สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 291 ความลับเล็ก ๆ ของเด็กหนุ่ม

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 291 ความลับเล็ก ๆ ของเด็กหนุ่ม

บทที่ 291 ความลับเล็ก ๆ ของเด็กหนุ่ม

“พี่สะใภ้ ท่านอย่าได้หลงเชื่อนาง” ลู่เซวียนเอ่ยขึ้น “เมื่อครู่นี้นางบอกว่าที่บ้านบังคับให้นางแต่งงาน นางหลบหนีจากการแต่งงาน ยังกล่าวอีกว่าครอบครัวของนางบังคับให้แต่งกับหญิงแก่อัปลักษณ์ ข้าว่านางไม่ได้พูดความจริงหรอก”

สีหน้าของฉู่หนิงจูเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ข้าเป็นสตรีเพียงผู้เดียวมาจากเมืองหลวงจนถึงเมืองฮู่เป่ย ระยะทางถึงพันลี้ เส้นทางยาวไกลเพียงนั้น หากข้าไม่แปลงโฉม ข้าคงถูกผู้อื่นจับไปขายแล้ว ข้าชมชอบความมีคุณธรรมและน้ำใจของอาจารย์ซวีไฮว่จากในหนังสือ คิดว่าท่านจะเป็นคนมีน้ำใจเปี่ยมคุณธรรมเช่นกัน ที่แท้ข้าก็คิดผิด แท้จริงแล้วท่านเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจ”

หลังจากนั้น นางก็ย่อตัวลง ดวงตาแดงก่ำขึ้นมา

มู่ซืออวี่และลู่อี้สบตากัน

ลู่อี้เอ่ยขึ้นเบา ๆ “เรื่องนี้ให้เจ้าจัดการ”

“ท่านพี่…” เมื่อเห็นว่ามู่ซืออวี่และลู่อี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขา ชายหนุ่มก็ร้อนอกร้อนใจขึ้นมา “ข้าไม่รู้ว่าต้องจัดการอย่างไร”

“เจ้าทำตามที่ใจเจ้าต้องการ เจ้าคิดอย่างไรก็จัดการเช่นนั้น เจ้าทุกข์เหล่านั้นจัดการง่าย เพียงแค่คืนเงินให้พวกเขาก็ได้แล้ว ข้าว่าฉู่ฉู่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่ได้หลอกเอาเงินพวกเขามากมายเพียงนั้น” มู่ซืออวี่กล่าว “เจ้าคืนเงินจำนวนนี้ให้พวกเขาไปก่อน ส่วนแม่นางฉู่ฉู่ พวกเจ้าก็ตกลงกันเองว่าจะทำอย่างไร”

สองสามวันต่อมา ลู่เซวียนมีผู้ติดตามตัวน้อยเพิ่มเข้ามา

ฉู่หนิงจูยังคงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าของผู้ชาย นางต้องการติดตามลู่เซวียนเข้าไปในสำนักบัณฑิตในฐานะเด็กรับใช้

ครานี้ไม่เพียงแต่ลู่เซวียนเท่านั้นที่ไม่เห็นด้วย มู่ซืออวี่ก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน อย่างไรเสียในสำนักบัณฑิตก็มีแต่บุรุษ ฉู่หนิงจูที่เป็นแม่นางน้อยผู้หนึ่งติดตามลู่เซวียนทั้งวันย่อมทำให้ชื่อเสียงของนางเสื่อมเสีย

มู่ซืออวี่วาดแบบแล้วแบบเล่าแต่ก็ยังคงไม่เป็นที่พอใจ เมื่อได้ยินเสียงดังมาจากสวน นางจึงเปิดหน้าต่างออกไป กระทั่งเห็นฉู่หนิงจูและลู่เซวียนอีนุงตุงนังกันอยู่ในสวน

แม่นางน้อยผิวพรรณอ่อนนุ่มบอบบาง หน้าตาสวยหวานพริ้มเพรา โดยเฉพาะดวงตาที่บ่งบอกถึงความเฉลียวฉลาดคู่นั้นของนาง ดูไปแล้วราวกับบุตรสาวตระกูลขุนนางที่ถูกเลี้ยงมาในเรือนกระจก ไม่เคยประสบพบเจอกับความดำมืด นี่เป็นเหตุผลที่มู่ซืออวี่ให้นางอยู่ที่นี่

แม่นางน้อยที่ใสซื่อบริสุทธิ์เช่นนี้ หากปล่อยไว้เพียงลำพัง ไม่รู้ว่าคราวหน้าจะโชคดีเช่นนี้หรือไม่ มีเพียงผู้ที่เคยเห็นความมืดมนเท่านั้นที่จะเข้าใจว่าโลกภายนอกดำมืดเพียงใด แม่นางน้อยผู้นี้จะเข้าใจได้อย่างไร?

“ในเมื่ออาจารย์ซวีไฮว่ในจินตนาการของเจ้าแตกต่างจากข้าถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเจ้าก็หยุดตามติดข้าได้หรือไม่?” ลู่เซวียนเอ่ยอย่างหมดความอดทน

“ไม่ได้ ถึงแม้เจ้าจะไม่อบอุ่นเหมือนอาจารย์ซวีไฮว่ที่ข้าคิดไว้ แต่ข้าก็ยังชอบเรื่องที่ท่านเขียน ข้าตัดสินใจว่าข้าอยากติดตามท่าน จะได้อ่านเรื่องที่ท่านเขียนเป็นคนแรก”

“ข้าจัดเตรียมขบวนส่งเจ้ากลับบ้านดีหรือไม่? คุณหนูใหญ่ อย่าได้เกาะติดข้าเลย”

“ข้าไม่ต้องการ ข้าอยากติดตามท่าน”

มู่ซืออวี่ระเบิดหัวเราะออกมา

ลู่เซวียนและฉู่หนิงจูได้ยินเสียงหัวเราะจึงหันมามอง

“พี่สะใภ้ ท่านยังหัวเราะข้าอีก! ข้าบอกแล้วว่าไม่ให้นางอยู่ ท่านกลับยืนกรานจะให้นางอยู่ บัดนี้ข้าไปที่ใดนางก็ตามข้าไปทุกที่ ท่านรู้หรือไม่ว่าวันนี้นางทำอะไร? นางปลอมตัวเป็นบุรุษเข้าไปในสำนักบัณฑิต ทั้งยังบอกว่าข้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของนาง”

“ฉู่ฉู่ ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้ลู่เซวียนได้มีเวลาส่วนตัวบ้าง? หากเจ้าตามติดเขาเช่นนี้ เขาจะหายใจไม่ออกได้” มู่ซืออวี่อับจนปัญญาแล้ว

“แต่ว่า…” ฉู่หนิงจูมองลู่เซวียน “ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าเขาเขียนเรื่องราวมหัศจรรย์เช่นนั้นออกมาได้อย่างไร”

“เจ้ามานี่ ข้าจะพาเจ้าไปกินของอร่อย พวกเราให้ลู่เซวียนได้อยู่เงียบ ๆ สักครู่หนึ่ง” มู่ซืออวี่กวักมือเรียกฉู่หนิงจู

ฉู่หนิงจูเหลือบมองลู่เซวียนหนึ่งที จากนั้นจึงเดินตามมู่ซืออวี่ไปอย่างห่อเหี่ยว

อันที่จริงมู่ซืออวี่รู้สึกว่าการกระทำของฉู่หนิงจูเหมือนแฟนคลับในยุคปัจจุบัน เพียงเพราะชื่นชมคนผู้หนึ่ง นางจึงเห็นเขาเป็นแสงสว่าง อยากเห็นเขาใกล้ ๆ อยากใกล้ชิดกับแสงสว่างดวงนั้นอีกสักหน่อย

ความกระตือรือร้นของนางดุจเปลวไฟ เร่าร้อนเกินไป จนทำให้ลู่เซวียนรู้สึกอึดอัด หากนางควบคุมตัวเองอีกสักเล็กน้อย ย่อมไม่มีผู้ใดเกลียดคนที่เห็นตนเป็นดั่งแสงสว่าง ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าตัวยังเป็นแม่นางน้อยแสนหวานที่น่ารักถึงเพียงนี้

ลู่เซวียนทำการบ้านที่ได้รับมอบหมายอยู่ในห้องจนเสร็จ

หลังจากเขียนเสร็จแล้ว เขาก็ค้นพบเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือเจ้าเด็กคนนั้นไม่ได้มาหาเขาอีก ชายหนุ่มจึงรู้สึกโล่งใจอยู่บ้าง

“ฉู่ฉู่ คนที่บ้านเจ้าจะไม่เป็นห่วงเจ้าหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถามขึ้นมา “เหตุใดเจ้าไม่ส่งจดหมายไปให้พวกเขา ให้พวกเขารู้ว่าเจ้าปลอดภัย มิเช่นนั้นหากเอาแต่ห่วงเจ้าทั้งวัน เช่นนั้นจะไม่เจ็บปวดหรอกหรือ!”

“ที่บ้านของพวกเรามีลูกหลานมากมาย ถึงแม้ข้าจะหายไปคนหนึ่งก็ไม่สำคัญอะไร” ฉู่หนิงจูเอ่ยอย่างผิดหวัง “อันที่จริงแล้ว ข้าหนีออกจากบ้านมาครานี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากพบอาจารย์ซวีไฮว่ อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะข้าอยากออกจากบ้านหลังนั้น ที่บ้านของพวกเรามีพี่ชายน้องสาวมากมาย ทว่าแต่ละคนล้วนมีความคิดเป็นของตัวเอง พี่หญิงมู่ ความสัมพันธ์ของพวกท่านดียิ่งนัก ข้าล่ะอิจฉาพวกท่านจริง ๆ”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็อยู่ที่นี่เถอะ ยามใดที่เจ้าคิดถึงบ้านขึ้นมา พวกข้าจะจัดเตรียมคนส่งเจ้ากลับไป” มู่ซืออวี่กล่าว “แต่พวกเราตกลงกันให้ดีเสียก่อน เจ้าจะปลอมตัวเข้าไปในสำนักบัณฑิตไม่ได้อีกเป็นอันขาด”

“แต่ว่าเจ้าสำนักยอมรับให้ข้าเรียนกับลู่เซวียนแล้ว พรุ่งนี้ข้าต้องไปสมัครเข้าเรียนอย่างเป็นทางการแล้ว” ฉู่หนิงจูกะพริบตาปริบ ๆ แล้วเอ่ยอย่างใสซื่อ

มู่ซืออวี่ประหลาดใจ “เจ้าอยากไปเรียนกับลู่เซวียนงั้นหรือ?”

“อื้ม” ฉู่หนิงจูพยักหน้า “ข้าไม่เคยไปสำนักบัณฑิตมาก่อน ข้าอยากเที่ยวชมสักหน่อย จะได้ใกล้ชิดกับอาจารย์ซวีไฮว่ด้วย”

มู่ซืออวี่คาดเดาได้ทันทีว่าลู่เซวียนจะรู้สึกปวดหัวเพียงใด

ข้อขอโทษนะน้องสามี พี่สะใภ้คนนี้พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว

ระหว่างทานมื้อค่ำ ทันทีที่ลู่เซวียนรู้ข่าวนี้ ตะเกียบในมือของเขาก็พลันร่วงลงมาทันที

ลู่อี้ใช้ตะเกียบคีบอาหารให้มู่ซืออวี่ ราวกับไม่มีสิ่งใดสามารถกระทบกระเทือนเขาได้

“เจ้าล้อเล่นอยู่หรือ? ที่นั่นมีแต่บุรุษ” ลู่เซวียนขมวดคิ้ว “ไม่อนุญาตให้ไป!”

“แต่เจ้าสำนักอนุญาตแล้ว” ฉู่หนิงจูกล่าว

“ข้าจะไปอธิบายกับเจ้าสำนักเอง” ลู่เซวียนกล่าว

“โอ้” สีหน้าของฉู่หนิงจูดูไม่สะทกสะท้าน “พี่หญิงมู่ อาหารจานนี้อร่อยนัก ข้าไม่เคยกินอาหารอร่อยเช่นนี้มาก่อน”

ลู่เซวียนหัวเราะเยาะ “หึ พวกชอบประจบ”

“พวกชอบประจบ?” มู่ซืออวี่มองลู่เซวียนด้วยสายตาไม่เป็นมิตร “เจ้าหมายความว่าที่ฉู่ฉู่พูดมานั้นไม่จริงหรือ?”

“ไม่ใช่สิ พี่สะใภ้ ฝีมือของท่านไม่ต้องเอ่ยถึง ทุกคนล้วนรู้ว่าฝีมือของท่านล้ำเลิศเพียงใด เพียงแต่น้ำเสียงของนางดูเกินจริงไปเท่านั้น” ลู่เซวียนรีบแก้ตัว

ฉู่หนิงจูยิ้มอย่างผู้กุมชัยชนะ นางยกยิ้มไปทางลู่เซวียน

ลู่เซวียนเห็นข้าวเม็ดหนึ่งติดอยู่ที่มุมปากนาง ทว่านางไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย ทั้งยังทำท่าทีอวดดีราวกับหนูขโมยข้าวกิน

รอยยิ้มพลันปรากฏผ่านแววตาของเขา

อันที่จริง ถึงแม้สาวน้อยผู้นี้จะเกาะหนึบเล็กน้อยแต่กลับค่อนข้างน่ารักทีเดียว เพียงแต่การพูดจาของนางอาจทำให้คนปวดหัวอยู่บ้าง

“อันอวี้ เจ้าเรียนเย็บปักถักร้อยเป็นอย่างไรบ้าง?” มู่ซืออวี่ถามขึ้นมา

อันอวี้เอ่ยตอบเบา ๆ “พอใช้ได้จ้ะ ถึงแม้จะเหนื่อยมาก แต่ก็ช่วยให้ข้ากระปรี้กระเปร่า มีความหวังทุกวัน”

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ดูเหมือนเจ้าจะพบสิ่งที่ตนเองชื่นชอบแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “พวกเราล้วนหาสิ่งที่ตนเองต้องการไขว่คว้าจนพบ ความสุขคงเป็นเช่นนี้กระมัง!”

อันอวี้หันมองเซี่ยคุน ใบหน้าของนางแดงเรื่อขึ้นมา ราวกับเป็นฟองอากาศสีชมพูอย่างไรอย่างนั้น ความชื่นชมที่มีต่อเซี่ยคุนประหนึ่งว่ากำลังเอ่อล้นออกมาแล้ว

เซี่ยคุนเอ่ยกับอันอวี้ว่า “ภายหน้าตอนกลางคืน เจ้าไม่ต้องเย็บปักถักร้อยแล้ว ประเดี๋ยวจะไม่ดีต่อสายตาเจ้า”

อันอวี้ได้ยินแล้วก็เพียงพยักหน้าอย่างว่าง่าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท