บทที่ 207 เนื้อที่มาถึงปากหลุดลอยไปอีกครั้ง
บทที่ 207 เนื้อที่มาถึงปากหลุดลอยไปอีกครั้ง
ลู่อี้เอ่ยกับทหารคุ้มกันที่อยู่ข้าง ๆ “ข้าขอยืมดาบ”
ทหารคนนั้นมองฟ่านหยวนซี เจ้าตัวสะบัดมือเป็นการตอบตกลง
ลู่อี้รับดาบที่ทหารคุ้มกันส่งมาแล้วกรีดท้องหมูป่า เผยให้เห็นบางสิ่งต่อหน้าทุกคน
“ฝ่าบาท นี่เป็นคำอธิบายของข้า”
ฟ่านหยวนซีผลักสาวรับใช้ที่กำลังป้อนองุ่นออกไป ก้าวออกไปมองดูของที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยสายตาวาววับ
“เจ้าไปเจอมันจากที่ใด?”
มู่ซืออวี่และลู่เซวียนรออยู่ที่โรงเตี๊ยมเป็นเวลาห้าวัน หากไม่ใช่เพราะลู่อี้ส่งจดหมายมาระหว่างทาง พวกเขาอาจจะตรงไปที่จวนจงอ๋องเพื่อตามหาคนนานแล้ว
ห้าวันต่อมา ลู่อี้ก็กลับมา
“ท่านพี่”
“สามี”
ทั้งสองวิ่งเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าลู่อี้
“ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” ทั้งสองคนเอ่ยออกมาพร้อมกัน
ลู่อี้ยิ้มบาง ๆ “ไม่เป็นไร”
“แล้วจงอ๋อง…”
“จงอ๋องจะไม่ติดตามเอาความเรื่องนี้แล้ว” ลู่อี้เอ่ยขึ้น “พวกเรากลับได้แล้ว”
“พี่ชายเสี่ยวเอ้อร์ รบกวนนำน้ำอุ่นมาให้เรา” มู่ซืออวี่บอกเสี่ยวเอ้อร์ของโรงเตี๊ยม
ลู่อี้มีเคราเขียวครึ้มขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาของเขาถูกบดบังหมดสิ้น ราวกับคนอพยพหลบหนี ใต้ตาของเขามีก้อนเมฆดำทะมึน ประหนึ่งไม่ได้หลับนอนมาหลายวัน
เขาอาบน้ำร้อนก่อน จากนั้นก็ออกมาหลังจากสวมใส่เสื้อผ้าสะอาด มู่ซืออวี่ไปซื้อเครื่องมือในการโกนหนวดเครามาให้เขาแล้ว
“อึก!” ลู่อี้ยกแขนขึ้น ใบหน้าเต็มไปเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“เป็นอะไรไป?” มู่ซืออวี่วางอ่างน้ำในมือลงทันที “บาดแผลของเจ้าฉีกหรือ?”
“แขนข้างนี้ยกขึ้นไม่ได้” ลู่อี้ขมวดคิ้ว “ช่างมันเถอะ ตอนนี้ปล่อยไปก่อน ให้แขนข้างนี้ดีขึ้นแล้วค่อยจัดการอีกที”
“ได้อย่างไร?” มู่ซืออวี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าจะไปตามน้องสามีมาช่วย”
“น้องเซวียนออกไปข้างนอกแล้ว” ลู่อี้กล่าว “ตอนที่เจ้าไปนำน้ำมา เขาก็ออกไปแล้ว บอกว่าจะไปซื้ออาหารขึ้นชื่อของซูโจวกลับไปให้เด็ก ๆ สักหน่อย”
“เช่นนั้น…” มู่ซืออวี่ลังเลใจอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
แต่นางไม่เคยใช้เครื่องมือโกนหนวดเครายุคโบราณ
“ไม่เป็นไร อีกสองสามวันข้าค่อยจัดการ หากข้ากลับไปศาลาว่าการแล้วไม่มีใครจำข้าได้ ข้าก็ยังมีป้ายชื่อพิสูจน์ตัวตน”
มู่ซืออวี่ “…”
ใบหน้าเปลี่ยนแปลงเพียงแค่นี้ เหตุใดคนจะจำไม่ได้เล่า?
“ไม่อย่างนั้น ให้ข้าช่วยท่านดีหรือไม่? แต่ข้าไม่เคยทำ ไม่รู้ว่าจะทำให้ท่านเจ็บหรือเปล่า”
“ได้”
ลู่อี้ตอบตกลงในทันใด
มู่ซืออวี่รู้สึกราวกับตนยกหินขึ้นมาทุบเท้าตนเอง ทว่าขี่หลังเสือแล้วลงยาก เช่นนั้นก็ลองดูเถอะ!
ยุคโบราณในต่างมิตินี้สามารถโกนหนวดได้ อีกทั้งเครื่องมือโกนหนวดยังคล้ายคลึงกับยุคปัจจุบัน หรือจะเคยมีนักเดินทางข้ามเวลามาที่นี่ ไม่เช่นนั้นผงสำหรับโกนหนวดและมีดที่ทำขึ้นมาโกนหนวดโดยเฉพาะคงไม่ถูกคิดค้นขึ้นมา
ตอนที่มู่ซืออวี่ซื้อมันมา นางถามเถ้าแก่ร้าน จึงรู้มาว่าผงนี้ต้องผสมกับน้ำร้อน จนกระทั่งเนื้อเรียบเนียน หลังจากนั้นให้ทาบนผิวคาง แล้วค่อย ๆ โกนออกด้วยใบมีดอย่างเบามือ
ลู่อี้นั่งบนเก้าอี้ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย
มู่ซืออวี่ยืนอยู่ข้างหน้าเขา เตรียมน้ำยาโกนหนวดเอาไว้ในมือ เมื่อสบตากับสายตาเร่าร้อนคู่นั้น นางก็รู้สึกประดักประเดิด
“ข้าจะเบามือที่สุดเท่าที่ทำได้”
“นิดหน่อย ไม่เป็นไร” ลู่อี้เอ่ยขึ้นมา “ไม่ต้องกังวล ผิวหน้าข้าหนามาก ไม่ได้บอบบางเพียงนั้น”
มู่ซืออวี่ปาดน้ำยาโกนหนวดลงไปบนหน้าของเขา จากนั้นค่อย ๆ ลูบไปทั่วปลายคาง
ลู่อี้รู้สึกคันเล็กน้อยเมื่อสิ่งนั้นปาดลงบนใบหน้า แต่ไม่ว่าเขาจะคันหน้าเพียงใด ก็ไม่เท่ากับความคันยุบยิบในหัวใจ
สายตาของเขาราวกับมีไฟลุก ไม่เพียงแต่แผดเผาตนเอง ทว่าแผดเผาไปถึงสตรีที่อยู่ตรงหน้าเขา
มู่ซืออวี่รู้สึกราวกับมีบางสิ่งกำลังเปลี่ยนแปลง หัวใจของนางกำลังสั่นไหว
แม้แต่ในยุคสมัยใหม่ บุรุษหนุ่มเช่นนี้ยังเรียกได้ว่าดีที่สุด สวรรค์ถึงได้ส่งนางมาอยู่ข้างกายเขา เข้าสู่ป้อมปราการของเขาด้วยความจำยอม รับตำแหน่งเป็นภรรยาของเขาแบบนี้ เพราะคิดว่านางมีความสามารถอะไรกัน
“ปิดตาหน่อยสิ” มู่ซืออวี่รู้สึกขัดเขินจนไม่กล้าใช้มีดโกน
“ข้าจะมองเจ้าแบบนี้ โกนไปเถิด” เสียงของลู่อี้แหบพร่าเล็กน้อย ประหนึ่งว่าเขากำลังข่มอารมณ์บางอย่างอยู่
“ข้า…” มู่ซืออวี่ปิดตาของเขาด้วยมือของนาง จากนั้นค่อย ๆ เอื้อมมีดเข้าไปใกล้ ๆ แก้มเขา
มือของนางสั่นไม่หยุด
ขนตาของเขาขยับไหว สะกิดหัวใจของนางเบา ๆ
ลู่อี้คว้ามือของนาง ชักมือนางให้ค่อย ๆ โกนลงบนใบหน้าเขาอย่างช้า ๆ
มู่ซืออวี่มองดูหนวดเคราของเขาหลุดออกไปทีละน้อย มือของนางร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิม
เมื่อโกนข้างหนึ่งเสร็จแล้ว อีกข้างก็จัดการง่ายขึ้นกว่าเดิม มู่ซืออวี่จัดการเสร็จอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องมีลู่อี้คอยแนะนำ
“เสร็จแล้ว” มู่ซืออวี่บิดผ้าชุบน้ำร้อน จากนั้นค่อย ๆ เช็ดสิ่งตกค้างบนใบหน้าเขาออก
ลู่อี้ฉวยผ้าจากมือนาง แล้วโยนลงไปในอ่างไม้ที่อยู่ข้าง ๆ จนเกิดเสียงซ่า น้ำกระเซ็นออกมา ผ้าผืนนั้นจมลงไปในน้ำร้อน
เขาคว้ามือนาง ดึงให้เข้าสู่อ้อมแขนของตน จากนั้นกอดเอวบางของนางไว้ กดท้ายทอยของนางลงมา เงยหน้าขึ้นจูบบนริมฝีปากแดงระเรื่อ
เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ร่างกายจึงมีกลิ่นหอมจาง ๆ หลงเหลืออยู่ นอกจากจะเหมือนกลิ่นจ้าวเจี่ยว*[1] ก็ยังมีกลิ่นหอมจากดอกไม้ที่นางพรมใส่เสื้อผ้าของเขาลอยอยู่จาง ๆ
มู่ซืออวี่ไม่หลีกหนีอีกต่อไป ตอบรับจูบจากเขาแต่โดยดี
ชายคนนี้…
นางไม่อยากลังเลใจอีกต่อไปแล้ว
ลู่อี้เห็นความกระตือรือร้นของนางในวันนี้ ภูเขาไฟที่ซุ่มอยู่เงียบ ๆ พลันปะทุออกมาทันที
เขาอุ้มนางไปที่เตียง
มู่ซืออวี่เขินอายขึ้นมา นางได้แต่มองชายตรงหน้าเปลื้องผ้าออกชิ้นแล้วชิ้นเล่า สายตาของเขาราวกับจะกลืนกินนางลงไปทั้งตัว
“แผลของท่าน” มู่ซืออวี่เห็นแผลของเขาแล้วเริ่มกังวลเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร” ลู่อี้ไม่อยากให้นางให้ความสนใจกับ ‘สิ่งเล็กน้อย’ นี้
กว่านางจะลดกำแพงลงไม่ง่ายดายเลย วันนี้อย่าได้คาดหวังว่าเขาจะหยุด
มู่ซืออวี่หลับตาลง ปล่อยให้เขาปลุกเพลิงเร้าทั่วร่างกายของตน
อุณหภูมิในห้องสูงขึ้นอย่างน่าละอาย
มือของมู่ซืออวี่ขยุ้มผ้าห่ม หัวใจเต้นระรัวยิ่งกว่าเดิม ราวกับมันจะหลุดออกมาหลังจากนี้
ประหนึ่งว่านางอยู่บนคลื่นทะเล คลื่นซัดระลอกแล้วระลอกเล่า แต่ละครั้งกระหน่ำโหมกว่าครั้งก่อน
“สามี…” มู่ซืออวี่ยังดูกลัว ๆ อยู่
ลู่อี้สัมผัสได้ถึงความตระหนกของนาง ในใจรู้สึกสงสาร เขาจึงขยับอย่างนุ่มนวลมากขึ้น
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า ซืออวี่” ลู่อี้เชยคางนางขึ้นมาพลางลูบอย่างแผ่วเบาสองสามครั้ง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและความปรารถนา
มู่ซืออวี่ผ่อนคลายลง ยอมวางมือลงบนสะโพกของเขา
สายตาของทั้งสองคนมีเพียงกันและกัน ดวงดาวเปล่งประกายระยิบระยับ ราวกับผ่านไปแล้วหลายพันปี คืนนี้ทั้งสองต่างยอมรับซึ่งกันและกันโดยสมบูรณ์
ลู่อี้ค่อย ๆ ก้มหน้าลง ปล่อยให้ลมร้อน ๆ รินรดลงบนลำคอของนาง
ก่อนจะกดร่างลงไป…
“ท่านลูกค้าที่อยู่ข้างใน ข้างนอกมีคนต้องการพบท่าน” เสี่ยวเอ้อร์ของโรงเตี๊ยมเคาะประตู
ลู่อี้ “…”
เมื่อเห็นสีหน้าดำทะมึนของลู่อี้ มู่ซืออวี่ก็หัวเราะคิกคัก
ลู่อี้ได้ยินเสียงหัวเราะไร้หัวใจ จึงก้มลงกัดที่คอนางหนึ่งครั้ง
เสียงเคาะประตูดำเนินต่อไป ครั้งนี้ไม่ใช่เสียงของเสี่ยวเอ้อร์โรงเตี๊ยม แต่เป็นเสียงกระด้างเสียงหนึ่ง “นายท่านลู่อยู่หรือไม่? จงอ๋องเชิญท่านเข้าเฝ้า”
จงอ๋อง!
ดวงตาของมู่ซืออวี่เบิกกว้าง นางมองลู่อวี้อย่างกังวล
ลู่อี้รู้ว่าวันนี้จะมีเรื่องวุ่น ๆ เกิดขึ้นอีกแล้ว เขาพลันรู้สึกรำคาญจงอ๋องผู้นี้มากกว่าเดิม
“ไม่ต้องกลัว ข้าไปแล้วจะรีบกลับมา”
“ไม่ใช่บอกว่าเรื่องเสือแก้ปัญหาได้แล้วไม่ใช่หรือ” มู่ซืออวี่ดึงเสื้อผ้าขึ้นมา “เขายังจะต้องการอะไรจากท่านอีก”
[1] จ้าวเจี่ยว คือ ฝักผลจากต้นจ้าวเจีย ชื่อวิทยาศาตร์คือ Gleditsia sinensis เป็นพืชดอกสมุนไพรของจีนที่นำมาใช้เป็นสบู่