สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 263 ฮูหยินอย่าโกรธเลย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 263 ฮูหยินอย่าโกรธเลย

บทที่ 263 ฮูหยินอย่าโกรธเลย

ท่านหมอจูนั่งบนบันไดหิน ท่าทางดูหงอยเหงาจนน่าสงสาร

มู่ซืออวี่บังเอิญผ่านมาเห็นเข้าพอดีจึงเอ่ยถาม “ท่านหมอจู ท่านเป็นอะไรไป?”

ท่านหมอจูร้อง ‘โอ้’ แล้วลุกขึ้นกล่าวว่า “ข้าเจองานยากรักษาลำบากมาน่ะสิ ปวดเศียรเสียจริง”

จะทำอย่างไรให้ถงซื่อใจอ่อนดี? เร่งด่วนชวนปวดเศียรจริงแท้

“ข้าช่วยท่านเรื่องแบบนี้ไม่ได้ มีแต่ต้องใช้สมองของท่านเองแล้ว หากคิดไม่ออกจริง ๆ ก็ไปพบปะขอคำชี้แนะจากสหายร่วมอาชีพเถิด” มู่ซืออวี่แนะ

“ได้” ท่านหมอจูพยักหน้า “จะว่าไป เมื่อครู่ข้าจับชีพจรสามีเจ้า มีพิษตกค้างในร่างของเขาจริง ๆ แต่ไม่ได้ร้ายแรง ค่อย ๆ กำจัดออกไปได้”

“ขอบคุณท่านหมอจูมาก”

ลู่อี้เพิ่งพาคนไปตรวจสอบภาษีข้าวสาร เมื่อกลับถึงศาลาว่าการ คนสนิทของเขาก็วิ่งมาแจ้งว่านายอำเภอคนใหม่มาแล้ว และขอให้ทุกผู้ไปพบ

“มาถึงยามใด?” ลู่อี้ถาม

“เกือบสองชั่วยามก่อน จู่ปู้ พอท่านไป ใต้เท้าท่านใหม่ก็มาเลย ข้าเกรงว่าคงมีผู้จงใจลวงท่านออกไปเพื่อให้เสียชื่อเสียง กลายเป็นว่าท่านไม่เคารพผู้ใหญ่เสียแล้ว”

“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

เขาเข้าไปใกล้ห้องหนังสือที่นายอำเภอฉินมักใช้อ่านเอกสารราชการ ได้ยินเสียงสนทนาดังมาจากข้างใน บางหนเคร่งเครียด บางหนเฮฮา เห็นได้ว่าเป็นหัวข้อหลากหลาย

“ใต้เท้า จู่ปู้ลู่มาแล้วขอรับ” สหายผู้หนึ่งเดินเข้าไปส่งสาร

“เชิญเข้ามา” หนึ่งเสียงอันไม่คุ้นหูกล่าวขึ้น น่าจะเป็นนายอำเภอคนใหม่

ลู่อี้เดินเข้าไป ได้ยินนายอำเภอคนใหม่กล่าวขึ้นว่า “ข้าเคยได้ยินมานานแล้วว่าจู่ปู้ลู่ผู้นี้เป็นคนมีอำนาจ ในที่สุดวันนี้ก็ได้พบ”

“คารวะใต้เท้า” ลู่อี้ก้มหัวคารวะ

“จู่ปู้ลู่ นี่คือนายอำเภอคนใหม่ ใต้เท้าโจว” นายอำเภอฉินกล่าว “เมื่อข้าจากไป เจ้าก็สนับสนุนช่วยเหลือใต้เท้าโจวได้เต็มที่เลย”

“ผู้น้อยย่อมทำสุดฝีมือ” ลู่อี้กล่าว “คารวะใต้เท้าโจว”

ใต้เท้าโจวลูบเคราและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คนหนุ่มอนาคตไกล! เมืองฮู่เป่ยเป็นสถานที่รวมผู้โดดเด่น เต็มไปด้วยคนมีฝีมือจริง ๆ”

“ใต้เท้าชมเกินไปแล้ว” ลู่อี้กล่าว

“วันนี้เพื่อต้อนรับใต้เท้าโจว และส่งใต้เท้าฉินไปด้วย เราจองโต๊ะในภัตตาคารไว้สองสามโต๊ะ ขอใต้เท้าทั้งสองไว้หน้ากันด้วย!” เฉินเซียนเฉิงกล่าว

ลู่อี้มองใต้เท้าโจวที่ว่า ชายผู้นี้อายุหกสิบเศษ เส้นผมหงอกขาว ดวงตาพร่ามัว ดูเหมือนคนกำลังแย้มยิ้มอยู่ตลอด ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไม่ได้ไปถึงดวงตา

ณ เรือนสกุลลู่

มู่ซืออวี่ไปตลาดด้วยตนเอง ตั้งใจจะบำรุงร่างกายของลู่อี้ ทว่าจือเชียนส่งสารแจ้งว่านายอำเภอคนใหม่มาถึงแล้ว และเขาต้องอยู่รับรอง ไม่อาจกลับมากินข้าวเย็นที่บ้านได้

“จือเชียน” มู่ซืออวี่หยุดจือเชียนไว้

“ขอรับฮูหยิน”

“นี่คือแกงที่ข้าต้มมาสองชั่วยาม เจ้าดื่มสักชามก่อน แล้วค่อยส่งอีกชามให้นายท่านของเจ้าทีหลัง” มู่ซืออวี่กล่าว “ให้เขาดื่มยามไม่มีคน จะได้ไม่ต้องเมาสุรากลับมา”

“ฮูหยินอย่าห่วงเลย ข้าจะดูแลนายท่านเป็นอย่างดีแน่นอนขอรับ” จือเชียนกล่าว

ในภัตตาคาร

ทุกคนล้วนมาเพื่อแสดงความยินดีที่นายอำเภอฉินได้เลื่อนตำแหน่ง แต่สถานที่ทำงานของเขาค่อนข้างห่างไกลจากที่นี่ จากกันยามนี้ ไม่อาจทราบได้ว่าจะมีโอกาสพบกันอีกหรือไม่

ใต้เท้าโจวใจดีกับทุกคน อย่างไรทุกคนก็ล้วนชาชินกับการประจบประแจง สารพัดคำยกยอจึงดังไม่ขาดสาย

“นายท่าน แกงจากฮูหยินขอรับ โปรดดื่มยามไม่มีคนเถิด” จือเชียนรินน้ำแกงจากเหยือกลงชามให้เขา

ลู่อี้ยิ้มน้อย ๆ “นางโกรธหรือไม่?”

เขาไม่ได้กลับไปทานข้าวเย็นกับนางนานแล้ว

“จะว่าโกรธไหมก็ไม่ขอรับ แค่รู้สึกสงสารนายท่านเท่านั้น” จือเชียนกล่าว “พอได้ยินว่าท่านต้องรับรองคน นางก็บอกว่าเกรงท่านจะเมากลับบ้าน จึงให้ข้าแอบนำแกงให้ท่านดื่ม”

วัฒนธรรมฉลองสุรานั้นเป็นความชาชินในสายเลือดของเหล่าข้าราชการ เมื่องานฉลองจบลง ทุกคนล้วนต้องเมามาย

“ลู่อี้” นายอำเภอฉินเรียกลู่อี้มาพยุง

“ใต้เท้า” ลู่อี้พยุงนายอำเภอฉิน

“เจ้านี่เป็นดาวนำโชคของข้าจริง ๆ หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างราบรื่นเช่นนี้”

“ไม่ขอรับ ใต้เท้าทำงานอย่างแข็งขันมาหลายปี รักราษฎรเยี่ยงบุตร ไม่เคยกระทำเสื่อมเสียแม้เพียงหน ทุกสิ่งในวันนี้ ใต้เท้าสมควรได้รับแล้วขอรับ”

“ข้ารู้ดีว่าเจ้าคอยช่วยเหลือข้าอย่างไร ที่นี่ไร้ผู้อื่น ข้าจะบอกบางอย่างจากใจให้ เกรงว่าใต้เท้าโจวผู้นี้จะเข้ากับเจ้าไม่ได้ หากเจ้าอยู่ข้างกายเขา ฝีมือของเจ้าจะมีแต่ถูกฝังในโคลนตม ข้าตั้งใจจะพาเจ้าไปด้วย เต็มใจไปด้วยกันหรือไม่?”

“ขอบคุณที่สนใจผู้น้อยขอรับ ทว่าข้าเป็นคนที่นี่ ทุกสิ่งที่มีก็อยู่ที่นี่ หากข้าไปเขตเจียงเป่ยด้วยกันกับท่าน ห่างออกไปหลายพันลี้ เกรงว่าคง…”

“เจ้าคิดดูเถิด ข้าจะล่วงหน้าไปก่อน หากเปลี่ยนใจยามใด ข้าก็ยินดีต้อนรับเจ้าทุกเมื่อ ตำแหน่งของเจ้าจะไม่ด้อยไปกว่ายามนี้แน่นอน มีแต่จะสูงขึ้นอีกด้วย”

ใต้เท้าฉินชอบคนมีฝีมือ

ความสามารถของลู่อี้ไม่ควรถูกฝังในสถานที่เล็ก ๆ เช่นนี้ โดยเฉพาะเมื่อนายอำเภอคนใหม่จิตใจคับแคบ

นักการเการอเขาอยู่ที่ประตู เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาก็ถามขึ้นว่า “ใต้เท้าฉินอยากพาเจ้าไปด้วยหรือ?”

“พี่เกามีสายตาเฉียบแหลม”

นักการเกากล่าวว่า “เจ้าทำงานให้เขามามากเพียงไรแล้วล่ะ เหตุผลครึ่งหนึ่งที่เขาเลื่อนตำแหน่งได้ก็เพราะเจ้า จะปล่อยเจ้าที่เป็นดั่งมือเท้าไปง่าย ๆ ได้อย่างไร เขาย่อมชักชวนเจ้า”

“แต่หากเป็นข้า ข้าไปแน่ ใต้เท้าโจวผู้นี้ไม่ได้พูดกับเจ้าเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วตัวเขาเองก็พาคนสนิทมาด้วยสองสามคน หลังจากนี้ไม่ดีแน่!”

“ข้าไม่ไปหรอก” เขาในยามนี้รับใช้จวนเจียงเหล่า หากคิดทิ้งงานกลางคัน เจียงเหล่าไม่เห็นดีด้วยแน่ นอกจากนั้น อีกไม่ช้าใต้เท้าโจวจะรู้เองว่านายที่แท้จริงของเมืองฮู่เป่ยคือผู้ใด

“ข้าอยากไป แต่ใต้เท้าฉินไม่คิดพาข้าไป” นักการเการำพึงเบา ๆ “คนเราก็เช่นนี้ ต่างคนล้วนมีครรลองของตน..”

มู่ซืออวี่กำลังวาดภาพ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก นางก็วางพู่กันลงแล้วลุกขึ้น

“ฮูหยิน” ลู่อี้ผลักประตูเข้ามา “ข้ากลับมาแล้ว”

“ในหม้อมีน้ำร้อน ข้าจะไปยกมาให้”

“ไม่ต้องหรอก จือเชียนไปจัดการแล้ว”

ลู่อี้กอดมู่ซืออวี่ไว้แล้วจุมพิตหน้าผากของนาง “ขอบคุณน้ำแกงจากฮูหยิน หลังจากดื่มน้ำแกงของฮูหยิน ข้าก็อุ่นวาบไปทั้งกาย ลืมความเมามายไปเสียสิ้น”

มู่ซืออวี่เห็นเขาตาลอยก็หัวเราะหึ ๆ เสียงเย็น ก่อนจะโยนเขาให้จือเชียนพาไปอาบน้ำ

ไม่นานนัก จือเชียนก็พยุงลู่อี้ที่สติเลือนหายออกมา

“จือเชียน เจ้าไปพักก่อนเถอะ ข้าจะเรียกคนมาจัดการกับน้ำพรุ่งนี้เอง”

“ขอรับ” จือเชียนพยุงลู่อี้ไปนอนบนเตียง “ฮูหยินก็รีบพักผ่อนเถิด”

มู่ซืออวี่นั่งที่ขอบเตียง ปล่อยให้ลู่อี้คว้านางไปกอด “ฮูหยินอย่าโกรธเลย พรุ่งนี้ข้าจะกลับมาอยู่กับเจ้าแน่ ๆ”

“ข้าไม่ได้โกรธ นอนเสีย!” มู่ซืออวี่เอนนอนข้างกายเขา ก่อนจะกอดเขาไว้แน่น “มีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้เถิด”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท