สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 117 เจ้าคงไม่ได้ร้องไห้ใช่หรือไม่

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 117 เจ้าคงไม่ได้ร้องไห้ใช่หรือไม่

บทที่ 117 เจ้าคงไม่ได้ร้องไห้ใช่หรือไม่

ลู่เซวียนมองออกไปข้างนอก ใบหน้าซีดเซียวตามประสาคนป่วยเต็มไปด้วยความคาดหวัง

ลู่จื่ออวิ๋นกอดลูกเจี๊ยบเอาไว้พลางป้อนหนอนน้อยในมือให้กิน ใบหน้าน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มขึ้นเป็นริ้วแดงเรื่อ

“เสี่ยวฮวานะเสี่ยวฮวา รีบ ๆ โตเร็ว ๆ นะ จะได้ออกไข่หลาย ๆ ฟองมาบำรุงท่านแม่”

ลู่ฉาวอวี่ออกมาจากห้อง เห็นลู่เซวียนเฝ้ารออยู่อย่างกังวลก็เอ่ยขึ้นว่า “ท่านอา มีตัวอักษรหนึ่งที่ข้าเขียนไม่เป็น”

ลู่เซวียนไม่ได้ยิน ตอนนี้เขากำลังพะว้าพะวงว่าเมื่อไหร่มู่ซืออวี่จะกลับมา เสียงอย่างอื่นล้วนลอยผ่านหู

ลู่ฉาวอวี่เรียกเสียงดังกว่าเดิม “ท่านอา!”

ลู่เซวียนจึงได้สติกลับคืนมา “หา? อะไรหรือ?”

ลู่ฉาวอวี่ทวนคำพูดที่เพิ่งพูดไป

“อ้อ คำไหน?” เขาเดินเข้าไปข้างในพลางเอ่ยถาม

“ท่านแม่…” ลู่จื่ออวิ๋นปล่อยลูกเจี๊ยบลงแล้ววิ่งไปหามารดาด้วยความดีใจ “ท่านแม่กลับมาแล้ว!”

มู่ซืออวี่และมู่ต้าหนิวแยกกันที่บ้านเหยาซื่อ วันนี้นางซื้อของมาไม่มากจึงหิ้วกลับมาเอง มู่ต้าหนิวขับเกวียนวัวตรงไปยังบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน จะได้ไม่ต้องกลับไปกลับมา

ลู่เซวียนหยุดชะงัก หันกลับมาแล้วเดินไปยังประตูพลางเร่งฝีเท้าขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น

มู่ซืออวี่กอดลู่จื่ออวิ๋นไว้ “โอ้โห ข้ากอดอวิ๋นเอ๋อร์แทบไม่ได้แล้ว”

“เช่นนั้นอวิ๋นเอ๋อร์ต้องกินน้อยลง ไม่อย่างนั้นท่านแม่จะกอดไม่ได้แล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยเสียงเศร้า

“ไม่ได้สิ อวิ๋นเอ๋อร์ต้องกินให้มากหน่อย จะได้โตไว ๆ ทีนี้เจ้าจะได้กอดข้าแทน” มู่ซืออวี่ลูบหัวลู่จื่ออวิ๋น “วันนี้ข้าเจอที่กลัดผมดอกไม้ งามมากเลยล่ะ เดี๋ยวจะติดให้เจ้านะ”

ลู่เซวียนมองมู่ซืออวี่อย่างตื่นเต้น

ถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยสิ่งใด แต่สีหน้าเช่นนั้นใครเห็นก็รู้ว่าเขากำลังรอฟังข่าวอะไรอยู่

“สำเร็จแล้ว” มู่ซืออวี่ยิ้ม

ลู่เซวียนตาเป็นประกาย “จริงหรือ? สำเร็จแล้วจริง ๆ หรือ?”

“สำเร็จแล้วจริง ๆ” มู่ซืออวี่พยักหน้า “เข้าไปคุยข้างในเถอะ”

ลู่เซวียนรู้สึกราวกับเท้าเบาโหวง เสมือนตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน

กระทั่งเข้าไปในบ้าน เขายังรู้สึกราวกับว่าไม่ใช่ความจริง

“เหตุใดถึงสำเร็จได้เล่า?” ลู่เซวียนพึมพำกับตัวเอง “ข้าก็หาเงินได้แล้วหรือ เป็นไปได้อย่างไร…”

ลู่ฉาวอวี่ยกน้ำเข้ามาวางไว้ตรงหน้ามู่ซืออวี่

มู่ซืออวี่เห็นน้ำมีกลีบดอกไม้แห้งโรยอยู่จึงมองลู่ฉาวอวี่ด้วยความประหลาดใจ “เจ้าเอามาจากไหน?”

“ดอกไม้ป่าจากบนภูเขา ข้าเก็บมาระหว่างที่ไปตัดฟืน ว่าจะโปรยไว้ในลานให้แห้ง เอาไปโรยน้ำแล้วมีกลิ่นหอมชื่นใจ” ลู่ฉาวอวี่พูดเบา ๆ

“ไม่เลว ข้ามีลูกชายที่รู้จักกตัญญูคนเป็นแล้วสินะ” มู่ซืออวี่จงใจหยอกล้อเขา

ลู่ฉาวอวี่เบือนหน้าหนี พยายามเย่อหยิ่งให้ถึงที่สุด

“อ้อใช่ 50 ตำลึงเงิน” มู่ซืออวี่วางเงินไว้ตรงหน้าลู่เซวียน “ผู้ตรวจหนังสือที่หอหนังสือหงเหวินบอกว่าเขาจะจ่ายหนึ่งตำลึงเงินต่อหนึ่งฉบับ นี่เป็นหนังสือสัญญา ข้างในบอกว่าเหลือต้นฉบับอีกเก้าเล่มที่ต้องส่ง”

“หอหนังสือหงเหวิน?” ดวงตาของลู่เซวียนเบิกกว้าง

หากเมื่อครู่นี้การที่ได้ยินว่าหนังสือของเขาถูกยอมรับแล้วช่างเหลือเชื่อ ตอนนี้พอได้ยินคำว่าหอหนังสือหงเหวินก็ยิ่งทำให้ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

“เจ้าบอกว่าเจ้าขายหนังสือให้ที่หอหนังสือหงเหวิน?”

“ใช่แล้ว!”

“ไม่ใช่ร้านหนังสือหรอกหรือ?”

“ข้าไปร้านหนังสือแล้ว เจ้าของร้านหนังสือบอกว่าหนังสือของเราดีเกินไป ให้เราลองไปเสี่ยงโชคที่หอหนังสือหงเหวิน ไม่นึกว่าผู้ตรวจหนังสือจะชอบมันจริง ๆ”

“หอหนังสือหงเหวิน? ข้าไม่ได้กำลังฝันไปใชาหรือไม่ มีคนตั้งมากมายอยากเผยแพร่หนังสือที่หอหนังสือหงเหวิน แต่ข้อกำหนดของที่นั่นเข้มงวด ไม่ได้ผ่านการคัดเลือกกันง่าย ๆ”

ลู่ฉาวอวี่มอง 50 ตำลึงเงินที่อยู่บนโต๊ะ ดวงตาเต็มไปด้วยแสงระยิบระยับ

หอหนังสือหงเหวินอะไรนั่นเขาไม่รู้จัก รู้แค่เพียงว่าหนังสือแค่นั้นเปลี่ยนเป็นเงินถึง 50 ตำลึงเงิน

“อีกไม่กี่วันข้าก็เขียนเสร็จแล้ว” ลู่ฉาวอวี่มองมู่ซืออวี่ เป็นครั้งแรกที่วายร้ายตัวน้อยคนนี้มีความเขินอายปรากฏบนใบหน้า “ข้าก็ขายให้หอหนังสือหงเหวินได้เหมือนกันใช่หรือไม่?”

“เรื่องนี้ข้าก็ไม่แน่ใจ ผู้ตรวจสอบหนังสือคนนั้นเข้มงวดจริง ๆ ตอนข้าไปถึง เขากำลังฉีกหนังสือทิ้ง พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าที่กำลังฉีกนั้นเป็นของใคร? เป็นหนังสือของบัณทิต เปลืองกระดาษจริงเชียว!”

พูดสิ่งเลวร้ายไว้ก่อน เมื่อถึงเวลาจริง ๆ ลู่ฉาวอวี่จะได้รับแรงกระแทกได้

ถึงแม้เรื่องเล่าที่นางเล่าให้ลู่ฉาวอวี่ฟังจะค่อนข้างน่าสนใจ แต่เขาต้องเขียนออกมาให้เป็นนิยายชั้นดี อย่างไรเสียลู่ฉาวอวี่ก็ยังเล็ก อีกทั้งนางไม่รู้ว่าเขาอยู่ชั้นไหน ถึงอย่างไรก็อย่าตั้งความหวังไว้จะดีกว่า

“ถ้าขายไม่ได้ ข้าจะทำงานคัดลอกหนังสือแทน!”

“วันนี้ข้าไปเปรียบเทียบสำนักศึกษาแต่ละที่มา เอาไว้พ่อของเจ้ากลับมา เราจะปรึกษากันอีกที ข้าว่าจะให้เจ้ากับน้าของเจ้าไปเรียน ที่บ้านไม่จำเป็นต้องให้เจ้าหาเงิน เจ้าเพียงขยันเรียนก็พอแล้ว”

“งั้นหรือ” ลู่ฉาวอวี่เต็มไปด้วยความผิดหวัง

มู่ซืออวี่ลูบหัวของลู่ฉาวอวี่ “ตอนนี้เจ้ายังเด็ก หากเจ้าอยากเก่งโดยไม่เรียนรู้ ถึงแม้จะหาเงินได้ เจ้าจะหาได้มากน้อยเพียงใดกัน? ไม่สู้ตั้งใจเรียนดีกว่า เจ้าอาจจะเป็นจอหงวนก็ได้”

“จอหงวน?”

“แน่นอน พ่อเจ้าเป็นคนที่เยี่ยมยอดปานนั้น ทุกคนล้วนชมว่าเขาเป็นอัจฉริยะ หลังจากเกิดเรื่องที่บ้าน คนที่ชื่นชมเขากลับเหยียบเขาจนจมดินอีกครั้ง เจ้าไม่อยากก้าวข้ามเพื่อพ่อของเจ้าหรือ?”

แววตาของลู่ฉาวอวี่แฝงความเป็นปฏิปักษ์

มู่ซืออวี่ “…”

นางพูดมากเกินไปใช่หรือไม่?

นางแค่อยากให้กำลังใจเขา ไม่ได้มีความหมายอื่นเสียหน่อย

“แน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราคือเรียนหนังสือให้กระจ่าง ไม่เช่นนั้นคงเป็นเพียงคนโง่อย่างคนอื่น”

มู่ซืออวี่ปลอบใจลู่ฉาวอวี่ จากนั้นก็หันกลับไปพบว่าลู่เซวียนจากไปแล้ว ส่วนเงินยังอยู่บนโต๊ะ

นางหยิบเงิน 50 ตำลึงเงินนั้นขึ้นมาแล้วเดินออกไป

“เงินของเจ้า…”

หลังจากเคาะประตูเรียก นางก็เปิดประตูเดินเข้าไป แต่แล้วก็ต้องกลืนคำที่นางยังพูดไม่จบกลับไป

ลู่เซวียนหันมาเอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เจ้าไม่รู้จักมารยาทหรือ บุกเข้าห้องผู้อื่นเช่นนี้ได้อย่างไร?”

มู่ซืออวี่เอ่ยถามแผ่วเบา “เจ้าคงไม่ได้… ร้องไห้อยู่หรอกนะ?”

เขากำลังสะอึกสะอื้น ไหล่สั่นเทา มือไม้ยกเช็ดน้ำตาแล้วเช็ดน้ำตาอีก

“ผู้ใดร้องไห้กัน!” ลู่เซวียนมองกลับไปอย่างฉุนเฉียว

อย่างไรเสีย ดวงตาของเขายังแดงก่ำ ปกปิดไม่มิดแต่อย่างใด

“อ้อ เจ้าไม่ได้ร้องไห้รึ”

“ข้าร้องไห้ตอนไหนกัน”

“อืม เช่นนั้นก็เก็บเงินไว้”

“เจ้าเก็บไว้เถอะ” ลู่เซวียนบอก “อาการป่วยของข้ายังต้องใช้ยา เงินเท่านี้นับเป็นอะไร ถือว่าข้าสมทบทุนให้ครอบครัวแล้วกัน”

“ไม่จำเป็น เงินภายในบ้านเพียงพอแล้ว”

“ไม่ใช่ว่าอยากสร้างบ้านหรือ?” ลู่เซวียนพูดอีกครั้ง “หรือจะบอกว่าเจ้าอยากแยกบ้านกับข้า?”

“เปล่า พูดเลอะเทอะอะไรอีก? ถ้าพี่ชายเจ้าได้ยิน เขาจะคิดว่าข้ารังแกเจ้า”

“หากไม่แยกบ้าน เจ้าควรเก็บเงินไว้” ลู่เซวียนกล่าว “หากข้ามีประโยชน์ ข้าจะได้ไม่เกรงใจเจ้า”

“เช่นนั้นก็ได้”

น้องสามีผู้นี้เป็นคนคิดมากทีเดียว

มู่ซืออวี่เก็บเงิน 50 ตำลึงเงินใส่กล่อง เขย่ามันแล้วลองฟังเสียงกระทบกัน ไม่นานก็ระบายยิ้มออกมา

บุรุษไม่อาจให้ความรู้สึกปลอดภัยแก่สตรีได้ แต่เงินให้ได้อย่างแน่นอน

“พี่สะใภ้! พี่สะใภ้อยู่บ้านหรือไม่?” เสียงของลู่เจินเจินดังมาจากข้างนอก

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท