สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 136 แข็งทื่อดุจหิน

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 136 แข็งทื่อดุจหิน

มู่ซืออวี่เปิดประตูออกมาหลังจากอาบน้ำ ก่อนจะพบว่าลู่อี้ยังยืนอยู่ด้านนอก

“อย่าขยับ”

มู่ซืออวี่ขัด ๆ เขิน ๆ อยู่บ้าง “ขอโทษที่ต้องรบกวนเจ้า”

ลู่อี้เงยหน้าขึ้นมอง “เจ้าอยากให้เนื้อตัวสกปรกแล้วต้องอาบน้ำอีกครั้งหรือ?”

มู่ซืออวี่หยุดพูดแต่โดยดี

ลู่อี้ยกอ่างน้ำออกมาแล้วย้ายไปด้านนอก มู่ซืออวี่ออกไปนั่งอยู่นอกลานบ้านแล้วเริ่มเช็ดผมเปียกชุ่มของตน

ในสมัยโบราณไม่มีเครื่องเป่าผม ผมของนางยาวมาก ยากที่จะเป่าให้แห้งในทุกครั้งที่สระผม ยิ่งวันนี้นางเหงื่อไหล เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยเศษฝุ่น นางต้องสระผมเมือก ๆ ของตน

ทว่าจู่ ๆ ก็มีมือหนึ่งหยิบผ้ามาเช็ดผมให้

“ท่านแม่ ข้าทำด้วยตนเองได้”

“แม่ก็อยากช่วยเจ้า แต่แม่กำลังอาบน้ำให้อวิ๋นเอ๋อร์…” เสียงของถงซื่อดังขึ้นจากไกล ๆ

มู่ซืออวี่ประหลาดใจ นางหันกลับไปมองก็พบแววตาอันลึกล้ำของลู่อี้

“ข้าจะทำเอง”

มู่ซืออวี่เอื้อมมือคว้าผ้าขนหนู แต่ลู่อี้หลบได้ทัน

ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่ว “เพราะเหตุใดกัน เจ้ากลัวข้าทำร้ายเจ้าหรือ?”

“ไม่ใช่”

กลัวเจ็บก็ไม่ได้หรือไง มาทำแบบนี้อึดอัดใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

นางเพียงต้องการอาบน้ำและเช็ดผมให้แห้งด้วยตนเอง แต่เขาทำแบบนี้ก็ยิ่งกระชับความสัมพันธ์มากขึ้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะต้องรู้สึกผูกพันธ์กับเขา แล้วในอนาคตจะทำใจจากไปได้อย่างไร?

“วันนี้ไม่ใช่กลิ่นส้มหรือ?” ลู่อี้ถาม

แก้มของมู่ซืออวี่พลันแดงก่ำ “ยังเป็นกลิ่นส้มนั่นแหละ แต่…”

“แต่อะไรหรือ?” ลู่อี้ถามเสียงอ่อนโยน การกระทำของเขาอ่อนโยนจนแทบจะดูไม่ออกเลยว่าเขาสังหารหมูป่าได้ด้วยสองมือ

“หยุดถามได้แล้ว” มู่ซืออวี่ชักจะรำคาญใจ

ลู่อี้กล่าวว่า “ยังเป็นกลิ่นส้ม แต่…”

“หยุดพูดได้แล้ว” มู่ซืออวี่หันกลับมามองเขา “โอ๊ย!”

ลู่อี้รีบปล่อยมือแล้วพยุงนางเอาไว้ทันที “ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”

“ถามเช่นนี้ได้อย่างไร?” มู่ซืออวี่กล่าวด้วยความเจ็บปวด

นางเอื้อมมือกุมศีรษะแล้วจ้องเขาด้วยความโกรธ “ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้า”

ลู่อี้ช่วยเป่าจุดที่นางรู้สึกเจ็บ

“ฟู่… ดีขึ้นบ้างหรือไม่?”

“ข้า… ข้าไม่ใช่เด็กนะ” หัวใจของมู่ซืออวี่เต้นระรัว “เจ้าคิดว่าการปลอบโยนข้าเพียงเท่านี้จะทำให้หายดีหรือ?”

“ข้าขอโทษ ข้าไม่ควรแกล้งเจ้าเลย” ลู่อี้ลูบศีรษะนางด้วยความรู้สึกผิด “ข้าจะช่วยกดให้”

มู่ซืออวี่ดึงผ้าเช็ดตัวจากมือเขา “ข้าจะเช็ดเอง”

ลู่อี้ไม่ได้กวนนางอีกต่อไป แต่เขาก็ยังคงไม่จากไป ชายหนุ่มทำเพียงลูบบริเวณที่นางเจ็บเป็นครั้งคราว

“เจ้าไปอาบน้ำเถิด ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว” มู่ซืออวี่ยืนขึ้น

ทว่าลู่อี้กอดนางจากด้านหลัง มู่ซืออวี่จึงตัวแข็งทื่อในทันที

“เจ้า…”

“ขอกอดเจ้าสักนิดเถิด” น้ำเสียงของลู่อี้เหลือเพียงความเหนื่อยล้า “ข้าเหนื่อยมาก…”

มู่ซืออวี่ “…”

นางเองก็รู้สึกเหนื่อย เหนื่อยมากด้วย

แล้วนี่เขาพยายามจะทำอะไร?

ลู่เซวียนจ้องมองสองสามีภรรยาที่กำลังพลอดรักกันหน้าบ้าน จากนั้นก็ค่อย ๆ เอื้อมมือปิดหน้าต่างอย่างแผ่วเบา

ทุกคนต่างคิดว่าพี่ชายของเขาสัตย์ซื่อและเป็นชายหนุ่มที่พูดไม่เก่ง

ฮ่าฮ่า

หมาป่าใหญ่ในคราบสุนัขจิ้งจอกตัวนี้น่ากลัวเพียงใด มีเพียงศัตรูของเขาเท่านั้นที่ล่วงรู้ได้

มู่ซืออวี่จำไม่ได้ว่าตนกลับเข้าไปในห้องแล้วเอนกายนอนได้อย่างไร นับตั้งแต่ถูกลู่อี้สวมกอด นางก็รู้สึกงุนงง ไม่อาจจดจำเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นได้

ไม่ได้ การกระทำเช่นนี้ทำให้จิตใจของนางว้าวุ่น ต้องรีบจัดการความคิด

ลู่อี้ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?

เขาพยายามทำให้นางลุ่มหลงใช่หรือไม่?

เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขายอมรับนางเป็นภรรยาอย่างเต็มใจ แล้วอยากใช้ชีวิตกับนางอย่างปกติสุข?

หากเป็นเช่นนั้น… ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร

อย่างไรก็ตาม เขาต้องกลายเป็นวายร้ายตามโครงเรื่องเดิม แต่จะเป็นวายร้ายได้อย่างไรนั้น ต้นฉบับไม่ได้ลงรายละเอียดถึงความเป็นไปทั้งหมด แต่สิ่งที่แน่นอนคือเส้นทางครึ่งแรกของชีวิตเขาค่อนข้างคดเคี้ยว ราวกับถูกผลักเข้าสู่เส้นทางของวายร้ายไปเรื่อย ๆ

หากนางตกลงคบรักกับเขาแล้วเขากลายเป็นวายร้ายละก็…

ไม่ ไม่ว่าพวกเราจะได้อยู่ด้วยกันหรือไม่ก็ไม่สำคัญเท่าลูกทั้งสองคน ลู่อี้ไม่ใช่คนเลวร้าย นางต้องหาทางเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของพวกเขา เหตุใดชายที่ดีเช่นนี้จะกลายเป็นวายร้ายได้?

ไม่จำเป็นต้องคิดมาก ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามธรรมชาติดีกว่า! ตอนนี้ครอบครัวของนางยากจนมาก สิ่งสำคัญที่สุดคือการหาเงิน

ร่างกายอันเย็นเยือกของบุคคลหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลัง ร่างนั้นเอื้อมมือมาโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน

มู่ซืออวี่ตัวแข็งทื่ออีกครั้ง

“ลู่อี้ เจ้ากำลังจะทำอะไร?”

“ข้าเพียงอยากกอดเจ้าก็เท่านั้น” ลู่อี้กล่าวพลางหลับตาลง

มู่ซืออวี่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ สุดท้ายนางก็นอนเอนกาย ฟังเสียงลมหายใจของเขา

ช่างเถิด!

กอดสักนิดก็คงไม่เป็นอะไร ร่างกายจะได้อบอุ่นอย่างไรเล่า

หากนางผอมลงกว่านี้ก็คงเป็นเรื่องดีไม่น้อย ร่างกายนี้ยังมีไขมันอยู่ นางต้องทำงานหนักเพื่อลดรูปร่างให้ผอมบาง

หลังจากมู่ซืออวี่หลับตาลง ลู่อี้ก็ลืมตาพร้อมมุมปากที่ยกขึ้น

รอยยิ้มปรากฏชัดบนใบหน้าชายหนุ่ม

เช้าวันต่อมา มู่ซืออวี่ก็ตื่นขึ้น นางบิดร่างกายไปมา

“หลับสบายแฮะ”

ทันใดนั้นนางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เมื่อมองไปด้านข้างก็พบว่าเขาหายไปแล้ว นางจึงรู้สึกโล่งใจในทันที

เมื่อนึกถึงท่าทางแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน นางก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า เป็นเพราะงานที่ศาลาว่าการเคร่งเครียดหรือยากเกินไปกระมัง เขาจึงอ่อนไหวมากเช่นนี้

“กำลังคิดอะไรอยู่?” ลู่อี้ผลักประตูออกพลางเดินเข้ามา

“เอ่อ…” มู่ซืออวี่มองเขาอย่างว่างเปล่า ผมเผ้าตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมด

ลู่อี้ยิ้มพลางกล่าวว่า “ลุกขึ้นมากินข้าวก่อนเถิด”

“หน้าของเจ้า…” มู่ซืออวี่ชี้ไปยังแก้มของเขา

“ข้าทาที่บำรุงผิวน่ะ” ลู่อี้กล่าวอย่างแผ่วเบา “ข้าเคยไปพบหมอ เขาบอกว่ารอยแผลเป็นบนใบหน้าของข้าสามารถลบออกได้ ตอนนั้นข้าคิดว่ามันเปล่าประโยชน์จึงจากไปโดยไม่ทำสิ่งใด แต่ตอนนี้ข้าอยากลองดู”

“เหตุใดจึงอยากลองในตอนนี้เล่า?” มู่ซืออวี่งุนงง “แม้จะมีรอยแผลเป็นบนใบหน้าก็ไม่เห็นเป็นอะไร”

รอยแผลเป็นนั้นคือ ‘สัญลักษณ์’ ที่ถูกทิ้งไว้ตอนช่วยเหลือน้องชาย นางจึงไม่เคยคิดว่ารอยแผลเป็นนี้น่ารังเกียจ แม้เขาจะเคยมีใบหน้างดงามก่อนจะเสียโฉม แต่รอยแผลเป็นนี้ก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาของเขาจางหายไป

“เจ้าไม่คิดว่ามันน่ารังเกียจหรือ?” ลู่อี้สัมผัสรอยแผลเป็นนั้น

“ข้าไม่เคยคิดอย่างนั้น”

“แต่…” ลู่อี้เดินเข้ามาหานาง “จู่ ๆ ข้าก็รู้สึกอยากให้มันกลับมาเป็นเช่นเดิม”

เขาต้องการเห็นการแสดงออกของนางเมื่อเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา เขาหงุดหงิดเวลาที่ผู้หญิงคนอื่นมองเขาอย่างลุ่มหลง แต่พอเป็นหญิงผู้นี้กลับไม่รู้สึกรำคาญใจ

“โอ้” มู่ซืออวี่กล่าวด้วยความเข้าใจ “ทุกคนรักในความงดงาม ผู้ชายอย่างเจ้าก็เช่นเดียวกัน”

“อืม รูปร่างหน้าตาของข้าราชการจะต้องไม่มีข้อบกพร่อง ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถเลื่อนตำแหน่งได้”

“เป็นเช่นนี้เองหรือ” มู่ซืออวี่ตกตะลึง

เพราะตามหนังสือต้นฉบับ แม้รูปร่างหน้าตาของเขาจะเป็นเช่นเดิมแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจเลื่อนตำแหน่งได้

มู่ซืออวี่งุนงง ทันใดนั้นนางก็พลันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นบนแก้ม มองลงไปก็พบนิ้วของเขากำลังสัมผัสมุมปากนางอยู่

“มีน้ำลายที่มุมปากเจ้า” ลู่อี้กล่าวอย่างแผ่วเบา “ข้าจะเช็ดให้”

มู่ซืออวี่ “…”

นางผลักมือเขาออกก่อนจะเช็ดน้ำลายที่มุมปากของตนด้วยแขนเสื้อ

ลู่อี้ยิ้มจาง ๆ แววตาของเขาที่จ้องมองมาดุจแสงอาทิตย์ ทั้งสว่างไสว และคลอไปด้วยไออุ่น

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท