บทที่ 333 จดหมายจากเฟิงเจิง
บทที่ 333 จดหมายจากเฟิงเจิง
ณ เมืองซูโจว
มู่ซืออวี่เพิ่งกลับมาถึงบ้าน นางยังไม่ทันได้ดื่มชาร้อนสักถ้วย คนรับใช้ก็บอกว่ามีจดหมายจากเมืองฮู่เป่ย นางจึงวางถ้วยชาลงแล้วพูดว่า “รีบเอามาเลย”
จื่อซูถามจากด้านข้าง “อวิ๋นเอ๋อร์หรือนายน้อยฉาวอวี่เป็นผู้เขียนมา?”
“เจ้าลองเดาสิ” มู่ซืออวี่ยกยิ้มขณะอ่านจดหมาย
“บ่าวเดาไม่ออก จื่อเยวี่ยน เจ้าคิดอย่างไร?” จื่อซูถามจื่อเยวี่ยนที่อยู่ด้านข้าง
จื่อเยวี่ยนอมยิ้มแล้วพูดว่า “อวิ๋นเอ๋อร์ไม่สามารถเขียนอักขระได้เยอะนัก ส่วนนายน้อยฉาวอวี่สามารถเขียนได้ แต่ก็ไม่น่าจะยาวมากนัก ไม่น่าจะใช่ทั้งคู่”
รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่ซืออวี่พลันหายไป สีหน้ากลับกลายเป็นลำบากใจ
จื่อซูและจื่อเยวี่ยนมองหน้ากัน
“มีอันใดผิดปกติเกิดขึ้นหรือเปล่าเจ้าคะ?” จื่อเยวี่ยนถาม
“เฟิงเจิงเป็นผู้เขียน” มู่ซืออวี่ตอบ “มีคนแย่งชิงคนในร้านของเราไป”
“ผู้ใดไร้ยางอายถึงเพียงนั้น?”
“จะมีใครหน้าไหนที่ทำเช่นนี้ได้? นอกเสียจากเจิ้งซินเยว่” มู่ซืออวี่พับกระดาษจดหมาย “ข้าต้องเขียนจดหมายกลับไป เฟิงเจิงจะได้ไม่กังวลไปมากกว่านี้”
มู่ซืออวี่เขียนจดหมาย จากนั้นมอบให้จื่อซู แล้วให้นางนำไปส่งให้เซี่ยคุน
‘เรือนกรุ่นฝัน’ ในเมืองฮู่เป่ยมีผู้ช่วยทั้งหมดสี่สิบคน และเด็กฝึกงานอีกสิบสองคน เมื่อนางกลับไป นางจะเลือกเด็กฝึกงานสองสามคนมาสอนทักษะให้ แต่จนถึงตอนนี้ เด็กฝึกงานเหล่านั้นทำได้แค่สัมผัสกับเครื่องมือไม้ธรรมดาเท่านั้น คนที่เป็นผู้นำได้ ยังคงเป็นเด็กฝึกงานเพียงไม่กี่คนที่นางเลือกไว้ก่อนหน้านี้เช่นเฟิงเจิงและหวังต้าชุน
ไม่สำคัญว่าเจิ้งซินเยว่จะต้องการแย่งคนไป นอกจากเฟิงเจิงและหวังต้าชุนแล้ว มู่ซืออวี่ก็ไม่ได้กลัวเสียเด็กฝึกงานและเพื่อนคนอื่น ๆ ไป ต่อให้เฟิงเจิงและหวังต้าชุนจะถูกแย่งตัวไป นางก็ไม่กังวลเช่นกัน เพราะนางมีอำนาจมากพอที่จะจัดการ
“ซืออวี่” เจิ้งซูอวี้เดินเข้ามาจากด้านนอก “สินค้าของเราไม่เพียงพอ”
“สินค้าใด?”
“ไม่นานมานี้ ข้าซื้อไม้ชุดหนึ่งจากตระกูลฉิน จ่ายเงินมัดจำไปแล้ว ทว่าวันนี้เราได้รับแจ้งว่าเรือสินค้าอับปางลง ทางนั้นไม่สามารถส่งมอบได้” เจิ้งซูอวี้นั่งลงข้าง ๆ ขณะพูดอย่างหงุดหงิด
“เรื่องเป็นเช่นนี้เอง” มู่ซืออวี่ถามต่อ “แล้วนอกจากตระกูลฉินแล้ว มีตระกูลอื่นที่มีสินค้านี้หรือไม่?”
“ไม้จันทน์แดงค่อนข้างหายาก ตระกูลฉินเป็นพ่อค้าไม้รายใหญ่ที่นี่ ครอบครัวของพวกเขาผลิตสิ่งนี้มาสามชั่วอายุคน นั่นเป็นเหตุผลที่เราร่วมมือกับพวกเขาตั้งแต่แรก เรากำลังให้บริการจงอ๋อง ทุกขั้นตอนจึงต้องทำให้ดีที่สุดและต้องมีปริมาณมากพอ พ่อค้ารายย่อยเจ้าอื่นไม่อาจตอบสนองความต้องการของเราได้เลย”
“มีพ่อค้าไม้รายอื่นอยู่แถวนี้หรือไม่?”
“ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“ก่อนอื่นท่านต้องสอบถามเรื่องเรือสินค้าของตระกูลฉินอับปางก่อน เราลงนามในข้อตกลงกับพวกเขา และตอนนี้พวกเขาผิดสัญญา พวกเขาต้องให้วิธีแก้ปัญหากับเรา ข้าจะส่งคนไปค้นหาว่ามีพ่อค้าไม้รายใหญ่รายอื่นอยู่หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะใช้นกพิราบส่งจดหมาย บอกให้เฟิงเจิงนำสินค้ามาให้ข้า เมืองฮู่เป่ยเป็นดินแดนของเรา ง่ายต่อการหาสินค้า”
“ดี”
การขนส่งไม้มาจากเมืองฮู่เป่ยนั้น ประการแรกคือปริมาณค่อนข้างเยอะ เฟิงเจิงต้องใช้เวลาสองสามวันในการจัดเตรียมแล้วจึงนัดคนให้นำมาส่ง ใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนจึงจะได้รับสินค้า
นี่คือวิธีแก้ที่ดีที่สุดที่นางต้องทำ
แต่ถ้าต้องการดำเนินการก่อสร้างเลย วิธีที่ดีที่สุดคือต้องมีวิธีอื่น
ณ โรงไม้ตระกูลฉิน เมื่อเจิ้งซูอวี้เข้ามา ก็พบว่าคนงานหลายคนในร้านส่วนใหญ่เป็นหน้าใหม่ ดูเหมือนว่าตระกูลฉินจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีครั้งใหญ่
“เถ้าแก่ของพวกเจ้าอยู่หรือไม่?”
“เถ้าแก่คนใดที่แม่นางกำลังมองหา? หากกำลังมองหาเถ้าแก่ฉิน เขาถูกย้ายไปที่อื่นแล้ว ตอนนี้เถ้าแก่ของเราคือเถ้าแก่หรง”
“ไม่ว่าเถ้าแก่คนใด ข้าก็อยากพบเขา” เจิ้งซูอวี้พูด “บอกเขาว่าข้าคือเถ้าแก่เนี้ยเจิ้งแห่งเรือนกรุ่นฝัน”
“ที่แท้ก็เป็นเถ้าแก่เนี้ยเจิ้งนี่เอง นายน้อยของเราบอกว่า หากเถ้าแก่เนี้ยแห่งเรือนกรุ่นฝันมา ให้พาไปที่ห้องตำรา เขาจะรอท่านอยู่ที่นั่น”
“เช่นนั้นก็นำทางไป!”
ขณะเดินไป เจิ้งซูอวี้ก็นึกถึง ‘นายน้อย’ คนนี้ ดูเหมือนว่าการที่เรือสินค้าของตระกูลฉินอับปาง น่าจะไม่ใช่อุบัติเหตุ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้
นายน้อยคนนี้… เป็นคนอย่างไรกัน?
ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าตระกูลฉินมีคนอายุน้อยดูแลกิจการ
“นายน้อยขอรับ เถ้าแก่เนี้ยเจิ้งมาแล้วขอรับ” ชายคนนั้นพูดจากข้างนอก
“เชิญเข้ามาได้” เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้น
ชายคนนั้นเปิดประตูแล้วเชิญเจิ้งซูอวี้เข้าไปข้างใน
เจิ้งซูอวี้มองไปยังคนที่อยู่ด้านใน
ในห้องมีคนสองคนนั่งอยู่ คนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคน สวมชุดคลุมสีน้ำเงิน ไว้หนวดเครา ดูเคร่งขรึมมาก น่าจะเป็นเขาที่พูดเมื่อครู่นี้
ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นชายหนุ่มอายุราวยี่สิบ มีท่าทางสง่างาม เขามักจะยิ้มก่อนพูด และดูอ่อนโยนมาก
“คาดไม่ถึงเลยว่าเถ้าแก่เนี้ยแห่งเรือนกรุ่นฝันจะเป็นแม่นางท่านนี้” เถ้าแก่หรงกล่าว “นี่คือนายน้อยแห่งโรงไม้ฉินของเรา เราพอจะทราบจุดประสงค์ของการมาเยือนของแม่นาง โปรดนั่งลงคุยกันก่อนเถิด!”
“ขอบคุณ” เจิ้งซูอวี้นั่งลง “นายน้อย ข้าจะพูดโดยไม่อ้อมค้อม เจ้ามีแผนจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร? เรายังรอสินค้าชุดนี้อยู่”
“เดิมทีสินค้าชุดนี้ กว่าจะมาถึงไม่ใช่เรื่องง่าย หากรีบใช้ก็ต้องจัดหาใหม่ เกรงว่าน้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้ได้*[1] ข้ามีข้อเสนอให้เถ้าแก่เนี้ยเจิ้งลองพิจารณา” ฉินเหวินหานกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ตระกูลฉินของเราผลิตสินค้านี้มาหลายปีแล้ว เรามีสายสัมพันธ์ของเราเองมากมาย ข้ารู้จักหลายโรงไม้ที่ผลิตสินค้าชนิดเดียวกัน สินค้าของพวกเขาล้วนแต่เป็นสินค้าคุณภาพเยี่ยม แต่มีปริมาณไม่มาก โรงไม้เดียวไม่สามารถรวมกันได้เท่าที่สูญไป จึงต้องมาเจรจากันว่าเราจะรวมกันได้มากเพียงใด”
“อยู่ในเมืองซูโจวหรือไม่?”
ฉินเหวินหานส่ายหน้า
“เช่นนั้นข้าต้องเดินทางไปที่อื่นเพื่อคุยธุรกิจกับเจ้าหรือ?” เจิ้งซูอวี้ลังเล
ฉินเหวินหานกล่าวว่า “หากเถ้าแก่เนี้ยเจิ้งยุ่งกับการดูแลกิจการ ข้าสามารถไปคนเดียวได้ เพียงแต่ว่า บางโรงไม้ที่มีไม้ค่อนข้างหายากอยู่ในมือ ปกติแล้วพวกเขาจะไม่นำมาเปิดเผย หากเถ้าแก่เนี้ยเจิ้งไปดูด้วยตัวเอง ก็อาจจะได้รับผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึง”
“ข้าต้องกลับไปปรึกษากับลูกค้าของเราก่อน”
“ได้ หากได้ข้อสรุปแล้วก็แค่ให้คนมาส่งจดหมาย”
หลังจากหารือเรื่องมาตรการรับมือแล้ว เจิ้งซูอวี้ก็ไม่ได้อยู่ต่อ นางออกจากโรงไม้ฉินไป
เถ้าแก่หรงกล่าวว่า “นายน้อย อย่าได้ดูถูก ‘เรือนกรุ่นฝัน’ นะขอรับ แม้ว่าจะมีผู้หญิงสองคนเป็นผู้ดูแล แต่คนหนึ่งในนั้นเป็นภรรยาของนายอำเภอเมืองฮู่เป่ย”
“ท่านลุงหรง ไม่ว่าพวกนางจะอยู่ในสถานะใด ตราบใดที่พวกนางร่วมมือกับเรา ข้าก็จะปฏิบัติต่อนางด้วยความจริงใจ ครั้งนี้ความขัดแย้งภายในตระกูลฉินของเราทำให้พวกนางไม่อาจเติมสินค้าได้ทันเวลา ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น ข้าต้องหาวิธีชดเชยให้พวกนางให้ได้” ฉินเหวินหานกล่าว “สินค้าของพวกนางในครั้งนี้ จะถูกนำไปใช้ในตำหนักของจงอ๋องด้วย หากมีข้อผิดพลาด ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกนางจะถูกจงอ๋องตำหนิ แต่ตระกูลฉินของเราก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”
“นายน้อยพูดถูกต้อง” เถ้าแก่หรงกล่าว “แล้วผู้อาวุโส…”
“หลายปีมานี้ท่านลุงมีกินมีใช้มากพอแล้ว ถึงแม้ข้าจะกลับมาแล้ว ข้าก็ไม่อยากให้เขากระอักเลือด ถึงอย่างไรก็เป็นลุงกับหลานกัน ปล่อยให้เขาดูแลตัวเองไปเถิด!” ฉินเหวินหานกล่าว สีหน้าเหลือเพียงความเย็นชา
[1] น้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้ได้ หมายถึง แม้จะมีความพร้อมจะช่วยเหลือ แต่ถ้าคนช่วยนั้นอยูไกลก็ไม่มีประโยชน์ เพราะอย่างไรก็มาช่วยไม่ทัน