สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 240 เขากล่าวว่า ข้าอยากแต่งงานกับเจ้า

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 240 เขากล่าวว่า ข้าอยากแต่งงานกับเจ้า

“แหะแหะ ท่านแม่…”

มู่ต้าไห่และถังซื่อยืนอยู่ที่ประตู ยิ้มแย้มให้แม่เฒ่าเจียงอย่างประจบประแจง

สีหน้าของแม่เฒ่าเจียงดำทะมึนทันที “พวกเจ้าจะกลับมาทำอะไร?”

“ท่านแม่ ที่นี่เป็นบ้านของพวกเรา แน่นอนว่าต้องกลับมา” มู่ต้าไห่เอ่ยแล้วก็แทรกตัวเข้ามา “ข้าได้กลิ่นเนื้อ ท่านทำเนื้อเป็นอาหารใช่หรือไม่?”

“ท่านแม่ พวกเราไม่ได้ทานข้าวมาสองวันแล้ว กินข้าวก่อนแล้วค่อยพูดคุยเถอะ!” ถังซื่อผลักร่างกายที่นับวันยิ่งซูบผอมลงเรื่อย ๆ ของแม่เฒ่าเจียง ก่อนจะวิ่งปรี่เข้าไปข้างใน

“หยุดเดี๋ยวนี้! เงินที่พวกเจ้าขโมยไปอยู่ที่ใด?” แม่เฒ่าเจียงรีบวิ่งตามสามีภรรยาสองคนนั้นเข้าไป

แม่เฒ่าเจียงซื้อข้าวซื้อบะหมี่และเนื้อมาจริง เพราะนางก็อยากกินเนื้อเช่นกัน นางจึงทำอาหารมากกว่าปกติ เมื่อครู่นางเพิ่งนำอาหารถ้วยใหญ่ไปให้มู่ตงหยวน ในเตาเหลืออยู่อีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เมื่อนางไล่ตามไปถึงห้องครัว มู่ต้าไห่และถังซื่อต่างตักข้าวขาวมาคนละถ้วย จากนั้นจึงแบ่งเนื้อใส่ถ้วยเล็ก ๆ

ถังซื่อได้เนื้อเพียงไม่กี่ชิ้น นางมองมู่ต้าไห่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ลงมือกินอย่างตะกละตะกลาม

มู่ต้าไห่ไม่ชักช้าแม้แต่น้อย เขาตักข้าวขาวพูนถ้วยมาถ้วยหนึ่ง ทำราวกับว่ากลัวจะมีคนมาแย่งไป ครั้นยัดเข้าปากไปไม่กี่คำก็หมดแล้ว

“ท่านแม่ ยังมีอาหารเหลืออีกหรือไม่?”

แม่เฒ่าเจียงยกพลั่วที่อยู่ข้าง ๆ นางขึ้นมาทุบตีมู่ต้าไห่ “เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีกหรือ อาหารถูกพวกเจ้าผีหิวโหยสองตัวกินจนหมดแล้ว ไม่เหลือข้าวแม้แต่เม็ดเดียวไว้ให้ข้า วันนี้ข้าจะตีผีทวงหนี้ให้ตาย! พวกเจ้ากลับมาทำอะไร? เหตใดไม่ตายอยู่ข้างนอกเสีย?”

“ท่านแม่ ข้าเป็นลูกชายของท่านนะ ข้าแค่กินเนื้อของท่านสองสามชิ้น ถึงกับต้องทำเช่นนี้เลยรึ!”

“นั่นสิ ท่านแม่ ท่านอยากกินอะไรก็ไปทำสิ พวกเราหิวโซถึงได้กินเร็วเช่นนี้ ท่านอย่ามาตีข้า”

ถังซื่อวิ่งออกจากห้องครัว ในขณะที่แม่เฒ่าเจียงไล่ตามทุบตีนางทันที

“ยายแก่คนนี้ พอได้แล้ว! ข้าไว้หน้าท่านแท้ ๆ ท่านกลับไม่ละอายใจ” ถังซื่อเดือดดาลขึ้นมา ผลักแม่เฒ่าเจียงออกไปหนึ่งที

แม่เฒ่าเจียงล้มลงบนพื้น นางลูบขาของตนพลางร้องโอดโอย “สวรรค์! เหตุใดท่านไม่เห็นใจข้า เจ้าผีทวงหนี้สองคนนี้จะตีข้าให้ตายแล้ว!”

ถังซื่อมองแม่เฒ่าเจียงด้วยความรังเกียจ “หยุดเสแสร้งได้แล้ว อุบายเช่นนี้อาจจะใช้หลอกล่อถงซื่อได้ แต่ใช้กับข้าไม่ได้ ท่านคิดว่าข้าเป็นถงซื่อคนโง่เขลาผู้นั้นหรือไร?”

มู่ต้าไห่เหลือบมองถังซื่อ “พอได้แล้ว พูดจากับท่านแม่ดี ๆ”

สิ้นคำก็ช่วยพยุงแม่เฒ่าเจียงขึ้นมา “ท่านแม่ ไม่ต้องโกรธแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะให้ถังซื่อทำอาหารให้ท่านกินหม้อใหญ่ ๆ ไม่จำเป็นต้องโกรธเพราะอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่ จะโกรธให้ได้อะไรขึ้นมา?”

แม่เฒ่าเจียงจ้องมู่ต้าไห่ “เงินข้าล่ะ?”

“เงินอะไรหรือ?” มู่ต้าไห่ไม่กล้าสบตาแม่เฒ่าเจียง

“เงินที่เจ้านำออกไปจากบ้าน” แม่เฒ่าเจียงใช้พลั่วตีมู่ต้าไห่อีกครั้ง “เงินในกล่องของข้าหายไปหมดแล้ว เจ้ายังจะกล้าบอกว่าพวกเจ้าไม่ได้ขโมยไปหรือ?”

“อย่าตีข้า ๆ ข้าเอาไปเอง ข้าเอาไปเอง”

“เช่นนั้นเงินเล่า?”

“หมดแล้ว”

มู่ตงหยวนกินเนื้อไปพลาง ฟังเสียงทุบตีด้านนอกไปพลาง ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่ายกว่าเดิม

แม่เฒ่าเจียงร้องไห้เสียงดังราวกับจะขาดใจ มีเสียงของมู่ต้าไห่และถังซื่อคอยเอ่ยประจบ สิ่งเหล่านั้นราวกับฝันร้ายตื่นหนึ่ง ทำให้เขาได้เข้าใจว่าวันคืนนับจากนี้ไปคงมีแต่ความมืดมิดแล้ว

มู่ต้าไห่และถังซื่อกลับเข้าไปที่ห้อง

ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งสองคนนั้นสนใจแค่เพียงขอให้แม่เฒ่าเจียงให้อภัยพวกเขา ไม่เคยคิดจะเหลียวแลน้องชายพิการแม้แต่น้อย

“ท่านแม่ตีข้าหนักจริง ๆ” ถังซื่อบ่น “มู่ตงหยวนพิการแล้ว น้องรองของท่านก็ปีกกล้าขาแข็ง ทั้งที่ภายหน้านางยังต้องพึ่งพาพวกเราบ้านใหญ่ นึกไม่ถึงว่าท่านแม่จะใจจืดใจดำกับพวกเราถึงเพียงนี้ นางแก่จนเลอะเลือนไปแล้วใช่หรือไม่?”

ครั้งนี้ที่ออกจากบ้านไป พวกเขานำเงิน 70 ตำลึงเงินไปด้วย ซึ่งนั่นเป็นทรัพย์สินทั้งหมดที่แม่เฒ่าเจียงมี

ตอนแรกพวกเขาคิดจะเช่าบ้านสักหลังในเมือง จากนั้นค่อยหางานทำ ทว่าผ่านไปได้ไม่กี่วัน มู่ต้าไห่ก็ติดการพนันจนสิ้นเนื้อประดาตัว

“ตอนนั้นหากท่านฟังข้า หยุดตอนที่ท่านชนะได้เงินมาแล้วก็คงไม่เป็นอย่างตอนนี้ที่เงินแม้แต่อีแปะเดียวก็ไม่เหลือ” ถังซื่อบ่นเป็นหมีกินผึ้ง “ตอนนี้จึงต้องกลับมาใช้ชีวิตลำบากยากแค้นเช่นนี้ ข้าขอบอกท่าน ให้ข้าปรนนิบัติท่านไม่มีปัญหา ท่านเป็นสามีข้า แต่หากคิดจะให้ข้าปรนนิบัติน้องชายของท่าน บอกเลยว่าไม่มีทาง”

“ผู้ใดจะให้เจ้าปรนนิบัตรน้องชายข้า?” มู่ต้าไห่เอ่ยขึ้น “ผ่านไปสักพักหากแผลเขาดีขึ้นแล้ว ค่อยหาภรรยาให้เขา ให้ภรรยาของเขาปรนนิบัติเขาก็สิ้นเรื่องแล้ว”

“เขาเป็นเช่นนี้ผู้ใดจะแต่งกับเขา?” ถังซื่อรู้สึกราวกับมู่ต้าไห่กำลังพูดเรื่องตลก

“ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันเถอะ!” มู่ต้าไห่เริ่มหงุดหงิดขึ้นมา “ข้าง่วงแล้ว ข้าจะนอน”

ภายในห้องข้าง ๆ แม่เฒ่าเจียงกำลังทายาให้มู่ตงหยวน

นางเอ่ยถามว่า “ตงหยวน เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”

“ยังคันอยู่นิด ๆ” มู่ตงหยวนตอบ

“รู้สึกไม่สบายหรือไม่?” แม่เฒ่าเจียงกระวนกระวายใจขึ้นมา

“เพียงแค่คันเล็กน้อย หมายความว่ามันกำลังดีขึ้น” มู่ตงหยวนไม่อยากพูดคุยอะไรกับแม่เฒ่าเจียง ไม่อยากให้นางมาพูดเซ้าซี้มากความอยู่ที่นี่ด้วย

“ดียิ่ง ดูเหมือนว่ายานี้จะได้ผล” แม่เฒ่าเจียงเอ่ยด้วยความดีใจ “เช่นนั้นต้องรีบหาเงินมาเร็ว ๆ แล้ว ไม่เช่นนั้นสองขวดนี้คงอยู่ได้ไม่นานนัก”

แต่นางจะหาเงินได้อย่างไร?

50 ตำลึงเงินนี้ยังเป็นเงินที่นาง..

ใช่แล้ว ในเมื่อครั้งแรกนางทำสำเร็จ ครั้งที่สองนางก็ต้องทำสำเร็จเช่นกัน ขอแค่ทำอีกไม่กี่ครั้ง ขาของตงหยวนก็จะรักษาไว้ได้แล้ว

“พรุ่งนี้ข้าจะเข้าเมืองไปหาเจียวเอ๋อร์ นางต้องมีวิธีเป็นแน่”

มู่ตงหยวนเคยถามนางว่านำเงินมาจากที่ใด นางตอบว่ามู่ซือเจียวเป็นคนให้มา อีกฝ่ายจึงไม่ได้รู้สึกสงสัยอะไร

ณ เรือนกรุ่นฝัน

มู่ซืออวี่นับดูสินค้าที่ยังเหลืออยู่ นางจดบันทึกเรียบร้อยแล้วและเตรียมตัวจะกลับ ทันใดนั้นเฟิงเจิงก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา

“เถ้าแก่เนี้ย สินค้าที่พวกเราเพิ่งไปส่งเกิดปัญหาแล้ว”

“เกิดอะไรขึ้น?” มู่ซืออวี่ถาม “ไม่ต้องรีบ ค่อย ๆ พูด”

“เจ้าบ้านบ้านนั้นยุ่งยากยิ่งนัก พวกเขาบอกว่าสินค้าของเรามีปัญหา อีกทั้งยังขอให้ท่านไปดูด้วยตนเอง”

“ได้ ข้าจะไปดูให้”

เฟิงเจิงบังคับรถม้าพามู่ซืออวี่ไปยังบ้านที่มีสามทางเข้าและสามทางออก

หน้าประตูมีโคมแดงแขวนอยู่ เมื่อเข้าไปข้างใน ทุกหนทุกแห่งล้วนเต็มไปด้วยความรื่นเริงสนุกสนาน ดูเหมือนว่าบ้านหลังนี้กำลังจะมีงานรื่นเริง

“เจ้าบ้านที่เจ้าเอ่ยถึงเล่า?”

“น่าจะอยู่ข้างในจ้ะ” เฟิงเจิงชี้ไปทางห้องข้างใน “เถ้าแก่เนี้ยเข้าไปก่อนเถอะ! ข้าจะไปคุยกับท่านพ่อบ้านก่อน”

“ได้”

มู่ซืออวี่ก้าวเข้าไปในห้องโถง เห็นแค่เพียงบุรุษในชุดแต่งงานผู้หนึ่งยืนหันหลังให้นาง

มู่ซืออวี่รู้สึกว่าแผ่นหลังของบุรุษผู้นี้ดูคุ้นตายิ่งนัก!

หรือว่าคนที่นางรู้จักจะแต่งงาน?

“สวัสดี ข้าเป็นเจ้าของเรือนกรุ่นฝัน ไม่รู้ว่าข้าควรเรียกท่านอย่างไร ท่านเป็นเจ้าบ้านที่นี่ใช่หรือไม่?”

บุรุษผู้นั้นค่อย ๆ หันมามอง

ใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏให้เห็น คุ้นเสียจนเมื่อคืนวานนี้ยังทำให้นางสับสนว้าวุ่นใจอยู่เลย

“สามี นี่ท่าน…”

เหตุใดจึงใส่ชุดแต่งงาน?

หรือว่า…

เขาจะแต่งภรรยาอีกคน?

สีหน้าของมู่ซืออวี่พลันมืดครึ้มลง

“เจ้าเก็บความคิดฟุ้งซ่านเหล่านั้นในหัวของเจ้าไปเสีย” ลู่อี้เดินเข้ามาหาแล้วคว้ามือนางไปกุม “ซืออวี่ วันนั้นเจ้าบอกว่าหญิงสาวทุกคนล้วนใฝ่ฝันถึงงานแต่งที่ยิ่งใหญ่หรูหรา แต่ข้ากลับไม่ได้มอบให้เจ้า ข้าไม่รู้ว่ามันสายเกินไปหรือไม่ แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าและข้าต้องรู้สึกเสียดาย เช่นนั้น… เจ้าเต็มใจจะแต่งงานกับข้าอีกครั้งหรือไม่?”

มู่ซืออวี่ “…!!!”

ดวงตาของนางเบิกกว้าง

ไม่ได้แต่งภรรยาอีกคน แต่เป็นกราบไหว้ฟ้าดินกับนางอีกครั้งงั้นหรือ?

แววตาของบุรุษตรงหน้านางเปล่งประกายราวกับดวงดาว เขางดงามราวกับลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์ในภาพวาด ร่างกายเหมือนมีแสงโอบล้อมจนแผ่ประกายแสงให้อาบย้อมร่างของนาง ทั่วทั้งร่างคลุมไปด้วยแสงอันเจิดจ้าของเขา

“เหตุใดท่านจึงทำเช่นนี้?”

ลู่อี้ก้มลงมาจูบหน้าผากนางแล้วเอ่ยว่า “เป็นเพราะ… ข้าอยากแต่งงานกับเจ้า”

คนที่อยากแต่งงานด้วยก็คือเจ้า ไม่ใช่มู่ซืออวี่คนเดิมคนนั้น

ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องน้อยเนื้อต่ำใจที่ต้องติดตามข้าโดยไม่แม้แต่ผ่านพิธีแต่งงานที่ถูกต้องตามประเพณี!

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท