อว่าลู่เฉิงเฉวียนและหวังซื่อเท่านั้น

“ตอนนี้เรื่องราวก็ได้รับการแก้ไขแล้ว พวกเราขอตัวก่อนได้หรือไม่?” ลู่อี้กล่าวอย่างเฉยเมย

“แค่กแค่ก…” มู่ซืออวี่ไอออกมา “แค่กแค่ก… แค่กแค่ก… ดูเหมือนว่าข้าจะเป็นหวัด พ่อของลูกคงต้องพาข้าไปพบหมอแล้ว”

ลู่อี้ “…”

บทละครเรื่องนี้ช่างจอมปลอมเสียจริง

ลู่ฉาวอวี่กลอกตาโดยไม่พูดอะไร

ทั้งหัวหน้าหมู่บ้านและชาวบ้านที่เฝ้าดูอยู่ต่างก็รู้สึกว่าการแสดงออกที่โจ่งแจ้งของมู่ซืออวี่นั้นไร้ยางอายเกินไป แต่ก็ยากเกินกว่าจะเอ่ยสิ่งใด เพราะท้ายที่สุดแล้วหวังซื่อและลู่เฉิงเฉวียนเป็นผู้ยั่วยุนางก่อน จะให้นางจากไปโดยไม่เอ่ยสิ่งใดก็คงเป็นเรื่องยาก

“เจ้า… เจ้ามันแสแสร้งแกล้งทำ!” หวังซื่อตะโกนพลางชี้ไปยังมู่ซืออวี่ “หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านก็เห็นว่านางแสร้งป่วย”

หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าไม่อาจบอกได้ว่านางแสร้งป่วยหรือไม่ คงต้องให้ท่านหมอจูมาดู”

“ท่านกล่าวถูกต้อง ในเมื่อข้าต้องพบหมอ ข้าเองก็คงต้องเข้าไปในเมือง จะให้ไปหาหมอชนบทอย่างท่านหมอจูได้อย่างไร พี่เฉิงเฉวียน โปรดหาหมอมาให้ข้าทีเถิด” มู่ซืออวี่กล่าวเยาะเย้ยอย่างเฉยเมย

หลังจากได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด ชาวบ้านมากมายต่างก็มีความคิดในแง่ร้ายต่อลู่เฉิงเฉวียนและภรรยาของเขา พวกเขาจึงไม่คิดเอ่ยปากปกป้องทั้งคนสอง

ลู่เฉิงเฉวียนหน้าแดงก่ำ จ้องมองไปยังลู่อี้อย่างประหม่า

เขาหวาดกลัวลู่อี้อย่างมาก

มีผู้คนในหมู่บ้านเพียงจำนวนน้อยที่ไม่หวาดกลัวลู่อี้

ฟุ่บ!

ลู่เฉิงเฉวียนคุกเข่าลงพลางทำความเคารพลู่อี้ “น้องอี้ ข้ารู้ว่าข้าคิดผิด จากนี้ไปข้าจะดูแลผู้หญิงของข้าเป็นอย่างดี จะไม่ปล่อยให้นางรบกวนเจ้าอีก คราวนี้… ปล่อยเราไปได้หรือไม่?”

ลู่อี้กล่าวอย่างเฉยเมย “ผู้ที่ควรตัดสินใจไม่ใช่ข้า”

“แม่ฉาวอวี่” ลู่เฉิงเฉวียนจ้องมองมู่ซืออวี่ด้วยแววตาอ้อนวอน

มู่ซืออวี่ยังคงไม่ลืมว่าลู่เฉิงเฉวียนคือผู้ที่เกลี้ยกล่อมให้หวังซื่อชดใช้ด้วยไก่สามตัว และเมื่อเห็นความจริงใจของเขา นางก็เริ่มใจอ่อน

ทว่าแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะแสร้งทำราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น นางต้องสั่งสอนให้พวกเขาได้เรียนรู้เพื่อที่จะไม่ทำเรื่องราวเช่นนี้อีก

“ไข่ 20 ฟอง” มู่ซืออวี่กล่าว “คราวหน้าข้าจะไม่ยอมใจอ่อนให้เช่นนี้แล้ว”

เมื่อผู้คนในหมู่บ้านเห็นมู่ซืออวี่เดินจากไปพร้อมกับไข่ 20 ฟอง พวกเขาก็ต่างติฉินนินทา

ไข่เป็นอาหารหายากสำหรับพวกเขา ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีไว้ติดครัวเรือน เมื่อเห็นมู่ซืออวี่ได้รับไข่ 20 ฟองโดยไม่ได้ทำสิ่งใด แล้วจะไม่ให้อิจฉาได้อย่างไร?

“ไม่… ไข่ของข้า… ไข่ของข้า…” เสียงร้องตะโกนของหวังซื่อดังสนั่นท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบสงบ

“หยุดสร้างปัญหาสักที”

“ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเจ้า! ไร้ประโยชน์เสียจริง! ลูกสาวข้าต้องทนทุกข์ทรมานกับเจ้า… ไร้ประโยชน์!! แม้แต่หญิงของเจ้าก็ไม่อาจปกป้องได้ ชีวิตข้าช่างอนาถายิ่งนัก…”

มู่ซืออวี่เดินตามหลังลู่อี้ ปากก็ชื่นชมลู่ฉาวอวี่อย่างมีความสุข “ฉาวอวี่ช่างชาญฉลาด ทำให้นางแสดงธาตุแท้ออกมาได้”

“ท่านโง่เขลาเองต่างหาก” ลู่ฉาวอวี่เต็มไปด้วยความรู้สึกขยะแขยง

“หากจะบอกว่าข้าโง่ ข้าก็จะยอมโง่ แต่เจ้านี่ฉลาดเสียจริง” มู่ซืออวี่ไม่สนใจ “งูตัวนั้น… ข้าไม่รู้จะจัดการกับมันอย่างไร เจ้าขอให้พ่อของเจ้าทำความสะอาดมันแล้วนำมาให้ข้าก็แล้วกัน”

ณ ประตูหน้าบ้าน ลู่เซวียนยืนจับมือลู่จื่ออวิ๋นรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเห็นทั้งสามใกล้เข้ามาจึงถามว่า

“เป็นอย่างไรบ้าง?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าเขากังวลว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น

“พี่…” มู่เจิ้งหานช่วยพยุงถงซื่อออกมาจากด้านใน

“ไฉนถึงออกมาเล่า? หมอบอกให้ท่านนอนบนเตียงเท่านั้น จะลุกขึ้นเดินบนพื้นไม่ได้”

เมื่อมู่ซืออวี่เห็นถงซื่อก็ไม่สนใจที่จะตอบคำถามของลู่เซวียน นางรีบเข้าไปพยุงผู้เป็นแม่ทันที

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท