สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 229 สถานการณ์ของลู่อี้ไม่ดีนัก

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 229 สถานการณ์ของลู่อี้ไม่ดีนัก

ถงซื่อสงบลงแล้ว แต่เมื่อท่านหมอจูจะติดตามอาการ นางกลับปฏิเสธ

ท่านหมอจูเอ่ยกับถงซื่อที่อยู่ข้างในผ่านประตู “แผลที่คอของเจ้าต้องใส่ยา ให้ข้าเข้าไปเถอะ!”

“ไม่จำเป็นแล้ว ท่านหมอจู” ถงซื่อกล่าว “ท่านกลับไปก่อนเถอะ ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว”

“แต่…” ท่านหมอจูยังคงรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก

ทว่าอย่างไรถงซื่อก็ไม่ยอมให้เขาเข้าไป

ครั้นมู่ซืออวี่กลับมาเห็นภาพนี้ นางพลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแปลก ๆ

ท่านหมอจูเป็นเช่นนี้กับคนไข้ทุกคนเลยหรือ? ปกติก็อ่อนโยนอยู่แล้ว แต่ทั้งกังวลทั้งเป็นห่วงเช่นนี้ มันเกินกว่าการกระทำของหมอที่มีต่อคนไข้หรือไม่

“แม่ฉาวอวี่ เจ้ากลับมาแล้ว” ท่านหมอจูเห็นมู่ซืออวี่กลับมาแล้วก็โล่งใจ “เจ้าช่วยโน้มน้าวแม่ของเจ้าหน่อยเถอะ นางไม่ยอมให้ข้าเข้าไปตรวจดูอาการ”

“ท่านหมอจู ท่านเอายาให้ข้า ข้าจะช่วยทำแผลให้ท่านแม่เอง ท่านก็รู้ว่านางยังไม่หายตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตอนนี้เกรงว่านางจะไม่ยอมพบหน้าคนอื่น” มู่ซืออวี่เอ่ยเสียงเบา

“เช่นนั้นก็เอาไปเถิด” ท่านหมอจูทำได้เพียงให้ยากับมู่ซืออวี่

เขาเหลียวไปมองทางห้องถงซื่อด้วยความกังวลเล็กน้อย

มู่ซืออวี่ยิ่งรู้สึกว่าเขาแปลกยิ่งกว่าเดิม

แววตาเช่นนี้…

เหตุใดจึงดูเหมือนไม่เต็มใจจะจากไปเล่า?

“เจ้ามาได้อย่างไร?” มู่ซืออวี่เห็นอันอวี้เดินถือไม้เท้านำทางเข้ามา

เสื้อผ้าของอันอวี้เปรอะเปื้อน เห็นได้ชัดว่านางหกล้มอีกแล้ว

“ข้าอยากมาดูน้าถงหน่อยน่ะ” อันอวี้รู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย “ข้ามาไม่ถูกเวลาใช่หรือไม่?”

“ไม่เลย แม่ของข้าชอบเจ้า ถ้านางเห็นเจ้ามาจะต้องดีใจแน่” มู่ซืออวี่คว้ามือของอันอวี้แล้วเดินนำเข้าไปหาถงซื่อ

เวลาต่อมาเหยาซื่อกับลูกสะใภ้ก็มาหา จากนั้นพี่ป้าน้าอาในหมู่บ้านที่เคยไปมาหาสู่กับถงซื่อก็มาเยี่ยม ถงซื่อไม่ปฏิเสธความหวังดีของพวกนาง ยอมรับการปลอบใจจากพวกนางไว้ ไม่เอ่ยถึงเรื่องที่จะฆ่าตัวตายอีกต่อไป เพียงแต่ด้วยนิสัยใจคอของนาง เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องหนักหนาสาหัส เกรงว่าจะไม่สามารถข้ามผ่านเรื่องนี้ไปได้ภายในเวลาอันสั้น

“ท่านพ่อกลับมาแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นตะโกนอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน

“นายท่าน พี่คุน” จือเชียนเพิ่งกลับมาจากตัดฟืน เขาได้ยินเสียงของลู่จื่ออวิ๋นเข้ามาถึงในห้องครัวจึงเดินออกไป “เจ้าอันธพาลคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง? จับมันได้หรือไม่ขอรับ?”

“ข้าตีไปสองสามที ตอนที่กำลังจะจับกลับมา มันกลับกระโดดลงแม่น้ำแล้วว่ายน้ำหนีไป” เซี่ยคุนขมวดคิ้วมุ่น

ก่อนที่จะไปถึงหมู่บ้านฉือโถว เขาขวางหลินต้าจ้วงไว้ได้ นึกไม่ถึงว่าชายผู้นั้นจะเจ้าเล่ห์ กระโดดลงน้ำได้ก็หายไปเสียแล้ว

มู่ซืออวี่ออกมาเห็นลู่อี้และเซี่ยคุนเปียกโชกไปทั้งตัวก็รู้ทันทีว่าพวกเขาทั้งสองคนตกน้ำมา

“ในหม้อมีน้ำร้อน พวกท่านไปอาบน้ำร้อนเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เถอะ”

“จะปล่อยชายผู้นั้นไปเช่นนี้หรือขอรับ?” จือเชียนยังรู้สึกไม่สบายใจ

“เขายังมีลูกชายหนึ่งคน” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “พระไม่อาจวิ่งหนีวัดได้ ขอให้ทั้งชีวิตนี้เขาอย่าได้กลับมาอีกเลย หากกลับมาละก็ คอยดูว่าข้าจะทำอย่างไรกับเขา”

หลินต้าจ้วงยากจนกระทั่งในมือไม่มีเงินแม้แต่อีแปะเดียว ยังจะหนีไปที่ใดได้? ท้ายที่สุดเขาก็ต้องกลับมาหาลูกชาย

เช้าตรู่วันต่อมา หลินต้าจ้วงก็กลับมาจริง ๆ เพียงแต่เขาไม่ได้กลับมาด้วยตนเอง แต่ถูกหามกลับมา

ตอนที่เห็นร่างของหลินต้าจ้วงนั้น คนทั้งหมู่บ้านล้วนตะลึงพรึงเพริด

นักการเกาปรากฏตัวที่บ้านของลู่อี้พร้อมกับคนของเขา ครั้งนี้สีหน้าของเขาผิดแผกออกไป ไม่เหมือนจะมาพูดคุยดื่มสุรากับลู่อี้

“หลินต้าจ้วงตายแล้ว บ้านแม่ยายของเขากล่าวฟ้องร้องใต้เท้า กล่าวว่าเจ้าเป็นคนฆ่าเขา ตอนนี้ใต้เท้าให้ข้ามาพาเจ้ากลับไปไต่สวน จู่ปู้ลู่ ระหว่างทางเจ้าก็คิดไปพลาง ๆ ว่าจะพูดอย่างไร ใต้เท้าให้ความสำคัญกับเจ้ามาโดยตลอด เขาจะต้องเชื่อเจ้าอย่างแน่นอน” นักการเกาเอ่ย

“ข้าเข้าใจแล้ว” ลู่อี้กล่าวจบก็หันกลับมามองมู่ซืออวี่ที่กำลังกังวลใจ ก่อนจะลูบแก้มของนางอย่างแผ่วเบา “ไม่ต้องกลัว ข้าจะจัดการเอง”

“ข้าจะไปด้วย” เซี่ยคุนเอ่ยขึ้น

“ไม่จำเป็น” ลู่อี้ปฏิเสธ “อยู่ดูแลที่นี่เถอะ”

นักการเกาพาลู่อี้และร่างของหลินต้าจ้วงกลับไป

ไม่นานเรื่องนี้ก็แพร่สะพัดไปทั้งหมู่บ้าน เรื่องลู่อี้ลงมือฆ่าหลินต้าจ้วงอย่างไรถูกใส่สีตีไข่ บอกเล่าปากต่อปาก

“พ่อข้าไม่ได้ฆ่าคน!” ลู่จื่ออวิ๋นผลักแม่นางน้อยคนหนึ่ง

แม่นางน้อยคนนั้นล้มลงกับพื้นแล้วปล่อยร้องไห้โฮออกมา “ฮือ ลูกสาวฆาตกรจะฆ่าคนแล้ว ท่านพ่อ ท่านแม่…”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ชายหนึ่งคนและหญิงหนึ่งคนรีบวิ่งปรี่เข้ามาหลังจากได้ยิน

ชายผู้นั้นอุ้มแม่นางน้อยขึ้นมา ส่วนหญิงคนนั้นเงื้อมือออกมาจะตีลู่จื่ออวิ๋น ทว่าเมื่อเห็นสายตากราดเกรี้ยวของลู่จื่ออวิ๋นจึงหยุดมือไว้

“ไปเถอะ ไม่ต้องไปคุยกับครอบครัวนี้หรอก”

มู่ซืออวี่กำลังบังคับรถม้าเตรียมจะเข้าไปถามข่าวในเมือง แต่ก็เห็นลู่จื่ออวิ๋นเดินกลับมาด้วยสภาพเปรอะเปื้อนดินโคลน

“เจ้าหกล้มหรือ? เจ้าบอกว่าจะไปเก็บผักไม่ใช่หรือ? ตะกร้าที่นำไปเล่า?”

“พวกเขากล่าวว่าท่านพ่อฆ่าคน อีกทั้งยังบอกว่าท่านพ่อเป็นผู้ร้ายฆ่าคน” ลู่จื่ออวิ๋นโศกเศร้า “ท่านแม่ ท่านจะเข้าไปในเมืองใช่หรือไม่ ข้าอยากไปด้วย ข้าอยากไปหาท่านพ่อ”

“ได้ พวกเราไปสอบถามข่าวคราวด้วยกัน” มู่ซืออวี่กล่าว “รอฟังข่าวอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร”

เซี่ยคุนและจือเชียนเดินออกมาจากในห้อง

“เจ้าอยู่ที่นี่เถอะ” เซี่ยคุนกล่าว “ท่านแม่เจ้ายังต้องการคนคอยดูแล จือเชียนกับข้าจะไปสอบถามสถานการณ์กับนักการเกาให้เอง”

“แม่ข้า…” มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว “พาแม่ข้าเข้าเมืองไปด้วยกันเถอะ เช่นนี้ก็สามารถดูแลนางได้แล้ว ให้นางได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วยพอดี จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน”

รถม้าสองคันของครอบครัวลู่ช่วยได้มากก็วันนี้ เซี่ยคุนและจือเชียนบังคับรถม้าพาคนในครอบครัวเข้าไปในเมือง

“เหี้ยมโหดจริง ๆ เชียว! บอกว่าจะฆ่าคนก็ฆ่าคนแล้ว” หวังซื่อตะโกนไล่หลังรถม้าของครอบครัวลู่ไปเหมือนคนบ้า

“หัดสั่งสมคุณความดีซะบ้างเถอะ!” เหยาซื่อเย้ยหยันกลับไป “อย่าได้คิดว่าข้าไม่รู้ว่าคำพูดเหล่านั้นผู้ใดเอาไปโพนทะนา เจ้าเห็นลู่อี้ฆ่าหลินต้าจ้วงกับตาตนเองหรือไร? เหตุใดจึงรู้จักปั้นน้ำเป็นตัวเช่นนี้?”

“ข้าขอถามบ้าง เจ้าได้ประโยชน์อะไรจากครอบครัวพวกเขากันแน่ เจ้าหน้าที่ทางการมาถึงหน้าประตูพวกเขาขนาดนั้น ยังจะพูดให้พวกเขาอีก” หวังซื่อถากถาง

“นั่นสิ” อวี๋ซื่อหัวเราะเยาะอยู่ข้าง ๆ “แต่ก่อนคอยประจบเอาใจลู่อี้ เจ้าอาจจะได้ประโยชน์ ตอนนี้กลายเป็นผู้ร้ายฆ่าคนไปแล้ว จะประจบเขาไปไย? โง่งมจริง ๆ”

ตุ้บ!

เหยาซื่อโยนเสื้อในมือของนางลงให้อ่าง ก่อนจะเท้าสะเอวพูดกับอวี๋ซื่อด้วยความโมโห “อย่าคิดว่าเพราะท่านเป็นผู้อาวุโสแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรท่าน คนอื่นเขาไว้หน้าท่าน แต่ข้าไม่ยอมท่านแน่ ลู่อี้ทำอะไรท่าน? ก็แค่เขาไม่ยอมแนะนำลูกชายท่านให้เข้าทำงานแค่นั้นเองไม่ใช่รึ! ท่านแทบอดใจรอให้คนอื่นเขาโชคร้ายไม่ไหวแล้วใช่หรือไม่?”

หญิงชาวบ้านหลายคนกระโจนเข้าตบตีกันอีนุงตุงนัง เมื่อเหล่าผู้ชายได้ยินข่าวก็รีบร้อนมาดึงตัวภรรยาของตนไป มิเช่นนั้นคงกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเป็นแน่

มู่ซืออวี่และคนอื่น ๆ รีบร้อนมุ่งหน้าเข้าไปในเมือง นักการเกาไม่อยู่ ส่วนคนอื่น ๆ ก็ไม่ยอมพบมู่ซืออวี่แม้แต่น้อย พวกเขาเคยเรียกนางว่าพี่สะใภ้ลู่ ทว่าบัดนี้พวกเขากลับหลบเลี่ยงนาง เกรงว่าตนจะถูกลากเข้าไปพัวพัน

จากสัญญาณเหล่านี้ตัดสินได้ว่าสถานการณ์ของลู่อี้คงไม่ค่อยดีนัก

จือเชียนเฝ้าอยู่ข้างนอกประตูศาลาว่าการ ทำได้เพียงรอให้นักการเกาออกมาแล้วจึงแอบถามสถานการณ์เงียบ ๆ

มู่ซืออวี่จัดแจงที่พักให้ถงซื่อและลู่จื่ออวิ๋น โดยให้เฟิงเจิงช่วยเช่าบ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่งแล้วพักอยู่ที่นั่นก่อนชั่วคราว

“ข้าจะลองไปสอบถามดู หากมีข่าวอะไรจะรีบมาแจ้งทันที ไม่ต้องกังวลใจไป” เฟิงเจิงกล่าว “อยู่ที่นี่ข้ายังพอมีคนรู้จักอยู่บ้าง”

“ได้ ต้องรบกวนเจ้าแล้ว เฟิงเจิง”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท