สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 280 นั่นกลิ่นอะไร

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 280 นั่นกลิ่นอะไร?

บทที่ 280 นั่นกลิ่นอะไร?

“ต้าจู้ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เหยาซื่อถามอย่างกระวนกระวายใจ

ต้าจู้มองดูตนเอง จากนั้นจึงหันไปมองทุกคน “ข้าเป็นอะไรหรือ?”

“เมื่อครู่นี้เจ้าเสียสติไปแล้ว” ลู่จงกล่าว “เจ้าเอาแต่พูดจาไร้สาระ อีกทั้งยังเกือบจะตีภรรยาเจ้าแล้ว”

“ข้า… ข้าตีโม่หลานหรือ?” ต้าจู้มองจางโม่หลานด้วยสีหน้าตกตะลึง “ข้าตีถูกเจ้าหรือไม่? เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?”

จางโม่หลานสั่นศีรษะเล็กน้อยแล้วมองเขาอย่างเป็นกังวล “ท่านแม่บังข้าไว้ เลยไม่ถูกตี”

“เหตุใดข้าจึงกลายเป็นเช่นนี้? เมื่อครู่… เมื่อครู่ข้าเพิ่งกลับมาจากตัดฟืน ต่อมาข้าก็จำอะไรไม่ได้แล้ว” ต้าจู้ขยับตัว ทว่าเขายังคงถูกมัดเอาไว้จึงขยับเขยื้อนไม่ได้

“แปลก” ท่านหมอจูเอ่ยกับตนเอง จากนั้นหันไปมองท่านหมอกงอีกครั้ง “ท่านคิดว่าอย่างไร?”

“ตอนนี้ยังมองอะไรไม่ออก” ท่านหมอกงส่ายหน้า

“เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?” เหยาซื่อถามขึ้นมา

“ทำได้เพียงสังเกตอาการก่อนแล้ว” ท่านหมอจูกล่าว “วันนี้ดึกมากแล้ว ตระเตรียมที่หลับนอนให้ท่านหมอกงเสียก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”

ผู้คนที่มามุงดูแยกย้ายกันพร้อมหอบความสงสัยกลับไป

“ท่านหมอจู ท่านหมอกง พวกเรากำลังจะกินข้าวพอดี ไปกินด้วยกันสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ!” มู่ซืออวี่ชักชวน

“ได้” ท่านหมอจูมองท่านหมอกง “ไปเถอะ เราจะได้แลกเปลี่ยนทักษะการรักษากัน”

เหยาซื่อดึงมือของมู่ซืออวี่ไป “แม่ฉาวอวี่ ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อเจ้า แต่เรื่องนี้อัปมงคลเกินไปแล้ว ข้ารบกวนเซี่ยคุนพาพวกเราขึ้นเขาไปจุดธูปขอขมาได้หรือไม่?”

มู่ซืออวี่หันไปมองลู่อี้

ฝ่ายหลังพยักหน้าเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ได้”

คนอื่น ๆ กลับไปยังบ้านครอบครัวหูซื่อ เซี่ยคุนพาเหยาซื่อและต้าจู้ขึ้นภูเขาไปกราบขอขมาเซียนเพียงพอน

บนโต๊ะอาหาร มู่ซืออวี่เอาแต่จิ้มข้าวในถ้วย ตกอยู่ในห้วงภวังค์

“ยังคิดถึงเรื่องต้าจู้อยู่หรือ?” ลู่อี้จับตะเกียบขึ้นมาแล้วคีบอาหารให้นาง

“ข้าไม่เชื่อเรื่องเซียนเพียงพอนอะไรนั่น เรื่องนี้แปลกประหลาดมาก” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “หรือว่าต้าจู้จะมีโรคอะไรแอบแฝงอยู่ จึงเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น?”

“ร่างกายของเขาไม่มีปัญหา” ท่านหมอจูเอ่ย “ข้าอยู่ในหมู่บ้านนี้มาหลายปีเพียงนี้แล้ว ย่อมรู้จักสุขภาพของเขาดี ปกติแล้วเขาแข็งแรงราวกับวัวตัวหนึ่ง ไม่เคยแม้แต่จับไข้ นับประสาอะไรกับมีโรคแอบแฝงอยู่”

“เช่นนั้นก็แปลกจริง ๆ” มู่ซืออวี่รับคำ

วันถัดมา มู่ซืออวี่เพิ่งตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างรีบร้อนดังจากข้างนอก

นางเปิดประตู ก่อนที่นางจะได้กล่าวสิ่งใด เหยาซื่อก็เอ่ยขึ้นก่อน “ต้าจู้ป่วยอีกแล้ว”

“เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“เมื่อครู่นี้เอง” เหยาซื่อกล่าว “ต้าจูของพวกเราทำงานหนักยิ่งนัก ทุกวันเขาจะออกไปตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อครู่นี้เขาก็เพิ่งออกไป ทว่าไม่นานนักก็มีคนมาบอกว่าเขามีอาการคลุ้มคลั่ง จะกัดทุกคนที่พบเห็น”

ลู่อี้ออกมาจากข้างใน “ไม่ต้องร้อนใจ ข้าจะไปดู ฮูหยินเจ้าไปเชิญท่านหมอจูกับท่านหมอกงมา”

“ได้”

เมื่อทุกคนรุดไปที่บ้านของเหยาซื่อ ลู่อี้ก็มัดต้าจู้ไว้อีกครั้งแล้ว

ข้างนอกมีชาวบ้านมารายล้อมมากมาย แม้กระทั่งหัวหน้าหมู่บ้านก็ได้รับการแจ้งข่าวแล้ว เขาพาคนสองสามคนเข้ามาในลานบ้าน

มู่ซืออวี่รู้ว่าคนยุคสมัยก่อนเชื่อสิ่งลี้ลับ หากไม่พบสาเหตุที่แท้จริงโดยเร็วที่สุด ทั่วทั้งหมู่บ้านย่อมตกสู่ความโกลาหลเป็นแน่

“เป็นอย่างไรบ้าง?” หัวหน้าหมู่บ้านถาม

ท่านหมอจูและท่านหมอกงมองหน้ากัน

“เมื่อคืนนี้พวกเราปรึกษากันอยู่นาน อาการเช่นนี้ของเขาดูเหมือนว่าจะทานเห็ดพิษบางอย่างเข้าไป ทว่าหากเป็นเห็ดพิษ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเดี๋ยวสร่างเดี๋ยวคลั่งเช่นนี้ เขาคงกินอย่างอื่นเข้าไป ต้าจู้กินเหมือนคนในครอบครัว ไม่ควรที่จะเป็นอย่างนี้เพียงคนเดียว เป็นไปได้หรือไม่ว่าตอนขึ้นเขาเผลอไปกินอย่างอื่นเข้า?” ท่านหมอกงกล่าว

“พวกเราต้องลองไปดูในที่ที่เขาเคยไปมาสองวันมานี้ วันนี้เหตุใดเขาจึงได้ออกไปตั้งแต่เช้าตรู่เล่า?” ท่านหมอจูเอ่ยถาม

มู่ซืออวี่เข้าไปหาต้าจู้

“เจ้าจะทำอะไร?” ท่านหมอจูเอ่ยถามเมื่อเห็นนางทำเช่นนี้

“บนร่างกายของเขามีกลิ่นหอมอะไรบางอย่าง พวกท่านไม่ได้กลิ่นหรือ?” มู่ซืออวี่กล่าว “เมื่อวานนี้ข้าคิดว่าเป็นเครื่องหอมบางอย่างที่โม่หลานใช้ กลิ่นค่อนข้างอ่อน วันนี้กลิ่นกลับเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม”

ท่านหมอจูกับท่านหมอกงเข้าไปใกล้ ๆ ต้าจู้

เหยาซื่อก็ทำตามพวกเขาเช่นเดียวกัน คราแรกไปดมกลิ่นจากจางโม่หลาน จากนั้นจึงไปดมกลิ่นต้าจู้ที่กำลังคลั่ง ชักสีหน้าดุร้าย

“มีกลิ่นจาง ๆ อยู่จริง ๆ” เหยาซื่อเอ่ย “กลิ่นนี้หอมอยู่หน่อย ๆ”

“ในเมื่อมีกลิ่นติดเขามาเล็กน้อย เช่นนั้นย่อมมีร่องรอยหลงเหลืออยู่” ลู่อี้เอ่ยขึ้น “จือเชียน เจ้าอยู่ที่นี่ดูแลต้าจู้ พวกเราที่เหลือจะออกไปตามหาต้นตอ”

ทุกคนเริ่มแยกย้ายกันออกตามหากลิ่นนั้น

เป็นอย่างที่กล่าวไว้ พวกเขาพบมันเข้าแล้วจริง ๆ

“นี่คืออะไร?” มู่ซืออวี่เห็นลู่อี้นำเถ้าบางอย่างกลับมา อีกทั้งกลิ่นของเถ้านั้นยังคล้ายคลึงกับกลิ่นบนตัวต้าจู้

