บทที่ 214 ทำให้ถงซื่อตกใจ
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ความตื่นตระหนกแวบผ่านแววตาของมู่ซือเจียว
มู่ซืออวี่ไม่เสียเวลาจัดการกับอีกฝ่าย นางเพียงบอกลู่อี้ว่า “สามี พวกเราไปกันเถอะ”
“อืม” ลู่อี้ตอบอย่างนุ่มนวล เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองมู่ซือเจียว สายตาของเขาพลันเฉียบคมดุจใบมีด
มู่ซือเจียวตะลึงงัน ร่างกายสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
“โธ่ เจียวเอ๋อร์ของข้า เจ้าจะต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้” แม่เฒ่าเจียงกล่าวด้วยท่าทีเกินจริง “ในท้องของเจ้าเป็นลูกของนายน้อยตระกูลหวัง อย่าทำให้กระเทือนมากไปสิ”
มู่ซือเจียวใช้แขนของแม่เฒ่าเจียงพยุงตัวเอง
สมองของนางเต็มไปด้วยคำพูดของมู่ซืออวี่ ไม่ทันได้สนใจแรงมือที่ใช้ไปชั่วขณะ นางบีบมืออีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งได้ยินเสียงร้องของแม่เฒ่าเจียงจึงรู้สึกตัว
แม่เฒ่าเจียงอยากจะผลักมู่ซือเจียวออก แต่กลัวว่าจะสะเทือนไปถึงก้อนทองคำในท้องของอีกฝ่ายเข้า สุดท้ายก็ไม่ได้สลัดมือออกไป
ระยะนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น ผมเกินกว่าครึ่งของแม่เฒ่าเจียงกลายเป็นสีขาวโพลน ราวกับว่านางแก่เพิ่มขึ้นมามากกว่าสิบปี
สายตาของนางฝ้าฟาง ดูดุน้อยลงกว่าเดิม ดูไปแล้วเหมือนจะโง่ลงไปบ้าง
“ท่านย่า มู่ซืออวี่ทำให้ข้ากลัว ข้าเกือบจะล้มลงไปอยู่แล้ว” มู่ซือเจียวฟ้องแม่เฒ่าเจียงเหมือนเมื่อก่อน
สีหน้าของแม่เฒ่าเจียงแข็งทื่อ “เจียวเอ๋อร์ มู่ซืออวี่เป็นตัวหายนะ พวกเราอยู่ให้ห่างจากนางจะดีกว่า”
มู่ซือเจียวไม่อยากได้ยินคำนี้ สิ่งที่ตนต้องการไม่ใช่อยู่ให้ห่างจากอีกฝ่าย แต่ต้องการให้แม่เฒ่าเจียงสร้างความยุ่งยากให้กับมู่ซืออวี่เหมือนเมื่อก่อน นางจะได้ระบายโทสะที่กรุ่นอยู่ในอกของตน
แต่วันนี้กลับไม่เหมือนแต่ก่อน
ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่มู่ซืออวี่ตัดขาดความสัมพันธ์ พ่อของนางก็แยกบ้านออกไปแล้วเช่นกัน ตอนนี้แม่เฒ่าเจียงอาศัยอยู่กับบ้านใหญ่ มู่ต้าไห่และถังซื่อกลับไปเกียจคร้านอีกครั้ง หลังจากซื้อที่นามาได้ไม่กี่หมู่*[1] ผ่านไปได้ไม่ถึงเดือนก็ไม่สนใจสิ่งใดแล้ว คนหนึ่งเตร่ไปทั่ว อีกคนกลับนอนอยู่ที่บ้าน ทั้งยังให้นางหญิงชราคนนี้ต้องไปทำงานในไร่ในสวน
โชคยังดีที่มู่ซือเจียวยังนำเงินกลับมา ไม่เช่นนั้นครอบครัวของพวกเขาคงไม่มีข้าวสารกรอกหม้อแล้ว
พวกเขาพึ่งพาแต่มู่ซือเจียว ไม่มีใครกล้าไปหาเรื่องมู่ซืออวี่อีก ตอนนี้สามีของนางอนาคตกำลังรุ่งโรจน์ หากไปหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตนเองคงโง่เต็มทน
มู่ต้าไห่ออกมาจากข้างในพลางยืนบิดตัว เมื่อเห็นมู่ซือเจียว สายตาของเขาพลันเปล่งประกายขึ้นมา “เจียวเอ๋อร์ กลับมาแล้วหรือ เจ้านำเงินกลับมามากน้อยเพียงใด?”
มู่ซือเจียวแสดงสีหน้าไม่พอใจ “ไม่ใช่ว่าข้าเพิ่งให้ท่านไป 10 ตำลึงเงินหรือ?”
“แค่นั้นจะไปพอที่ไหน?” มู่ต้าไห่ไม่สบอารมณ์ “เอาไปซื้อเสื้อผ้าดี ๆ สักสองสามชุดก็หมดแล้ว”
มู่ต้าไห่ไม่พูดขึ้นมาก็แล้วไปเถอะ ได้ยินเขาเอ่ยเช่นนี้ มู่ซือเจียวจึงได้พบว่าบนตัวของมู่ต้าไห่เป็นผ้าไหมผ้าแพร
นางขมวดคิ้วทันที “ท่านพ่อ ท่านใส่เช่นนี้จะทำงานในไร่ในสวนได้อย่างไร?”
“ตอนนี้ลูกสาวของข้ารวยแล้ว ใครจะไปทำงานในไร่ในสวนกัน?” มู่ต้าไห่ไม่คิดเช่นนั้น “นี่พ่อกำลังรักษาหน้าตาเพื่อเจ้า! ลูกสาวของข้ากำลังอุ้มท้องเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียวของตระกูลหวัง ภายหน้าก็จะเป็นนายน้อยของตระกูลหวัง ท่านตาคนนี้จะแต่งกายมอซอได้อย่างไรกัน?”
มู่ซือเจียวขมวดคิ้ว “ท่านพ่อ ท่านคงไม่เอาแต่หวังให้ข้าเลี้ยงดูพวกท่านกระมัง? ข้าอยู่ในตระกูลหวังต้องใช้เงินเช่นกัน ท่านอย่ามองว่าข้ามีคนคอยรับใช้ บ่าวรับใช้เหล่านั้นก็ดูคนก่อนยื่นอาหาร*[2] หากข้าไม่ตบรางวัลให้พวกเขา พวกเขาก็คอยแทงข้างหลังข้า เหตุใดท่านไม่คิดเพื่อข้าบ้าง?”
“นายน้อยหวังไม่ได้โปรดปรานเจ้าหรอกหรือ? เหตุใดเจ้ายังถูกบ่าวสร้างความวุ่นวายให้อยู่อีก เช่นนั้นเจ้าก็ต้องหาโอกาสวางมาดเสียบ้าง ให้พวกเขาได้รู้ว่าใครกันแน่เป็นที่เป็นนาย”
มู่ซือเจียวรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ
เดิมทีนางกลับมาเพื่อดูว่ามู่ซืออวี่รู้หรือไม่ว่าพ่อบ้านรองเป็นคนที่นางส่งไป แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้ นางจึงพอจะโล่งใจขึ้นมาบ้าง
“ข้าจะกลับแล้ว”
บ้านเช่นนี้ นางไม่อยากกลับมาอีกแล้ว
….
ลู่อี้อุ้มมู่ซืออวี่ลงจากรถม้า
ลู่เซวียนปิดตาของลู่จื่ออวิ๋นเอาไว้พลางบ่นกระปอดกระแปด “พวกท่านยับยั้งชั่งใจตนเองหน่อยไม่ได้หรือไร? ให้เด็กเห็นไม่ดี”
“พี่สะใภ้ของเจ้าไม่สบาย” ลู่อี้ชายตามองลู่เซวียน “เจ้าเอาแต่คิดเรื่องอะไรทั้งวี่ทั้งวัน”
ลู่เซวียนหัวเราะแล้วปล่อยมือออก
“พี่สะใภ้เป็นอะไรหรือ?”
“ไม่เป็นอะไร คงแค่จับไข้หนาวสั่นกระมัง” มู่ซืออวี่หาข้ออ้างมาบอกปัดไป
นางไม่อาจบอกกับน้องสามีของตนได้ว่า ‘อ้อ ข้ามีรอบเดือนน่ะ เดือนหนึ่งเกิดขึ้นไม่กี่วัน ข้าชินแล้ว’
ลู่อี้ให้ลู่เซวียนไปต้มน้ำร้อนมา จากนั้นจึงเรียกถงซื่อมาช่วยดูแลมู่ซืออวี่
ถงซื่อได้ยินว่ามู่ซืออวี่ไม่สบายก็นึกว่าจับไข้แล้ว แต่หลังจากรู้เหตุผลจึงหาตำรับยาพื้นบ้านมาให้มู่ซืออวี่ดื่ม นางจึงรู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย
เซี่ยคุนและจือเชียนกลับมาจากข้างนอก คนหนึ่งแบกฟืนมา คนหนึ่งหาบน้ำมา
ตั้งแต่สองคนนี้มาอยู่ที่บ้านหลังนี้ งานใช้แรงในบ้านทั้งหมดล้วนเป็นพวกเขาทำ ทำให้ประหยัดแรงไปได้ไม่น้อย
ลู่อี้กลับเข้ามาหลังจากออกไปข้างนอก ในมือถือไก่ป่าที่จับมาได้จากบนภูเขา จากนั้นจึงฆ่าไก่แล้วลงมือถอนขนมัน ขอให้ถงซื่อช่วยเคี่ยวน้ำแกงไก่ให้
มู่ซืออวี่ตื่นขึ้นมาก็มีน้ำแกงไก่ให้ดื่ม หลังจากนางดื่มน้ำแกงไก่แล้ว ความรู้สึกไม่สบายทั้งหมดที่มีพลันหายเป็นปลิดทิ้ง
การเป็นที่รักของทุกคนเช่นนี้ช่างมีความสุขนัก
ถงซื่อดูแลมู่ซืออวี่จนดีขึ้นแล้วกลับไปที่บ้านของตนเอง
หน้าประตูมีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ นางหยุดฝีเท้าได้ทันแล้วมองไปทางนั้นอย่างหวาดระแวง
ถือโอกาสที่คนนั้นยังไม่หันมามอง นางก้าวถอยหลังแล้ววิ่งกลับไปยังบ้านมู่ซืออวี่
“เหตุใดจึงตื่นตระหนกขนาดนี้?” เสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้น
ถงซื่อสงบสติลง ภายใต้แสงสลัวเห็นเป็นท่านหมอจูถือตะกร้าใบหนึ่งอยู่
“ท่านหมอจู”
“เป็นอะไรไปหรือ?” ท่านหมอจูเอ่ยถาม “มีใครไล่ตามอยู่หรือ?”
