บทที่ 327 ต่อรองกับจงอ๋อง
บทที่ 327 ต่อรองกับจงอ๋อง
หน้าประตูจวนจงอ๋อง เซี่ยคุนหันไปมองมู่ซืออวี่ “เจ้าจะเข้าไปจริง ๆ หรือ?”
มู่ซืออวี่พยักหน้าเบา ๆ “ก่อนที่ข้าจะมา สามีข้าบอกว่าเขากำลังช่วยจงอ๋อง หากจงอ๋องรู้ตัวตนของข้า เขาย่อมไม่ทำให้ข้าลำบากใจเป็นแน่ ข้าเชื่อสิ่งที่สามีของข้าพูด ข้าอยากให้จงอ๋องช่วยข้าหลุดจากสภาพอับจนหนทางในตอนนี้ เมืองซูโจวเป็นเมืองใหญ่ คนที่มีอำนาจที่นี่มีอยู่มากมาย ทว่าคนเหล่านี้รวมกันแล้วยังวิปลาสได้ไม่เท่าจงอ๋อง ข้าจึงอยากลองโน้มน้าวเขาให้ช่วยข้า”
“ข้าจะเข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า”
“ไม่ต้องล่ะ ข้าจะเข้าไปเอง
เซี่ยคุนมองนางด้วยสายตาที่ราวกับกำลังมองคนโง่งม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าจงอ๋องอันตรายเพียงใด?”
“ข้ารู้ แต่ข้าก็รู้เช่นกันว่าคนเช่นนี้เย่อหยิ่งจองหองเป็นที่สุด หากข้าเข้าไปเพียงลำพัง เขาเห็นว่าข้าเป็นเพียงสตรีอ่อนแอผู้หนึ่ง คงไม่สบอารมณ์อยู่จริง ๆ แต่เป็นไปได้ว่าเพื่อไว้หน้าลู่อี้ เขาคงไม่ทำให้ข้าลำบากใจ”
ตอนนั้นลู่อี้ยังไม่ได้เป็นขุนนาง ทว่าเป็นเพราะเขาสร้างประโยชน์อย่างใหญ่หลวงให้กับจงอ๋อง จงอ๋องจึงให้ความสำคัญกับลู่อี้เป็นอย่างมาก
จงอ๋องยกย่องชมเชยลู่อี้ไม่น้อย แต่เขารู้ว่าคนอย่างลู่อี้รั้งไม่อยู่ ดูจากนิสัยของจงอ๋องแล้ว เขาย่อมจัดการคนไม่เชื่อฟัง ทว่าเขาก็ชื่นชอบสัตว์ร้ายเพราะสนุกที่ได้ควบคุมมัน ฉะนั้นในสายตาของเขา ลู่อี้จึงเป็น ‘สัตว์ร้าย’ ที่ต้องเลี้ยงให้เชื่อง ไม่อาจตัดใจเอาชีวิตก่อนได้
คนของจวนจงอ๋องได้ยินสถานะของมู่ซืออวี่จึงเข้าไปรายงาน หลังจากได้รับคำอนุญาตจากจงอ๋องแล้ว มู่ซืออวี่จึงถูกนำตัวเข้าไป
เซี่ยคุนมองผนังกำแพงจวนจงอ๋อง ไตร่ตรองดูว่าโอกาสที่จะกระโดดเข้าไปจากตรงนี้โดยไม่ให้องครักษ์เงาที่อยู่ข้างในค้นพบนั้นมีกี่ส่วน ท้ายที่สุดแล้วเขาจึงตัดสินใจที่จะเชื่อใจความสามารถของมู่ซืออวี่ รออยู่ข้างนอกสักครึ่งชั่วยามแล้วค่อยว่ากัน
“คารวะท่านอ๋อง” มู่ซืออวี่ทำความเคารพ
จงอ๋องกำลังลูบแมวน้อยตนหนึ่งอยู่
เสียงที่เปล่งออกมาจากแมวน้อยตัวนั้นดูแปร่ง ๆ เล็กน้อย
เมื่อลองมองดูดี ๆ จึงพบว่าลูกแมวตัวนั้นเป็นพันธุ์ใด
เห็นได้ชัดเจนว่ามันเป็นลูกเสือ
หากมีวันใดวันหนึ่งที่จงอ๋องตาย ย่อมไม่ได้ถูกมือสังหารฆ่าตายแน่นอน เพราะที่นี่ราวกับเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก มือสังหารบุกเข้ามาไม่ได้แม้แต่น้อย
คงมีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้จงอ๋องตาย นั่นก็คือถูกสัตว์ป่าดุร้ายเขมือบลงท้อง
“เจ้าเป็นสตรีของลู่อี้หรือ?” จงอ๋องมองสำรวจนางขึ้น ๆ ลง ๆ “เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไร?”
อายุอานามของจงอ๋องราว ๆ ยี่สิบปีเท่านั้น ทว่าสายตาของเขาโหดเหี้ยม ราวกับภูตผีที่คลานขึ้นมาจากนรก เต็มไปด้วยเจตนาร้ายที่มีต่อโลกใบนี้
โชคดีที่ตัวร้ายที่นางเจอไม่ใช่แบบนี้ ไม่เช่นนั้นนางคงอยู่ไม่พ้นบทที่สาม ไม่มีโอกาสมีชีวิตดี ๆ เช่นในตอนนี้หรอก
“นี่เป็นภาพแบบที่เขียนโดยเรือนกรุ่นฝันของเราเจ้าค่ะ ได้โปรดชมดู” มู่ซืออวี่นำภาพแบบออกมาให้เขาดู
จงอ๋องนั้นเดิมทีไม่แยแสต่อสิ่งใด ทว่าเมื่อเขาเห็นภาพแบบ จู่ ๆ ก็รู้สึกสนใจขึ้นมา
เขาถามว่า “นี่คืออะไร?”
“นี่เป็นเรือนย่อยที่จะสร้างให้ท่านอ๋องเจ้าค่ะ” มู่ซืออวี่กล่าว “ท่านอ๋องจิตใจอ่อนโยน ชมชอบเลี้ยงสัตว์ ข้าคิดจะสร้างเรือนย่อยให้เป็นสวนสัตว์ขนาดใหญ่เจ้าค่ะ”
จงอ๋องไม่เคยได้ยินว่ามีแผนการเช่นนี้มาก่อน เขาจึงสนใจขึ้นมา
หลายวันมานี้ ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเพียงใดอยากรับงานออกแบบเรือนย่อยของเขา เพียงแต่คนเหล่านั้นล้วนไม่กล้ามาพบ กล้าเพียงแค่ให้ข้ารับใช้ส่งกระดาษมาให้ อีกทั้งบนภาพแบบเหล่านั้นเป็นลายผีสางอะไรก็ไม่รู้ เขาดูไม่เข้าใจ ทว่าภาพแบบของมู่ซืออวี่เรียบง่ายและง่ายต่อการเข้าใจ อีกทั้งยังออกแบบได้ราวกับเข้าไปอยู่ในใจเขา
ไม่มีคนสนิทคนไหนเข้าใจความต้องการเขาแม้แต่น้อย
“ได้ ข้าจะให้โอกาสเจ้า เจ้าออกแบบได้ดีมาก หากมันออกมาไม่ดีอย่างที่เจ้ากล่าว เช่นนั้นเจ้าก็ตายไปเสีย” จงอ๋องมองมู่ซืออวี่ด้วยสายตาเยียบเย็น
“แต่ท่านอ๋อง ตอนนี้ข้าเป็นเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในร้าน งานนี้ข้าไม่อาจทำให้ลุล่วงได้เพียงลำพัง”
นี่เป็นจุดประสงค์ที่นางมาในวันนี้
ขอแค่เพียงจงอ๋องเอ่ยเพียงคำเดียว ปล่อยเจิ้งซูอวี้และคนอื่น ๆ ออกมาก่อน แล้วค่อยสืบสาวราวเรื่องทีหลัง นั่นมิใช่ว่าง่ายขึ้นกว่าเดิมหรือ?
สิ่งเดียวที่นายอำเภอบัดซบคนนั้นหวาดกลัวก็คือจงอ๋อง นี่จึงจะเป็นวิธีที่เร็วที่สุดที่จะจัดการกับเขา
เซี่ยคุนรออยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน
เขากะเวลาคร่าว ๆ ได้ว่าจวนจะครึ่งชั่วยามแล้ว ในเมื่อตอนนี้ยังไม่ออกมา เช่นนั้นเขาคงต้องเข้าไปดูข้างในสักหน่อยแล้ว
แอ๊ด…
ประตูเปิดออก มู่ซืออวี่เดินออกมาโดยมีพ่อบ้านตามออกมาส่ง
“ฮูหยิน เรื่องที่ท่านอ๋องรับปากไว้จะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน ท่านกลับไปรอฟังข่าวดีก็พอแล้ว”
“ขอบคุณท่านพ่อบ้าน”
เมื่อบานประตูจวนจงอ๋องปิดลงอีกครั้ง เซี่ยคุนจึงเอ่ยถาม “เขารับปากแล้วหรือ?”
“ภาพแบบของข้าสร้างมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ หากยังทำให้เขาพอใจไม่ได้ เช่นนั้นคงไม่มีใครในโลกนี้ที่ทำให้เขาพอใจได้อีกแล้ว” มู่ซืออวี่กล่าว “พี่ใหญ่เซี่ย อันธพาลพวกที่มาวันนี้…”
“ข้าไปสอบสวนพวกเขาแล้ว” เซี่ยคุนเอ่ย “พวกเขาเพียงแค่เงินมางานไป วันนั้นมีคนให้เงินพวกเขาจำนวนมาก เป้าหมายคือให้มาทุบทำลายร้านของพวกเรา”
“พวกเขาไม่เห็นหน้าคนผู้นั้นเลยหรือ?”
“แน่นอน คนผู้นั้นสวมหมวกปกปิดตนเอง แต่จากปากคำของอันธพาลเหล่านั้น คนผู้นั้นสูงใหญ่ น่าจะเป็นบุรุษ”
การดำเนินเรื่องของจงอ๋องรวดเร็วว่องไวจริง ๆ ครึ่งชั่วยามต่อมา เจิ้งซูอวี้และคนงานเรือนกรุ่นฝันก็กลับมาแล้ว
ข้าวของภายในร้านยุ่งเหยิงกระจัดกระจาย ทว่าทุกคนยังไม่มีเวลาสนใจเรื่องเหล่านี้
“ท่านทำอย่างไร? เหตุใดพวกเขาจึงปล่อยพวกเรากลับมาเร็วเพียงนี้?” เจิ้งซูอวี้นั่งหมดแรงอยู่ตรงนั้น
“ข้าไปหาจงอ๋องมา เขาสนใจการออกแบบของพวกเรา ข้าใช้โอกาสนี้ขอให้ปล่อยตัวพวกท่านออกมาก่อน เพราะข้าทำงานใหญ่ถึงขั้นนี้คนเดียวไม่ไหว” มู่ซืออวี่เล่า
“เจ้ากล้าจริง ๆ แม้แต่จงอ๋องก็กล้าล่วงเกิน ข้าอยู่ที่นี่มานานขนาดนี้ ขอเพียงแค่เอ่ยชื่อจงอ๋องก็แทบจะหลบหนีไปให้ไกลแล้ว คนที่นี่ล้วนเป็นเหมือนกันหมด จงอ๋องน่าหวาดกลัวเกินไป ผีร้ายยังทำร้ายคนไม่ได้ แต่จงอ๋องกลับสามารถกินเนื้อมนุษย์ ดูดเลือดคนได้”
“บางครั้งจำต้องยอมรับว่า ที่ใดมีคนอยู่ที่นั่นล้วนมีคนเช่นนี้ เพราะเขาชั่วร้ายมากพอ เขาจึงสามารถกำราบคนชั่วร้ายคนอื่น ๆ ได้”
“ท่านรับปากสิ่งใดกับจงอ๋อง?” เจิ้งซูอวี้ถาม
“ข้าบอกว่าเรือนย่อยของเขาเสร็จแล้วข้าจึงจะไป” มู่ซืออวี่เอ่ย “ทุกตารางนิ้วจะต้องทำออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด”
มู่ซืออวี่และเจิ้งซูอวี้ปรึกษาหารือกันเรื่องนี้
เซี่ยคุนเดินนำคนผู้หนึ่งเข้ามา
“นี่คือผู้ใด?” เจิ้งซูอวี้ถาม
“จงอ๋องส่งของขวัญมาให้ กล่าวว่าคนคนนี้ก็คือผู้ร้ายตัวจริง” เซี่ยคุนเอ่ย “ข้ารู้จักเขา เขาขายเครื่องใช้สอยจากไม้อยู่ถนนฝั่งตรงข้าม”
ณ จวนจงอ๋อง
จงอ๋องเอนกายอย่างเกียจคร้าน มองเงาร่างสีขาวที่ปรากฏตัวขึ้น แล้วเอ่ยเบา ๆ ว่า “เต็มใจกลับมาแล้วรึ”
“ข้าเพียงแค่มาดูท่าน ข้าไม่คิดจะกลับมา” เงาร่างสีขาวเอ่ยขึ้น “หมู่นี้อาการปวดหัวดีขึ้นแล้วหรือยัง?”
จงอ๋องเย้ยหยัน “เจ้าไม่กลับมา จะถามข้าเรื่องนี้ให้ได้อะไร เสแสร้งแกล้งทำจริง ๆ”
เงาร่างสีขาวไม่เอ่ยสิ่งใด
“ข้างนอกสนุกหรือไม่?” จงอ๋องเหม่อมองท้องฟ้า “เจ้าป่วยเช่นนี้ ยังทนมานานถึงเพียงนี้ ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ต้องการมีชีวิตอยู่แล้วจริง ๆ”