บทที่ 81 คนปากร้ายในหมู่บ้าน
บทที่ 81 คนปากร้ายในหมู่บ้าน
มู่เจิ้งหานถือฟืนเดินเข้าไปในห้องครัวพลางกล่าวกับถงซื่อที่กำลังตากผ้า “ท่านแม่ พี่เขยกลับมาแล้ว ท่านพี่เรียกให้เราไปทานอาหารกับนาง”
“ลู่อี้กลับมาแล้วหรือ?” ถงซื่อเอ่ยถามด้วยสีหน้ายินดี “ดี ๆ ในที่สุดพี่สาวของเจ้าก็ไม่ต้องโดดเดี่ยวแล้ว”
“ท่านพี่อยู่คนเดียวเสียที่ไหน? ฉาวอวี่กับอวิ๋นเอ๋อร์ก็อยู่ด้วยไม่ใช่หรือ?” มู่เจิ้งหานไม่เข้าใจความหมายของถงซื่อ
“เจ้ายังเด็ก โตขึ้นจะรู้เอง” ถงซื่อยิ้ม “ผู้หญิงย่อมต้องการการปกป้องจากผู้ชาย การมีสามีอยู่เคียงข้างก็เท่ากับมีกระดูกสันหลังที่แข็งแกร่งนั่นล่ะ”
“อา” มู่เจิ้งหานยังคงไม่เข้าใจความคิดของถงซื่อ
ในความคิดของเขา ทุกวันนี้พี่สาวของเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากแล้ว นางได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ได้รับเงินมาจำนวนมหาศาล จากการสังเกตของเขา พี่สาวของเขาได้รับเงินมากกว่าสองตำลึงในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
เมื่อพูดถึงการหาเงินแล้ว มู่เจิ้งหานมีรายได้วันละ 10 อีแปะหรือมากกว่านั้น ไม่นับรวมเงินอีกหลายสิบอีแปะจากผู้เป็นแม่
เมื่อวานมีเรื่องหนึ่งที่พี่สาวของเขาเล่าให้ฟัง…
“ท่านแม่ เงินที่ท่านพี่ให้อยู่ที่ใดหรือ?” มู่เจิ้งหานแสร้งถามอย่างสบายอารมณ์
“เจ้าเอาไปเถอะ” ถงซื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “พี่สาวของเจ้าบอกว่าไม่ให้ใช้เงินอย่างเปิดเผย ข้าก็เลยซ่อนไว้ มีอะไรหรือเปล่า เจ้าจะใช้เงินหรือ?”
“เอามาให้ข้าเถอะ ข้าแค่จะเก็บไว้” มู่เจิ้งหานจ้องมองถงซื่อ “ตั้งแต่ทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตก มองไปทางไหนท่านก็เก็บเงินไว้ไม่ได้ ข้าคิดคำนวณและจัดการเงินเก่ง มอบหมายให้ข้าดูแลดีกว่า”
ถงซื่อไม่โต้แย้ง ไม่ว่าอย่างไรมู่เจิ้งหานก็จะเป็นที่พึ่งเดียวของนางไปทั้งชีวิต หากไม่ไว้ใจเขาแล้วจะไว้ใจผู้ใด? นอกจากนี้ เขายังเป็นลูกชายแท้ ๆ ของนาง หากเขาอยากได้เงินก็มอบให้เขาไปเถอะ
มู่เจิ้งหานรับเงินหลายสิบอีแปะจากถงซื่อมา เขาตั้งใจเก็บรักษาเงินนี้ไว้เอง หลังจากค้นหาที่ซ่อนเป็นเวลานานในที่สุดก็หาพบ จากนั้นเขาจึงตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้เป็นแม่จะไม่บังเอิญพบได้
“ลึกลับจริงนะเจ้าน่ะ” ถงซื่อพึมพำ
มู่เจิ้งหานถอนหายใจแผ่วเบา “หากไม่ใช่เพราะท่านหูเบา ข้าคงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ท่านพี่เน้นย้ำให้ข้าดูแลเงินของที่บ้านให้ดี มิฉะนั้นมันอาจหมดสิ้นไปในสักวัน”
“เจ้าว่าอะไรนะ?” ถงซื่อไม่ได้ยิน
“ไม่มีอะไร” มู่เจิ้งหานหยิบถังน้ำเปล่าขึ้นมา “ข้าจะไปตักน้ำ”
“เช่นนั้นข้าจะไปช่วยงานพี่สาวเจ้า” ถงซื่อกล่าว “หลังตักน้ำเสร็จค่อยตามมานะ”
เนื่องจากงานที่ต้องทำในช่วงนี้มีไม่มาก ถงซื่อจึงไม่อาจช่วยมู่ซืออวี่ในเรื่องอื่นได้นอกจากการทำความสะอาดบ้าน ตอนเช้านางมักจะเดินทางมาเพื่อช่วยลูกสาวทำเนื้อตุ๋น ส่วนตอนบ่ายก็จะคอยช่วยเหลือเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
นางบังเอิญได้พบเห็ดสองชนิดบนเชิงเขาจึงเก็บกลับมา ลูกสาวนางจะได้นำไปปรุงอาหาร
นางถือตะกร้าเดินไปยังบ้านของลู่อี้
“แม่หานเอ๋อร์…”
เมื่อเห็นจงซื่อ ถงซื่อก็เผยรอยยิ้ม “ป้าจง”
นางกล่าวพลางเดินอย่างว่องไวราวกับอยากจะจากไปโดยเร็ว
ตอนที่ยังเป็นสะใภ้ตระกูลมู่ เมื่อใดที่นางและแม่สามีทะเลาะวิวาทย่อมรุนแรงดุจแผ่นดินไหว และนางมักจะพบป้าจงผู้นี้
“เหตุใดจึงเร่งรีบถึงเพียงนั้น ข้าไม่กินเจ้าหรอก” จงซื่อกล่าวด้วยความประหลาดใจ
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ถงซื่อก็พลันหยุดฝีเท้า
“ไม่มีอะไร ข้าต้องเร่งรีบไปจัดการเรื่องด่วนน่ะ”
“เรื่องเร่งด่วนอะไรหรือ?”
“ลูกอวี่มีเรื่องให้ข้าช่วยเหลือ”
ถงซื่อยกมู่ซืออวี่มาเป็นข้ออ้างโดยสัญชาตญาณ นางคิดว่าลักษณะนิสัยของมู่ซืออวี่ช่วยห้ามผู้คนในหมู่บ้านได้
แต่เห็นได้ชัดว่านางประเมินความหน้าด้านของอีกฝ่ายต่ำเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น การกระทำอันลึกลับของมู่ซืออวี่ยังจุดประกายให้อีกฝ่ายคิดจะใกล้ชิดกับนางมากกว่าเดิม
จงซื่อเปลี่ยนประเด็นทันที
“ช่วงนี้ซืออวี่กำลังทำอะไรหรือ?” จงซื่อเอ่ยถาม
“ไม่ได้ทำอะไร”
“หมายความว่าอย่างไร? ช่วงนี้มีรถม้าของเศรษฐีหลายคันมาขนบางอย่างออกไป อีกทั้งเนื้อตุ๋นที่นางปรุงทุกวันก็ยังทำให้ผู้คนในหมู่บ้านหิวโหยจนน้ำลายแทบไหลไม่ใช่หรือ? สิ่งนั้นเรียกว่าอย่างไร?”
“ข้าเองก็ไม่อาจล่วงรู้” ลูกสาวย้ำเตือนนางอยู่เสมอว่าห้ามกล่าวเรื่องนี้กับผู้ใด แม้พวกเขาจะตั้งคำถามก็ไม่มีใครสมควรได้รับรู้
“แม่หานเอ๋อร์ เจ้านี่ไร้เหตุผลมาก อย่าลืมว่าข้าอาวุโสกว่าเจ้านะ! ผู้อาวุโสเอ่ยถามทั้งที อย่ามาตอบแบบขอไปทีเช่นนี้” จงซื่อกล่าวด้วยความไม่พอใจ “ลูกสาวของเจ้าไม่ได้ทำอะไรไม่ถูกต้องใช่หรือไม่?”
“ข้าขอกล่าวกับท่านสักนิด ท่านเป็นดั่งเทพเจ้าแห่งเตาไฟ ประทานพร คุ้มครองครัว ไปจัดการเรื่องตัวเองเถิด!” เฉินซื่อที่กำลังถือถังน้ำอยู่กล่าวพลางหัวเราะ “แม้แต่ถูพื้นบ้านของตนยังไม่สะอาด เหตุใดจึงเอาแต่ถามเรื่องคนอื่น? หรือเพราะเห็นว่านี่เป็นป้าถง จึงคิดจะทำอะไรก็ได้?”
“ไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก ทีเจ้ายังยุ่งเรื่องของข้าได้” จงซื่อกล่าวด้วยความไม่พอใจ “ข้าเห็นว่าสามีของเจ้าไม่กลับบ้านมานาน เจ้าเองก็คงคันไม่น้อยใช่หรือไม่? ต้องการจะให้ข้าช่วยเกาหรือเปล่าล่ะ”
ใบหน้าของเฉินซื่อพลันแดงก่ำ นางโยนถังน้ำในมือทิ้งทันทีก่อนจะกล่าวด้วยความโกรธเคือง “ท่านเลี้ยงสุนัขไว้ในปากรึ? เหตุใดข้าถึงเห็นสุนัขโผล่ออกมาจากปากของท่านมากมายแบบนี้”
“เจ้าว่าผู้ใดปากสุนัข?” จงซื่อก้าวออกมาทันที “ข้าจะฉีกปากเจ้าให้ขาดเสีย”
“รอดูเถิดว่าผู้ใดกันจะปากฉีกในวันนี้!!!” เฉินซื่อไม่ได้แสดงความอ่อนแอ ใช้แรงทั้งหมดที่มีต่อสู้กับจงซื่อทันที
ถงซื่อตกตะลึงและรีบแยกทั้งสองออกจากกันทันที ทว่าสถานการณ์กลับยิ่งวุ่นวายมากกว่าเดิม
“ทำเช่นนี้เพื่ออะไร?”
“หยุดเดี๋ยวนี้ หยุดเดี๋ยวนี้ เสื้อผ้าขาดหมดแล้ว ไร้ยางอายจริง ๆ”
หลังจากถูกชาวบ้านเกลี้ยกล่อม ในที่สุดทั้งสองคนก็แยกกจากกันด้วยความไม่พอใจ แม้พวกนางจะรู้สึกอับอาย แต่กลับยังคงจ้องมองกันด้วยสายตาอาฆาต
ถงซื่อเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เมื่อเห็นตะกร้าที่ตนเคยถือตกลงบนพื้น เห็ดที่อยากนำไปให้ลูกสาวถูกเหยียบย่ำจนแหลกละเอียด หัวใจของนางพลันเจ็บปวดราวกับจะแตกสลาย
“เกิดอะไรขึ้น?”
“แยกย้าย ๆ ไปได้แล้ว” หญิงสูงวัยผู้หนึ่งแยกย้ายฝูงชน “พวกเจ้าจะคุยกันด้วยวาจาไม่ได้เลยหรือ? เอาแต่ทุบตีและใช้กำลังอยู่ได้!”
ถงซื่อช่วยพยุงเฉินซื่อพลางกล่าวว่า “พวกเราไปกันเถิด!”
เสื้อผ้าของเฉินซื่อขาดรุ่ย น้ำในถังหกไปทั่วพื้น
นางเม้มริมฝีปาก จ้องมองจงซื่อด้วยความโกรธ “จำไว้ว่าข้าไม่ได้กลัวท่าน แม้คนอื่นจะหวาดกลัวและเกรงใจท่าน แต่หากท่านยังใช้วาจาปากสุนัขเอ่ยกับข้าอีก ข้าฉีกปากของท่านแน่”
“มา! มาดูเถอะว่าใครจะถูกฉีกปากกันแน่!” จงซื่อกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้
หญิงที่เป็นผู้เกลี้ยกล่อมเมื่อครู่เอ่ยกับถงซื่อ “เจ้าเอาตัวนางออกไป พวกเจ้าเองก็อายุมากแล้ว ยังทะเลาะวิวาท ใช้อารมณ์แบบไม่มีเหตุผลอยู่อีก”
“ข้าขออภัย เป็นความผิดของข้าเอง” ถงซื่อกล่าวด้วยความรู้สึกผิด
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างไร?” เฉินซื่อกล่าว “ข้าน่ะอยากทำมานานแล้วต่างหาก”
จงซื่อทำให้ผู้คนมากมายขุ่นเคืองใจ เฉินซื่อเกลียดชังอีกฝ่ายยิ่งกว่าผู้ใด การใช้เหตุผลเจรจาอย่างใจเย็นไม่อาจเปลี่ยนแปลงนิสัยของจงซื่อได้
แม้แต่เรื่องเล็กน้อยก็ทำให้เฉินซื่อเกลียดชังจงซื่อได้ เมื่อสองคนมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ก็ย่อมเป็นเรื่องปกติที่จะทะเลาะวิวาท
หากเป็นหญิงทั่วไปในหมู่บ้าน แม้เกลียดชังจงซื่อเป็นอย่างมาก แต่พวกนางจะอดทนและพยายามไม่ถือสาเพราะเห็นว่าจงซื่อเป็นหญิงสูงอายุ แต่เฉินซื่อไม่เป็นเช่นนั้น แม้ต้องตายเพื่อให้ได้ฉีกปากหญิงชราผู้นั้น นางก็ยอม
ถงซื่อหยิบตะกร้าของตนขึ้นมา เฉินซื่อเองก็สงบลง นางหยิบถังน้ำของตนแล้วเดินไปพร้อมกัน
“ยังโกรธอยู่ใช่หรือไม่?” ถงซื่อพยายามเกลี้ยกล่อมเฉินซื่อ “ป้าจงเองก็เป็นคนเช่นนั้น อย่าถือโทษโกรธนางเลย”
“ท่านเองก็รู้ว่าหากไม่ใช่เพราะนาง ข้าคงไม่ต้องสูญเสียลูกไป” ดวงตาของเฉินซื่อพลันแดงก่ำ “ข้าเกลียดทุกครั้งที่เห็นหน้านาง ข้าอยากฆ่านางเสียด้วยซ้ำ ข้าควบคุมตนเองไม่ได้เลย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าหรอก แม้ไม่มีเจ้าในวันนี้ ข้าก็อยากจะฉีกปากนางอยู่ดี”