บทที่ 393 ความจริงเป็นเช่นนี้
บทที่ 393 ความจริงเป็นเช่นนี้
“ท่านอาจูวางใจเถอะ ปลัดอำเภอเวินและคนอื่น ๆ จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนอย่างแน่นอน” มู่ซืออวี่ปลอบให้เขาสบายใจ “เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องบอกแม่ข้า”
วันนี้ถงซื่อไม่อยู่พอดี
“เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ เจ้าคิดว่าหากเจ้าไม่เอ่ยปากนางก็จะไม่รู้งั้นหรือ?”
ทันทีที่ท่านหมอจูกล่าวจบ ถงซื่อและตานซาสาวใช้ที่เพิ่งมาใหม่ก็เดินเข้ามา
ตอนนี้ท้องถงซื่อโตจนเห็นได้ชัดแล้ว นางต้องอุ้มท้องยามเดินเหินไปมา ตอนนี้สีหน้าของนางกระวนกระวายเป็นอย่างมาก ไม่จำเป็นต้องถามก็รู้ว่าไปได้ยินบางอย่างเข้าจึงรีบรุดมา
“ลูกสาวข้า เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่? ข้าได้ยินพวกเขาบอกว่า…”
ขณะที่ถงซื่อเอ่ย มู่ซืออวี่ก็ช่วยพยุงมารดาให้นั่งลง
“ไม่ว่าพวกเขาจะกล่าวอะไร ข้าก็ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่คนข้างนอกกล่าวไม่อาจเชื่อถือได้ ท่านทำใจให้สงบก่อนแล้วค่อย ๆ ฟังข้า”
ถงซื่อได้ยินบุตรสาวเอ่ยเช่นนั้น จิตใจจึงสงบลงได้บ้าง
“เอาล่ะ ข้าใจเย็นลงแล้ว เจ้าพูดเถอะ! จริง ๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น?”
“กิจการของข้าไปได้ดีมาก คงไปขวางเส้นทางหาเงินของผู้อื่นเข้า พวกเขาจึงส่งนักฆ่าชุดดำมาขู่ให้ข้ากลัว ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คนข้างนอกกล่าวเลย ท่านคิดดูสิ อย่างไรข้าก็เป็นถึงฮูหยินนายอำเภอ ผู้ใดจะกล้ามากระตุกหนวดเสือ?”
ถงซื่อมองมู่ซืออวี่ด้วยความสงสัย “จริงหรือ?”
มู่ซืออวี่โยนให้ท่านหมอจู “ถ้าท่านไม่เชื่อข้า เช่นนั้นก็ลองถามท่านอาจูดูว่าที่ข้าพูดมีอะไรผิดแม้เพียงนิดหรือไม่?”
ท่านหมอจูที่โดนกดดันยืดคอเอ่ย “ใช่ ๆๆ ไม่มีเรื่องอะไรแม้แต่น้อย แม้แต่ผิวนางยังไม่ถลอกด้วยซ้ำ”
‘ไปห่วงคนที่ปกป้องนางเถอะ เพราะพวกเขาต่างก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเลย’
แน่นอนว่าประโยคหลังไม่อาจเอ่ยออกไป ทำได้เพียงบ่นอยู่ในใจ ไม่ให้ถงซื่อต้องเป็นกังวล
ถงซื่อได้ยินดังนั้นก็เชื่อมั่นขึ้นมาหลายส่วน นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ตานซา ช่วยรินน้ำให้ข้าสักถ้วยสิ”
เมื่อครู่นี้ที่ออกไปซื้อของข้างนอก นางได้ยินคนพูดกันว่ามู่ซืออวี่ถูกโจรป่าซุ่มโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำเอาหัวใจนางแทบหยุดเต้น โชคดีที่นางมิได้โง่เขลาอย่างเมื่อก่อนจึงสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะรีบรุดมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
เหล่านักการไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุดคือจั่วอวิ๋นหู่และหร่วนฉี
หลังจากที่พวกนักการทำแผลตนเองแล้วกลับไป มู่ซืออวี่จึงปรึกษากับเวินเหวินซงและได้ข้อสรุปว่าจะมอบวันหยุดและเงินพิเศษแก่นักการทั้งสิบเก้าคนที่ออกไปในวันนี้
ส่วนจั่วอวิ๋นหู่นั้น เนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะมู่ซืออวี่ เขาจึงได้รับบริการพิเศษจากโรงหมอถงตั๋ว นั่นคือการพักรักษาตัวอยู่ที่นี่
บาดแผลของหร่วนฉีไม่สาหัสเท่าจั่วอวิ๋นหู่ นอกจากนี้เจ้าตัวก็ไม่คุ้นชินกับการพักอยู่ในโรงหมอ จึงกลับไปพักรักษาตัวเอง
“ชายร่างใหญ่ผู้นั้นสารภาพแล้ว” เวินเหวินซงเอ่ยกับมู่ซืออวี่ “ท่านลองเดาสิว่าผู้ใดจ้างเขา?”
“ผู้ใด?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม “ปกติข้าล่วงเกินคนไม่น้อย คาดเดาไม่ได้เลย”
“ตระกูลเจิ้ง ท่านยังจำได้หรือไม่? ตอนนั้นที่ท่านยังอยู่ในซูโจว จู่ ๆ ตระกูลเจิ้งก็เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีฆ่าคนตาย ตระกูลเจิ้งทั้งตระกูลถูกยึดทรัพย์ ได้ยินว่าพวกเขาบากหน้าไปพึ่งพาญาติ ทว่าไม่มีผู้ใดเต็มใจรับไปอยู่ด้วย พวกเขาหาเงินไม่ได้ ทำได้เพียงกลับไปที่บ้านเกิด”
“ชายผู้นั้นกล่าวว่าคนจ้างวานคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจิ้ง หรือก็คือเจิ้งซินเยว่ นางจ้างเขาด้วยอัญมณีล้ำค่าชิ้นหนึ่งแลกกับชีวิตของท่าน คนผู้นั้นเป็นยอดฝีมือติดอันดับในยุทธภพ เขารักสมบัติล้ำค่าประหนึ่งชีวิต เพื่อสมบัติแล้วไม่ว่าจะเป็นผู้ใดเขาก็สังหารได้หมด เขาจึงทำข้อตกลงกับนาง”
“เดิมทีเขาไม่ยอมเปิดปาก คนประเภทนี้ใช้ชีวิตด้วยคมดาบไม่สนใจชีวิตตนเองแม้แต่น้อย ทว่าตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ พวกเขาย่อมมีจุดอ่อน พอดีจั่วอวิ๋นหู่รู้จักและรู้จุดอ่อนของเขา ซึ่งก็คือลูกชายอายุสิบขวบที่ป่วยเป็นวัณโรค เขาจึงได้สารภาพทุกอย่างออกมา”
“หากไม่ใช่เพราะซูอวี้ ข้าย่อมไม่สนใจตระกูลเจิ้ง เจิ้งซินเยว่ผู้นี้เป็นหมาบ้าหรือ? ข้ามิได้ทำอะไรนาง นางกลับทำให้ข้าอยู่ไม่สุข หรือเป็นเพราะตระกูลของนางถูกยึดทรัพย์ นางจึงเคียดแค้นใต้เท้าลู่ของพวกเราอยู่ในใจ เมื่อทำอะไรใต้เท้าลู่ไม่ได้จึงเอาความแค้นมาลงที่ข้า?”
“หากเป็นอย่างนั้น นางคงมิได้โง่งมขั้นธรรมดาแล้ว ตอนนี้นางไร้อำนาจ อีกทั้งความมั่งคั่งที่เคยมีในอดีตก็หมดสิ้น ตระกูลตกต่ำถึงเพียงนี้ หากนางมีอัญมณีที่ใช้จ้างนักฆ่าได้อยู่ในมือ มิสู้นำไปพัฒนาความเป็นอยู่ของครอบครัวเสียดีกว่า หากไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยก็สามารถอยู่ได้สบาย ๆ ทั้งชีวิตแล้ว นางใช้ของล้ำค่าเช่นนั้นแลกกับชีวิตของข้าเนี่ยนะ”
ชีวิตของมู่ซืออวี่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตสุขสบายของครอบครัวหรือ?
เวินเหวินซงลูบจมูกเบา ๆ
ถึงแม้คดีของตระกูลเจิ้งจะไม่ใช่เพราะลู่อี้เสียทั้งหมด ทว่าเมื่อดูจากข้อหาเดิมแล้วก็ไม่ถึงขนาดต้องยึดบ้าน เพียงแต่ลู่อี้ยอมให้ตระกูลเจิ้งกำเริบเสิบสานไปทั่วอีกไม่ได้ จึงทำให้คดีร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม เป็นธรรมดาที่ตระกูลเจิ้งจะโกรธแค้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าตระกูลเจิ้งจะไม่ได้รับความเป็นธรรมแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่ผู้อื่นเลย แค่ฮูหยินผู้เฒ่าผู้นั้นก็ฆ่าคนตายไปราวกับผักปลา ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงสตรีอสรพิษเช่นเจิ้งซินเยว่ผู้นี้เลย ภายนอกนั้นราวกับดอกบัวขาว ทว่ามือกลับชุ่มโชกไปด้วยโลหิต
“จริงสิ นักฆ่าสารภาพแล้วว่าเจิ้งซินเยว่จ้างวานเขาฆ่าคน เขารับงานแล้ว ผู้อื่นย่อมไม่รับงานนี้ซ้ำ แต่ไหนแต่ไรเขาก็ทำงานคนเดียวมาโดยตลอด ดังนั้นพวกที่มาทีหลังไม่ใช่คนของเขา ผู้ชันสูตรบอกว่าคนเหล่านั้นล้วนแต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่ถูกตระกูลผู้มั่งมีเลี้ยงดู ไม่ใช่ผู้ที่เดินบนเส้นทางยุทธภพ” เวินเหวินซงกล่าว “ดังนั้น ชายสวมหน้ากากและนักฆ่าที่เราพบจึงไม่ได้มาจากที่เดียวกัน”
“ดูเหมือนว่าข้างกายข้าจะเริ่มไม่ปลอดภัยแล้ว”
“อีกไม่นานใต้เท้าคงกลับมา ถึงตอนนั้นบอกใต้เท้าให้หาผู้คุ้มกันสตรีให้อยู่ข้างกายท่านสักคนเถอะ”
หากเปลี่ยนเป็นผู้คุ้มกันชาย ใต้เท้าของพวกเขาคงไม่พอใจเท่าใดนัก
“นักฆ่าคนนั้น… ท่านคิดจะจัดการอย่างไร?”
“ตอนนี้พักเรื่องนั้นไว้ก่อน รอให้ใต้เท้ากลับมาจัดการ ส่วนเจิ้งซินเยว่ ข้าส่งคนไปตรวจสอบแล้ว ตอนนี้นางเป็นอนุภรรยาของฟางโจวอวี่”
“อนุภรรยาหรือ?” มู่ซืออวี่ประหลาดใจ “อย่างไรในสายตาของทุกคน นางก็เป็นสตรีจากตระกูลใหญ่ ไยจึงกลายมาเป็นอนุภรรยาของผู้อื่นเช่นนี้?”
“เจิ้งซินเยว่ผู้นี้เป็นคนรักของฟางโจวอวี่ ตอนที่เขายังไม่ได้แต่งคุณหนูตระกูลหลี่เข้ามา ก็ไม่ได้ปิดบังว่าเจิ้งซินเยว่ผู้นี้เป็นคู่รัก อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่เจิ้งซินเยว่กำลังใช้เสน่ห์หลอกล่อฟางโจวอวี่ นางก็มีสัมพันธ์กับชายอื่นด้วย หากไม่ใช่เพราะครอบครัวของนางตกอับ ฟางโจวอวี่อาจจะไม่ได้แต่งงานกับนาง แน่นอนว่าการที่อัญมณีล้ำค่าเช่นนั้นไปอยู่ในมือนาง ฟางโจวอวี่ย่อมมีส่วนเกี่ยวข้อง”
“ไปจับนางมาเดี๋ยวนี้” มู่ซืออวี่กล่าว “นางจ้างวานฆ่าคน ถึงแม้จะเป็นอนุของฟางโจวอวี่ นางก็ต้องถูกจับมาไต่สวน”
“ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเป็นเพียงอนุคนหนึ่ง เพราะต่อให้เป็นฮูหยินบ้านหลัก เมื่อมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆ่าคน อย่างไรก็ต้องถูกจับมาไต่สวน”
เวินเหวินซงลังเลครู่หนึ่ง ทว่าเมื่อได้ยินมู่ซืออวี่เอ่ยเช่นนั้น ท้ายที่สุดเขาจึงตัดสินใจสั่งให้เจ้าหน้าที่ทางการไปจับนางทันที
เมื่อลู่อี้กลับมา เวินเหวินซงที่ส่งคนไปจับเจิ้งซินเยว่กลับคว้าน้ำเหลว เขาจนปัญญาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร นึกไม่ถึงว่าลู่อี้จะกลับมาแล้ว เขาจึงรายงานเรื่องนี้ให้อีกฝ่ายทราบ
ลู่อี้เพิ่งนั่งลง เขายังไม่ได้หยุดพักแม้แต่น้อยก็รีบออกคำสั่งจับกุมทันที
คำสั่งจับกุมนั้นเขียนไว้ว่า เจิ้งซินเยว่อนุภรรยาของจวี่เหรินฟางโจวอวี่ จ้างวานนักฆ่าให้ฆ่าขุนนางราชสำนัก…
มู่ซืออวี่มองคำสั่งจับ ในใจรู้สึกอบอุ่นและเป็นกังวลในคราวเดียวกัน ลู่อี้ใช้วิธีนี้ปกป้องนาง หากมีคนฉวยโอกาสเล่นงานเขา เช่นนั้นเขาจะมีอันตรายหรือไม่?