“หอมอมตะ” ลู่อี้ตอบ

“หอมอมตะคืออะไร?” มู่ซืออวี่งุนงง

ท่านหมอจูเอ่ยอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น “ของที่ใช้ในหอนางโลม ปกติแล้วจะใช้ในจำนวนน้อย หากสูดดมเข้าไปมากเกินไปจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้แล้ว คนส่วนใหญ่ไม่สูดดมเข้าไปมากเกินไปหรอก”

มู่ซืออวี่มองลู่อี้อย่างจับพิรุธ

ลู่อี้กระแอมเบา ๆ จากนั้นจึงอธิบายว่า “ข้าได้กลิ่นนี้เหมือนจากตัวต้าจู้ จึงถามท่านหมอจูระหว่างทาง เขาบอกข้ามาแบบนี้”

“เหตุใดจึงพบของที่ทำร้ายคนเช่นนี้ข้างนอก?” เหยาซื่อเอ่ย “ต้าจู้ของพวกเราแทบจะไม่เคยออกจากหมู่บ้าน นับประสาอะไรจะกลับมาพร้อมกับของประเภทนี้”

“ในหมู่บ้านของพวกเรามีเพียงคนเดียวที่มีความเกี่ยวข้องกับของสิ่งนี้” มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว “ทว่าไม่มีหลักฐาน เกรงว่าจะตรวจสอบได้ไม่ง่ายนัก”

คนผู้นั้นคือใคร ทุกคนล้วนกระจ่างแจ้งแก่ใจ

อย่างที่มู่ซืออวี่กล่าว ก่อนที่จะมีหลักฐานบ่งชี้ว่าคนผู้นั้นเป็นผู้ร้าย ย่อมไม่มีทางตรวจสอบออกมาได้

“ท่านหมอทั้งสองท่าน บัดนี้รู้สาเหตุแล้ว รักษาอาการสามีของข้าได้หรือไม่เจ้าคะ?” จางโม่หลานเอ่ยถาม

“ตอนนี้ในเมื่อทราบสาเหตุแล้ว แน่นอนว่าย่อมรักษาได้” ท่านหมอกงเอ่ย “เจ้าไปเตรียมน้ำเย็น ให้เขาอาบน้ำเสียก่อน หลังจากแช่น้ำ ป้อนยาให้เขาดื่มไม่กี่ครั้งก็หายแล้ว”

“อันที่จริงแล้ว หากจะตรวจสอบคนร้ายก็ไม่ยาก” ลู่อี้เอ่ยขึ้น “เพียงแค่แสดงละครสักฉากเท่านั้น”

รุ่งเช้า ควันลอยโขมงไปทั้งบ้าน

แม่เฒ่าเจียงมองข้าวที่อยู่ในโอ่ง จากนั้นก็เริ่มสาปส่งถังซื่อ “ผีหิวโหยกลับชาติมาเกิดแท้ ๆ! เพิ่งซื้อข้าวมาก็เหลือเพียงน้อยนิดเช่นนี้แล้ว”

“ท่านแม่ ก็ท่านเพิ่งจัดงานแต่งของน้องสามีข้าไป คนมากมายเพียงนั้น ไม่หมดได้อย่างไร?” ถังซื่อเอ่ยเถียงขึ้นมา

“จะตายอยู่แล้ว เจ้ายังจะกล้าเถียงข้าอีกรึ!” แม่เฒ่าเจียงหยิบช้อนขว้างออกไป “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าแอบขโมยข้าวไปขายรึ? นังดาวไม้กวาด*[1] ของไร้ประโยชน์ กล้าเอาของข้าไปขาย ข้าจะให้ต้าไห่หย่ากับเจ้า”

“ท่านแม่ ท่านต้องคิดให้กระจ่าง มู่ต้าซานจนถึงตอนนี้ยังไม่มีภรรยา ไม่ใช่เพราะตอนนั้นท่านให้หย่ากับถงซื่อหรอกหรือ?” ถังซื่อเบ้ปาก “น้องรองยังโทษท่านอยู่เลย ท่านยังคิดอยากทำผิดต่อลูกชายคนโตของท่านอีกหรือ?”

“ข้า…”

“ท่านแม่ ข้าหิวแล้ว” เรือนร่างงดงามร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่ประตูห้องครัว

หญิงมาใหม่สวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ บนหัวปักปิ่นเงิน บนหน้าแต่งแต้มเครื่องประทินโฉม เดิมทีนางมีความงามเพียงห้าส่วนเท่านั้น ทว่าแต่งกายเช่นนี้ก็ขับให้นางดูงามขึ้นถึงเจ็ดส่วน

คนผู้นี้คือภรรยาที่แต่งมาใหม่ของมู่ตงหยวน เจี่ยงเสี่ยวถง

[1] ดาวไม้กวาด หมายถึง ตัวซวย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท