บทที่ 209 ฮูหยินเมิน จะทำอย่างไรดี
บทที่ 209 ฮูหยินเมิน จะทำอย่างไรดี
ลู่อี้ตามมู่ซืออวี่มาด้วย เขามองนางค่อย ๆ จมจ่อมไปกับงานของนาง ลืมแม้กระทั่งว่าเขาอยู่ตรงนี้ด้วย
หลอกลวงจริงเชียว ไม่ใช่บอกว่าแค่ครู่เดียวเองหรือ? นี่มันครู่เดียวอย่างไรกัน? นางลืมสิ้นว่าตรงนี้ยังมีสามีรอนางอยู่ ในความคิดคงไม่หลงเหลืออย่างอื่นแล้วนอกจากงาน
หลังจากจัดการกับงานที่สะสมพะเนินเทินทึกช่วงนี้แล้ว นางก็เริ่มคิดตัวอย่างสินค้าใหม่อีกครั้ง ตอนที่คิดตัวอย่างของสินค้าใหม่ นางกัดปลายพู่กันอย่างใช้ความคิด แววตาเต็มไปด้วยม่านหมอก งดงามน่าหลงใหลเป็นอย่างมาก
ลู่อี้นั่งลงตรงข้ามนาง เห็นนางลืมตนเช่นนี้จึงหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา
หนังสือเล่มนั้นเต็มไปด้วยเครื่องเรือนหลากหลายรูปแบบ บางอย่างเคยเห็น บางอย่างไม่เคยเห็น ไม่ว่าจะเคยเห็นหรือไม่ ก็แตกต่างจากของบ้านอื่นอย่างเห็นได้ชัด
“เฟิงเจิง รายการพวกนี้เป็นของที่ข้าต้องการ เจ้าเตรียมคนไปซื้อมาให้ข้า พรุ่งนี้ข้าต้องใช้”
“ได้เลย”
“ช่วงนี้ต้องลำบากทุกคนแล้ว ข้าดูสมุดบัญชีที่เจ้าเขียนแล้ว สมุดบัญชีก็เขียนได้ดีกว่าเมื่อก่อนเช่นกัน นับว่าพวกเจ้าก้าวหน้ามาก นับจากเดือนนี้เป็นต้นไป ข้าจะเพิ่มค่าแรงให้เจ้าหนึ่งตำลึงเงิน เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศ แค่ตัวเจ้ารู้ก็พอแล้ว”
“ข้าเข้าใจแล้ว เถ้าแก่เนี้ย” เฟิงเจิงร่าเริงขึ้นมาทันที
“อะแฮ่ม!” ลู่อี้แสร้งไอเบา ๆ
มู่ซืออวี่หันหน้ามา เมื่อเห็นลู่อี้ก็เอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ท่านไม่ไปศาลาว่าการหรือ?”
นางคิดว่าเขาจะไปศาลาว่าการ ถึงอย่างไรครั้งนี้เขาก็เดินทางไปหลายวัน ดูจากตำแหน่งปัจจุบันของเขา เขาคงมีงานราชการที่ต้องสะสางกองเป็นภูเขาแล้ว
“จัดการเสร็จหรือยัง?” ลู่อี้ถามขึ้น “ไม่ได้เจออวิ๋นเอ๋อร์หลายวันแล้ว เจ้าไม่คิดถึงนางหรือ?”
มู่ซืออวี่เงยหน้าขึ้นมา “ถึงเวลาต้องกลับแล้วจริง ๆ”
เรื่องอื่น ๆ ล่าช้าได้ แต่เรื่องภรรยาและลูกสาวในครอบครัวสำคัญที่สุด เป็นเรื่องที่พวกเขาต้องให้ความสำคัญก่อนสิ่งอื่นใด
ณ หมู่บ้านครอบครัวลู่ เมื่อลู่อี้บังคับรถม้ากลับมา ผู้คนในหมู่บ้านล้วนทักทายเขาอย่างอบอุ่น
“ลู่อี้ บ้านข้าง ๆ พวกเจ้าเกิดเรื่องแล้ว”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”
ลู่อี้ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด คนที่เปิดปากขึ้นกลับเป็นมู่ซืออวี่
ลู่อี้ออกไปตั้งแต่เช้ากลับมาก็ค่ำมืดดึกดื่นแล้ว เขาจึงไม่ได้พูดคุยกับบ้านข้าง ๆ แต่มู่ซืออวี่ไปมาหาสู่กับอันอวี้ เมื่อได้ยินว่าบ้านข้าง ๆ เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของนางคือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับแม่นางน้อยคนนั้นหรือไม่
“อวี้ซื่อคนนั้นช่างเหลือเกินจริง ๆ ถึงกับทำให้ลูกสาวตาบอดของตนหิวจนเกือบตาย ถ้าลูกชายของเขาไม่กลับมากะทันหันแล้วพบเข้า เกรงว่าจะเกิดบางอย่างกับแม่นางน้อยคนนั้นจริง ๆ แล้ว”
“นางเหลือแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายเชียวนะ! หากไม่ใช่พี่ชายน้อยคนนั้นในครอบครัวกลับมา จะต้องอดอยากจนตายจริง ๆ แน่!”
ลู่อี้ไม่สนใจ เขาบังคับรถม้ากลับบ้านทันที
มู่ซืออวี่จำได้ว่าเจ้าของร่างเดิมเคยทำอย่างไรกับลู่ฉาวอวี่และน้องสาว สิ่งที่อวี้ซื่อทำในตอนนี้คือสิ่งที่เจ้าของร่างเดิมเคยทำ และสิ่งที่อันอวี้กำลังเผชิญตอนนี้เป็นสิ่งที่ลู่ฉาวอวี่และน้องสาวเคยทนทุกข์ทรมานมาก่อน เพียงแต่นางปรากฏตัวขึ้น วันคืนที่ลู่ฉาวอวี่และน้องสาวได้รับความยากลำบากจึงจบสิ้นลง ช่างน่าสงสารที่แม่นางน้อยอันอวี้กลับไม่ได้โชคดีเช่นนั้น
“ท่านแม่ น้องสาวร่างกายอ่อนแอ นางต้องต้องบำรุงร่างกายให้ดีนะขอรับ” เสียงของอันอี้หางดังออกมา
“นางเป็นแค่แม่นางน้อยคนหนึ่ง จะต้องกินของดีขนาดนั้นเชียวรึ? แม่ลำบากยากเข็ญกว่าจะเลี้ยงเจ้าจนเติบใหญ่ เพียงหวังว่าเจ้าจะโดดเด่นขึ้นมา ภายหน้าเจริญรุ่งเรือง เช่นนี้แม่จะได้พลอยมีวาสนาไปด้วย แต่ดูเจ้าตอนนี้สิ ขีดเขียนอะไรไม่รู้ทั้งวี่ทั้งวัน เจ้าเสียเวลาเล่าเรียนไปกับการหาเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้มากเพียงใดแล้ว? หากเจ้าสอบไม่ผ่านขึ้นมา เจ้าไม่ละอายใจต่อแม่หรือไร?”
เสียงร้องไห้อย่างขมขื่นของอวี้ซื่อดังออกมา
มู่ซืออวี่นึกไม่ออกว่าหญิงที่ทะนงตนเช่นนั้นก็สามารถร้องไห้อย่างปวดใจต่อหน้าลูกชายได้
ประตูบ้านถูกลงกลอนไว้ ในบ้านไม่มีคน ลู่จื่ออวิ๋นคงอยู่กับถงซื่อ ลู่เซวียนบอกว่าเขาจะไปเรียกเด็ก ๆ มา มู่ซืออวี่จึงให้เขาไป พอนางเปิดประตูออกเตรียมจะเข้าไป กลับเห็นอันอี้หางเดินออกมาจากบ้านอย่างท้อใจ
อันอี้หางเห็นสองสามีภรรยาคู่นี้ แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ
“เหตุใดพวกท่านจึงอยู่ที่นี่?”
มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้นว่า “ดูเหมือนน้องสาวของท่านจะไม่ได้บอกท่านว่าพวกเราอาศัยอยู่ที่นี่”
เมื่อเอ่ยถึง ‘น้องสาว’ สีหน้าของอันอี้หางก็เปลี่ยนเป็นดูไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม
“สุขภาพของนางไม่สู้ดี จึงไม่มีเวลาบอกข้า” อันอี้หางกล่าว “บังเอิญจริง ๆ”
“เป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ” มู่ซืออวี่ผลักประตูเปิดออก “ท่านอยากเข้ามานั่งสักครู่หรือไม่?”
อันอี้หางเหลือบมองลู่อี้
ลู่อี้พูดขึ้นเสียงเรียบ “เข้ามาเถอะ”
อันอี้หางจึงเดินเข้าไปในบ้านของพวกเขา
“ระยะนี้พวกท่านไม่อยู่บ้านหรือ?”
“ใช่แล้ว ออกเดินทางไปข้างนอกน่ะ”
ทั้งยังเกือบจะกลับมาไม่ได้แล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ก็ยังหลงเหลือความหวาดกลัวเล็กน้อย กล่าวได้เพียงว่าตัวร้ายผู้ยิ่งใหญ่ก็เป็นตัวเอกฝ่ายชายเช่นกัน ดังนั้นจึงเกิดปัญหาทุกครั้งไม่ว่าจะไปที่ใด แต่ทุกครั้งก็กลับร้ายกลายเป็นดีได้เสมอ ความโชคดีนี้ทำให้ผู้คนจนปัญญาจริง ๆ
อันอี้หางมองไปรอบ ๆ ตัวบ้าน
บ้านหลังนี้ดีที่สุดในหมู่บ้าน ทั้งใหญ่โตและสวยงาม มองไปทางแปลงผักด้านโน้น ไม่เพียงแต่ปลูกผักมากมายหลายชนิด แต่ยังปลูกดอกไม้เอาไว้จำนวนมากอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าครอบครัวนี้มีอารมณ์สุนทรีเป็นอย่างมาก
“นั่นอะไร?”
“เครื่องรดน้ำด้วยตนเอง” มู่ซืออวี่หันไปมองจึงรู้ว่าอันอี้หางถามถึงอะไร นางกล่าวว่า “ระยะนี้ที่ข้าไม่อยู่ ดอกไม้ใบหญ้าและพืชผักที่นี่รดด้วยน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขา ทำอย่างนี้จะได้ไม่เหี่ยวตายเอาน่ะ”
“แล้วอันนั้นล่ะ?”
“เล้าไก่ ตรงนั้นเป็นบ้านของเสี่ยวเฮยของพวกเรา หรือก็คือบ้านสุนัขน่ะ ทางนั้นเป็นคอกม้า ครอบครัวเราเช่ารถม้ามาสองคัน จึงต้องมีที่เลี้ยงม้าแยกออกมาต่างหาก”
ลู่อี้รินน้ำชา แล้ววางไว้ข้างอันอี้หาง “จิบชาสักหน่อย”
“ขอบคุณ” อันอี้หางมองอีกฝ่าย “พวกเราเคยเจอกันใช่หรือไม่?”
“อืม”
“อันอวี้เป็นอย่างไรบ้าง?” มู่ซืออวี่ถามอันอี้หาง
“ท่านหมอจูบอกว่านางต้องพักฟื้น ช่วงนี้จะให้นางหิวอีกไม่ได้เป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นร่างกายของนางคงทนไม่ไหวแล้ว”
ตอนที่กล่าวถึงอันอวี้ สีหน้าของอันอี้หางเต็มไปด้วยความว้าวุ่นใจ
“ข้าถามสักหนึ่งคำได้หรือไม่ ตาของอันอวี้เป็นเช่นนี้ตั้งแต่เกิดหรือว่า…”
“เมื่อห้าปีก่อน ท่านพ่อของข้าเปิดโรงน้ำชา ท่านแม่และอันอวี้คอยช่วยรับลูกค้า อยู่มาวันหนึ่งก็เจอกับอันธพาลคนหนึ่งคิดจะลวนลามอันอวี้ พ่อแม่ของข้าเข้าไปห้ามปราม ด้วยเหตุนี้ระหว่างช่วงชุลมุนท่านพ่อของข้าจึงถูกอีกฝ่ายทุบตีจนตาย ส่วนอันอวี้ชนเข้ากับมุมโต๊ะ ทำให้สูญเสียการมองเห็นหลังจากตื่นขึ้นมา”
“เพราะเหตุนี้ใช่หรือไม่ แม่ของท่านจึงได้ถือโทษโกรธเคืองอันอวี้?”
“อืม”
“ท่านไม่อาจช่วยน้องสาวจากแม่ได้ทุกวัน หากแม่ของท่านยังไม่รู้ว่าตนทำกับอันอวี้เกินไป เรื่องนี้ก็จะยังไม่ได้รับการแก้ไข”
“ฮูหยินมีวิธีหรือ?”
มู่ซืออวี่ส่ายหัว
หากข้าราชการที่ซื่อตรงยังตัดสินเรื่องในครอบครัวไม่ได้ นางก็แก้ไม่ได้
“ท่านเป็นที่พึ่งพาของแม่ ขอแค่ท่านอธิบายว่าน้องสาวคนนี้สำคัญต่อท่านอย่างไร นางจะไม่กล้าทำเกินไป” ลู่อี้เอ่ยขึ้นเบา ๆ “ตอนนี้อยู่ที่ท่านแล้วว่าจริงจังมากพอหรือไม่”
อันอี้หางเพิ่งทะเลาะกันกับอวี้ซื่อ อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของลู่อี้ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เรื่องนี้ผ่านไปได้ และกุญแจของเรื่องนี้ก็คือเขา ตราบใดที่เขาจริงจังมากพอ อวี้ซื่อก็จะยับยั้งชั่งใจตนเองได้
“ท่านแม่!” ลู่จื่ออวิ๋นวิ่งเข้ามาจากข้างนอก “ท่านพ่อ! พวกท่านกลับมาแล้ว!”
“ใช่แล้ว” มู่ซืออวี่กางแขนออกหาลู่จื่ออวิ๋น “ไหนมาให้ข้าดูหน่อยซิ ลูกสาวที่รักของข้าช่วงนี้น้ำหนักลงหรือไม่?”
“ข้าผอมลงแล้ว ข้าคิดถึงท่านแม่จนไม่อยากกินอะไรเลย” ลู่จื่ออวิ๋นกอดเอวมู่ซืออวี่ “ท่านแม่ ท่านอย่าหนีข้าไปอีกนะ อวิ๋นเอ๋อร์คิดถึงท่านมากเลย