บทที่ 104 อาฆาต
บทที่ 104 อาฆาต
ชายวัยกลางคนทำข้อตกลงอย่างตรงไปตรงมาก่อนจะมอบเงิน 60 ตำลึงให้กับมู่ซืออวี่
มู่ซืออวี่ขอให้พวกมู่ต้าหนิวไปส่งสินค้าให้กับชายวัยกลางคนผู้นั้น ส่วนนางกับลู่จื่ออวิ๋นรออยู่ที่นี่ ด้วยวิธีนี้นางยังมีเวลาเพียงพอที่จะพูดคุยกับหญิงทั้งสองจากครอบครัวผู้มั่งมี
“หากคุณหนูทั้งสองชอบการออกแบบของข้า ข้าจะประดิษฐ์ขึ้นมาให้พวกท่านใหม่ พวกท่านโปรดเลือกลวดลายที่ชอบเพื่อที่ข้าจะแกะสลัก ข้าจะคิดราคาเพียง 40 ตำลึง พวกท่านคิดเห็นอย่างไร?”
“ไม่นานมานี้ ข้าวางแผนจะปรับปรุงห้องนอน ท่านบอกว่าสามารถไปที่จวนเพื่อช่วยดูและออกแบบได้ใช่หรือไม่? เช่นนั้นท่านไปช่วยตรวจดูและออกแบบที่จวนข้าเถิด” หลี่หงซูกล่าว “เช่นนั้นได้หรือไม่?”
“คุณหนูหลี่มีช่างฝีมือประจำตัวอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดคราวนี้จึงคิดจะเลือกใช้ช่างฝีมือคนใหม่ที่ไม่เคยได้พบมาก่อน? หรือเป็นเพราะว่าคุณหนูหลี่มีแรงจูงใจอื่นใดซ่อนเร้นอยู่?”
“เจิ้งซูอวี้ อย่ามาทำเป็นเจ้าเล่ห์ จริงสิ! ข้าจำได้ว่าหญิงผู้นี้ประดิษฐ์หีบเครื่องประดับให้เจ้า ข้าก็อยากให้นางทำหีบเครื่องประดับให้ข้าเช่นเดียวกัน ข้าชอบเตียงในวันนี้มาก ในเมื่อนางสามารถประดิษฐ์กล่องที่งดงามและเตียงขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ ข้าก็ย่อมต้องการให้นางมาเป็นช่างฝีมือประจำตัว แล้วข้าทำเช่นนั้นไม่ได้หรือ? ตระกูลหลี่ของข้าไม่ได้ขาดแคลนเงิน หากนางกลายเป็นช่างฝีมือประจำตัวข้าแล้ว เจ้าก็อย่าพยายามแย่งชิงนางไปล่ะ”
มู่ซืออวี่ไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น นางไม่รู้เลยว่าเหตุใดหญิงสองคนจากตระกูลผู้ร่ำรวยจึงแข่งขันกันเพื่อ ‘แย่งชิงความโปรดปราน’ เพียงเพราะกล่องใส่เครื่องประดับที่นางทำขึ้น
ทั้งสองคนไม่ลงรอยกัน อยู่คนละฝ่ายเช่นเดียวกับ ‘ภัตตาคารหมายเลขหนึ่ง’ และ ‘ภัตตาคารเจียงซื่อ’ สินะ!
“เจ้าแค่อยากวางกับดักให้ใครสักคนหลงกล ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะทำได้ดีหรือไม่ เจ้าก็จะบอกว่าทำได้ไม่ดี จากนั้นก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อลอบสังหารผู้ที่ติดกับดักนั้น…”
“เจิ้งซูอวี้!! ข้าเป็นเช่นนั้นในสายตาเจ้าหรือ? ถึงตระกูลเจิ้งของเจ้าจะทำสิ่งที่น่ารังเกียจและไร้ยางอายเช่นนั้นได้ แต่ตระกูลหลี่ของข้าไม่อาจทำได้”
“หมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าตระกูลเจิ้งของเราทำเช่นนั้นได้? ตระกูลเจิ้งของเราไม่เคยทำเช่นนั้น”
“หึ! เมื่อไม่นานมานี้ ตระกูลเจิ้งของเจ้าถูกโจรปล้นสุสานหลอกลวง แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องผิดที่จะถูกหลอก แต่เจ้ากลับใช้สิ่งเหล่านั้นหลอกลวงผู้อื่นต่อ สุดท้ายก็เกือบทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ไม่ใช่คนอื่นเขาไม่รู้หรอกนะ เจ้าทำเช่นนั้นก็เพื่อช่วยกวาดล้างความผิดพลาดที่พี่สาวของเจ้าทำไม่ใช่หรือ?”
“เจ้า…”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองมีปากเสียงกันรุนแรงมากยิ่งขึ้น มู่ซืออวี่ก็รีบห้ามปรามพวกนาง
“เลิกโต้เถียงกันเสียที นี่ที่สาธารณะ คนมุงดูพวกท่านกันใหญ่แล้ว”
“ไปดูห้องข้าได้หรือไม่?” หลี่หงซูกล่าวพลางจ้องมองมู่ซืออวี่
เมื่อมู่ซืออวี่เห็นอีกฝ่ายก็จำได้ทันที เพราะนางค่อนข้างประทับใจหญิงผู้นี้
เมื่อไม่กี่วันก่อน ขณะที่กำลังเดินอยู่บนถนน นางได้ยินเสียงของหญิงผู้นี้ตะโกนว่า ‘แม่นาง แม่นาง ท่านมีลูกแล้วใช่หรือไม่?’ ขณะนั้นนางอารมณ์ไม่ค่อยดีนักจึงเพียงรู้สึกขบขัน แต่ก็มีความประทับใจต่อหญิงผู้นี้มาก
แม้จะประทับใจ แต่เจิ้งซูอวี้ก็มีเมตตาต่อนางไม่น้อย
ผู้ใดก็ตามที่อาศัยอยู่ที่นี่จะรู้ดีว่าครอบครัวของคุณหนูเจิ้งและครอบครัวของคุณหนูหลี่เป็นศัตรูตัวฉกาจ พวกเขามักทะเลาะวิวาทเมื่อพบกัน ส่วนใหญ่แล้ว หญิงในตระกูลมักจะทะเลาะวิวาทในเรื่องที่ชอบพอชายคนเดียวกัน
ทว่าชายที่พวกนางชื่นชอบกลับไม่แยแสพวกนางเลย จากนั้นไม่นานเขาก็เดินทางไปสอบข้าราชการที่เมืองหลวง
“ได้สิ! เหตุใดจึงจะไม่ได้เล่า? ข้าดีใจมากที่คุณหนูหลี่สนใจงานฝีมือของข้า” มู่ซืออวี่กล่าว “ไม่ทราบว่าคุณหนูหลี่ต้องการให้ข้าเข้าไปสำรวจห้องเมื่อใด?”
“วันนี้เท่านั้น!” หลี่หงซูจ้องมองมู่ซืออวี่ด้วยความตื่นเต้น
เจิ้งซูอวี้ไม่สนใจ นางหันมาเอ่ยกับมู่ซืออวี่ “ในเมื่อท่านรับงานของนางแล้ว ข้าก็คงไม่รีบร้อน ท่านไปกับนางก่อนเถิด แต่หากนางรังแกท่านก็กลับมาหาข้า ข้าจะป่าวประกาศให้ผู้คนได้รู้ว่าคุณหนูตระกูลหลี่รังแกผู้อื่นอย่างไร”
“เจ้า…” หลี่หงซูจ้องเจิ้งซูอวี้ด้วยความโกรธ
“ขอบคุณซูอวี้” มู่ซืออวี่เผยรอยยิ้ม “ข้าจะไปดื่มชา สนทนาที่ร้านของท่านวันหลัง อ้อ จริงสิ ข้านำอาหารที่ทำเองมาด้วย ไม่รู้ว่าท่านกินได้หรือไม่…”
“กินได้สิ เหตุใดจะกินไม่ได้เล่า?” เจิ้งซูอวี้ตอบกลับ “สิ่งที่คนงานของข้านำกลับมาจากบ้านเจ้าครั้งก่อนเอร็ดอร่อยมาก ขอบคุณมาก!”
เจิ้งซูอวี้เดินจากไป ทิ้งหลี่หงซูและคนรับใช้ของนางไว้ที่นั่น
หลี่หงซูจ้องมองมู่ซืออวี่ “หีบใส่เครื่องประดับที่ท่านทำให้หอหลิงอวิ๋นสวยงามมาก เจ้าคิดเองหรือมีผู้ใดสอน?”
มู่ซืออวี่ยิ้ม “ข้าคิดเอง ข้าดีใจมากที่คุณหนูชื่นชอบ”
“เจ้ามาทำงานให้ข้าดีหรือไม่? ข้าจะจ่ายให้มากกว่าที่เจ้าเคยได้รับ”
“ข้าต้องขออภัย ข้าได้ตกลงกับหอหลิงอวิ๋นไปแล้ว ทุกสิ่งที่ข้าประดิษฐ์ขึ้นจะขายให้กับครอบครัวของพวกเขาเท่านั้น”
หลี่หงซูไม่พูดอะไรต่อ
มู่ซืออวี่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าสาวน้อยผู้นี้จะเป็นคนใจกว้าง ไม่รู้สึกโกรธแม้จะถูกปฏิเสธ อีกทั้งยังไม่พยายามกวนอารมณ์มู่ซืออวี่ เมื่อจ้องมองแววตาที่ซื่อตรงของอีกฝ่ายแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่หญิงดุร้าย
มู่ต้าหนิวและเอ้อร์หนิวเดินทางกลับมาพร้อมเกวียนวัวพอดี
“เราต้องไปที่จวนของคุณหนูหลี่” มู่ซืออวี่กล่าว “ข้าไม่รู้ว่าทั้งสองมีงานได้ที่รอคอยให้สะสางอยู่หรือไม่ หากไม่ ข้าคงต้องขอรบกวนพวกท่านอีก”
“ไม่มี ไม่มี วันนี้เป็นวันว่างของพวกเรา”
เมื่อทั้งสองเห็นมู่ซืออวี่หาเงินได้ 60 ตำลึงด้วยตาของตนเอง พวกเขาก็รู้สึกชื่นชมนางอย่างยิ่ง
60 ตำลึง!
แม้จะทำงานหนักมาตลอดสิบปี พวกเขาก็ยังไม่อาจสร้างรายได้มากมายเช่นนี้
“ไปเถิด!”
…
ณ จวนตระกูลหลี่ สาวใช้ของหลี่หงซูโบกมือให้สาวใช้อีกคน “ฝากเจ้าดูแลสองคนนี้ด้วย”
มู่ต้าหนิวและเอ้อร์หนิวรวมถึงเกวียนวัวไม่สามารถติดตามเข้าไปในจวนของหลี่หงซูได้ คนรับใช้จึงพาพวกเขาไปพักในที่แห่งหนึ่ง
หลี่หงซูเดินเข้ามาในจวนพร้อมหญิงสาวและเด็กหญิงตัวน้อย คนรับใช้มากมายต่างจ้องมองพวกนางด้วยความอยากรู้อยากเห็น
มู่ซืออวี่ดูสงบนิ่งราวกับไม่รู้สึกสะทกสะท้านต่อสิ่งใด
ยิ่งหลี่หงซูเห็นเช่นนั้นก็ยิ่งรู้สึกสนใจมากขึ้น
หญิงผู้นี้แตกต่างจากหญิงบ้านนอกทั่วไป พฤติกรรมของอีกฝ่ายน่าสนใจอย่างมาก ไม่แปลกใจที่เจิ้งซูอวี้จะหวงแหน เมื่อคิดได้ดังนั้น นางก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เฝ้าดูพฤติกรรมของอีกฝ่าย
“โอ้ น้องสาวข้า” เสียงของชายหนุ่มผู้หนึ่งดังขึ้น เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี มีรอยยิ้มขี้เล่น แต่แววตากลับเจ้าชู้และเจ้าเล่ห์ “ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว ช่วยข้าอ้อนวอนท่านยายหน่อยเถิด”
“ท่านพี่สร้างปัญหาอะไรอีก?” หลี่หงซูจ้องมองเขาด้วยความไม่พอใจ
“ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรนัก ข้าเพียงต้องการเอาใจหญิงผู้หนึ่ง จึงซื้อของมากมายให้นาง แต่พอท่านยายรู้ก็เอะอะโวยวาย ทั้งยังข่มขู่จะยึดเงินของข้าด้วย” ชายหนุ่มกล่าวพลางก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด
“ท่านพี่กำลังจะแต่งงานกับหญิงอีกคนในอีกไม่ช้า แต่ตอนนี้กลับเอาเงินไปปรนเปรอให้คนอื่น แล้วจะไม่ให้ท่านย่าเอะอะโวยวายอย่างนั้นหรือ?” หลี่หงซูผลักพี่ชายของตนก่อนจะเดินหนีไปด้วยความโกรธ
“หากเจ้าไม่ช่วย พี่จะต้องถูกเฆี่ยนตีจนตายแน่ แต่หากเจ้าช่วยพูดให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พี่จะจดจำบุญคุณไว้อย่างแน่นอน”
เมื่อมู่ซืออวี่เห็นวิธีที่ชายผู้นี้พยายามประจบประแจงน้องสาวของเขา นางก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลยว่าเหตุใดผู้ชายประเภทนี้จึงหลอกลวงผู้หญิงได้ง่าย เพราะแม้แต่นางเองก็ยังอดใจอ่อนไม่ได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น
จิ๊จิ๊จิ๊ ใช้วิธีประจบประแจงแบบผู้ชายโบราณขนานแท้!
ทันใดนั้น นางก็พลันรู้สึกได้ถึงบางอย่างจึงหันกลับไปด้านหลัง
บุคคลผู้หนึ่งเดินผ่านไป นางมองเห็นเพียงชุดคลุมสีฟ้า เเต่มองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาชัดสักเท่าไหร่
ช่างน่าประหลาดแท้ เพราะนางรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอาฆาตจากคนผู้นั้น