“หน้าประตูบ้านข้ามีคนนั่งตะคุ่ม ๆ อยู่ ข้าไม่กล้ากลับ ตั้งใจว่าจะไปหาลูกอวี่น่ะ” เมื่อเห็นว่าเป็นท่านหมอจู นางก็รู้สึกโล่งใจ
ท่านหมอจูขมวดคิ้ว “เมื่อครู่นี้ข้าเดินผ่านบ้านลู่อี้ ไฟในบ้านของพวกเขาดับหมดแล้ว”
“เช่นนั้น…”
“ข้าจะไปดูด้วย” ท่านหมอจูออกปาก
“หากเป็นผู้ร้ายจะทำอย่างไร?”
“ไม่เป็นไร ข้าอยากเห็นว่าคนร้ายประเภทใดกล้ากำเริบเสิบสานเพียงนี้”
มู่ซืออวี่จ่ายเงินจำนวนหนึ่งก่อกำแพงให้บ้านถงซื่อ กำแพงนั้นสูงมาก หากโจรถือวิสาสะเช่นนี้เกรงว่าต่อไปคงอันตรายมากกว่านี้
ช่วงนี้ถงซื่อรู้สึกผ่อนคลายลงมาก หลังจากได้รับการบำรุงที่เพียงพอ กอปรกับใช้แผ่นพอกหน้าที่มู่ซืออวี่เตรียมให้ นางจึงดูอ่อนเยาว์ขึ้นหลายปี
เดิมทีนางก็ยังอายุไม่ถึงสี่สิบปี แต่ก่อนลำบากทุกข์ยากมามากมาย ตอนนี้กลับมาดูแลตนเอง แม้กระทั่งชายโสดในหมู่บ้านหลายคนยังต้องการจีบนาง
“เจ้ากลับมาแล้ว” ชายที่นั่งอยู่ข้างประตูได้ยินเสียงฝีเท้า จึงยืนขึ้นอย่างดีใจ “วันนี้ข้าจับปลามาได้ตัวหนึ่ง จึงอยากเอามาให้เจ้ากิน”
“หลินต้าจ้วง” หลังจากมองอย่างถี่ถ้วน ถงซื่อจึงจำคนผู้นี้ได้
ท่านหมอจูขมวดคิ้ว “เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่?”
“ท่านหมอจู?” เมื่อครู่นี้หลินต้าจ้วงยังไม่เห็นว่ามีบุคคลที่สามอยู่ ตอนนี้เพิ่งตระหนักได้ว่าข้างกายถงซื่อมีชายคนหนึ่งอยู่ด้วย จู่ ๆ ก็รู้สึกผิดขึ้นมา
ไม่ถูกต้อง! เหตุใดเขาต้องรู้สึกผิดด้วยเล่า?
เขายังเป็นชายโสดนะ!
หลินต้าจ้วงอายุครบสี่สิบปีนี้ ภรรยาของเขาตายไปเมื่อสองสามปีก่อน ตอนนี้เขาใช้ชีวิตอยู่กับลูกชายเพียงลำพัง
“ข้าแค่อยากนำปลามาให้ถงซื่อ แต่นางไม่อยู่บ้าน ข้าจึงอยู่ที่นี่เพื่อรอนางกลับมา เหตุใดท่านหมอจูจึงมาอยู่ที่นี่เล่า? พวกท่าน…”
อยู่ด้วยกันหรือ?
“ข้าผ่านมาทางนี้หลังจากไปเก็บสมุนไพร เห็นนางเดินอยู่ข้างนอกคนเดียว จึงเข้าไปถามนาง และรู้ว่านางกำลังตกใจกลัว บอกว่าหน้าประตูบ้านมีใครบางคนอยู่ ข้าจึงมาดูเป็นเพื่อนนาง”
“อ้อ ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง เป็นความผิดของข้าเอง ข้าทำให้ต้องตกใจกลัวเสียแล้ว”
[1] 1 หมู่ ประมาณ 667 ตารางเมตร
[2] ดูคนก่อนยื่นอาหาร หมายถึง ปฏิบัติตามสถานะทางสังคมของคนผู้นั้น