สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 395 แน่นอนว่าใต้เท้าทนได้

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 395 แน่นอนว่าใต้เท้าทนได้

บทที่ 395 แน่นอนว่าใต้เท้าทนได้

“ใต้เท้าน่ะทนได้แน่นอน แต่ข้าเกรงว่าท่านจะทนไม่ได้มากกว่า” เซี่ยคุนมองแผนอันแยบยลในใจของนักการเกาทะลุปรุโปร่ง “ครั้งนี้ฮูหยินถูกลอบฆ่าไม่ใช่หรือ? แม่นางสิบสองคนนี้อาจดูเปราะบาง ทว่าแต่ละคนล้วนเป็นมือดี หากท่านสนใจก็ลองเลือกสักคนมาทดสอบดูได้”

“ไม่ต้องหรอก” นักการเกาโบกมือ “ข้าเป็นบุรุษจะลงไม้ลงมือต่อสตรีได้อย่างไร ว่าแต่ท่านไปหาพวกนางมาจากที่ใดหรือ?”

“อืม…” เซี่ยคุนเอ่ยเบา ๆ “นี่เป็นความลับ ไม่ต้องถามแล้ว ยิ่งท่านรู้มากเท่าใดยิ่งอันตรายเท่านั้น”

“ท่านช่างลึกลับเหลือเกิน” นักการเกากล่าว “มีเพียงท่านที่สามารถพึ่งพาได้ ได้เป็นสหายร่วมงานกันเช่นนี้ ข้าก็สบายใจมากแล้ว!”

เซี่ยคุนพาแม่นางทั้งสิบสองคนไปพบลู่อี้

เบื้องหน้าลู่อี้ เซี่ยคุนและจือเชียนกำลังทดสอบฝีมือของพวกนาง

วิชาตัวเบาของแม่นางเหล่านี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าจือเชียนแม้แต่น้อย

ล้วนแต่มีทักษะชั้นเลิศ ถึงแม้จะไม่เก่งเท่าเซี่ยคุน ทว่าก็เพียงพอต่อการจัดการนักฆ่าฝีมือธรรมดา

ที่สำคัญที่สุดคือหนึ่งในพวกนางมีผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้พิษ ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้อาวุธลับ แต่ละคนล้วนเก่งกาจในแขนงที่แตกต่างกัน ฮูหยินคงปลอดภัยมากขึ้นเมื่ออยู่กับพวกนาง

“ไม่เลว” ลูอี้เอ่ย “ส่งไปหาฮูหยิน ให้นางจัดการต่อ”

“ขอรับ”

“จริงสิ เมื่อครู่นี้มีคนส่งข้อมูลที่ซ่อนของเจิ้งซินเยว่มา ท่านให้นักการเกานำคนไปจับนางเสีย” ลู่อี้เอ่ยนิ่ง ๆ

“ถึงว่าท่านดูไม่รีบร้อน มั่นใจแล้วสินะว่าจะต้องมีคนลงมือจัดการนาง?” เซี่ยคุนเลิกคิ้วขึ้น “ให้ข้าลองเดาดู เป็นฮูหยินผู้นั้นของฟางโจวอวี่ใช่หรือไม่?”

“ขอแค่ยังไม่ออกไปจากเมืองฮู่เป่ย นางย่อมถูกจับ ขึ้นอยู่กับว่าตอนไหนเท่านั้น ตามที่คนของข้ารายงานมา ฮูหยินของฟางโจวอวี่มักจะถูกอนุผู้นี้รังแก หลี่หงซูเป็นคนเฉลียวฉลาด เมื่อมีโอกาสที่ดีเช่นนี้อยู่ตรงหน้า นางจะปล่อยให้หลุดลอยไปได้อย่างไร? ทว่านี่ยังช้ากว่าที่ข้าคาดไว้หนึ่งวัน เห็นได้ชัดว่านางยังไม่เด็ดขาดมากพอ”

ณ ตระกูลฟาง

ฟางโจวอวี่กำลังโกรธเกรี้ยว “เจ้าว่าอย่างไรนะ!”

“อนุเจิ้งถูกจับไปแล้วขอรับ” บ่าวรับใช้คุกเข่าอยู่ตรงนั้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ลู่อี้!” สายตาของฟางโจวอวี่แข็งกร้าว “ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจแล้ว!”

ลู่อี้เพิ่งกลับมา มู่ซืออวี่เห็นเขาลำบากตรากตรำเช่นนี้จึงส่งต่องานให้คนอื่น นางกลับมาเร็วกว่าเดิมเพื่อทำอาหารให้เขาโต๊ะหนึ่ง ตั้งใจบำรุงร่างกายเขาโดยเฉพาะ

นางเพิ่งกลับมาถึงบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ยังไม่ทันได้ทำอาหาร ลู่อี้ก็กลับมาแล้ว

ลู่อี้จูงมือนางเข้าไปในสวน พาไปดูสตรีหน้าตาพริ้มเพราที่ยืนอยู่แถวหนึ่ง

มู่ซืออวี่มองลู่อี้ด้วยสายตาสงสัย “ท่านอยากรับอนุหรือ?”

ลู่อี้ “…”

มู่ซืออวี่เห็นสีหน้าราวกับถูกบีบให้ยอมรับของเขาก็ปาดน้ำตาด้วยความเศร้าโศก “ท้ายที่สุดท่านก็เห็นว่าข้าไม่อ่อนเยาว์ จึงไม่ให้ความสำคัญกับข้าอีก ข้ามันไม่รู้จักออดอ้อนเอาอกเอาใจ ท่านถึงได้หาแม่นางน้อยหน้าตางดงามมากมายเช่นนี้มา ฮือ ๆๆ”

ลู่อี้ลูบแก้มนาง สีหน้าอับจนสุด ๆ “เล่นละครพอได้แล้วกระมัง”

“ข้าเล่นได้ไม่ดีหรือ?” มู่ซืออวี่หยุดร้องไห้ทันที นางขมวดคิ้วมุ่น “ไม่กระมัง ข้าเล่นละครได้เป็นธรรมชาติเชียวนะ”

ทั้งจื่อซูและจื่อเยวี่ยนรู้สึกราวกับว่าตามืดบอดไปชั่วขณะ

ในคราแรก แม่นางทั้งสิบสองคนค่อนข้างตื่นตระหนก ทว่าเมื่อเห็นฉากนี้ แต่ละคนพลันรู้สึกสับสนขึ้นมา

เจ้านายใหม่ของพวกเขาดูเหมือนจะ…

ค่อนข้างน่าสนใจ

“คนเหล่านี้เป็นผู้คุ้มกันหญิงที่พี่ใหญ่เซี่ยหามา” ลู่อี้กล่าว “ภายหน้าเจ้าออกไปข้างนอกก็พาพวกนางไปด้วย”

“ข้าต้องออกไปข้างนอกทุกวัน เช่นนี้ข้าไม่ต้องพาพวกนางออกไปทุกวันหรือ?” มู่ซืออวี่ชี้ไปยังบรรดาสาวงามและเอ่ยว่า “ข้าทำตัวเอิกเกริกเช่นนี้ ผู้อื่นเขาจะมองอย่างไร?”

“เจ้ามัวแต่ห่วงความคิดเห็นของผู้อื่นเช่นนี้ หากเผชิญกับสถานการณ์อันตรายเช่นครั้งที่แล้วอีก เจ้าจะยังโชคดีหลบหนีโดยไม่ได้รับรอยขีดข่วนได้หรือ?” ลู่อี้บีบมือนางไม่ยอมปล่อย “หากเจ้าคิดว่ามันเอิกเกริกเกินไป เช่นนั้นก็มอบหมายให้พวกนางทำอย่างอื่นได้ ข้าถามมาแล้ว พวกนางแต่ละคนล้วนมีสิ่งที่เชี่ยวชาญแตกต่างกันไป ทว่าทั้งหมดล้วนรู้หนังสือและมีวรยุทธ์ นี่ไม่เก่งกาจกว่าผู้คุ้มกันที่จ้างเอาจากข้างนอกหรือ?”

แววตาของมู่ซืออวี่เปล่งประกาย

“มีเหตุผล”

กิจการของนางนับวันยิ่งเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ หากปล่อยให้ไร้กำลังคนต่อไปย่อมไม่ดี ตอนนี้มีผู้ช่วยที่ใช้การได้มาส่งถึงหน้าประตู เช่นนั้นก็ควรวางแผนดี ๆ ให้พวกนางได้แสดงความสามารถออกมาอย่างเฉิดฉาย

“พวกเจ้ามีชื่อหรือไม่?”

“ฮูหยินได้โปรดมอบชื่อให้พวกเรา”

มู่ซืออวี่ส่งแม่นางทั้งสิบสองคนให้พ่อบ้านดูแลต่อ

เมื่อลู่จื่ออวิ๋นกลับมาและรู้ว่ามีท่านน้าหน้าตางดงามเพิ่มเข้ามาในครอบครัวจึงไปยังเรือนที่พวกนางพักอาศัยอยู่ ไม่นานก็ได้รับความรักจากทุกคน

“ท่านแม่…” ลู่จื่ออวิ๋นวิ่งเข้าไปในห้องของมู่ซืออวี่

ลู่อี้ที่กำลังกอดมู่ซืออวี่เห็นเช่นนี้จึงปล่อยนาง เขาไม่ปล่อยให้ลู่จื่ออวิ๋นต้องเห็นภาพน่ากระอักกระอ่วนใจนี้นาน

ลู่จื่ออวิ๋นเห็นว่าลู่อี้ก็อยู่ด้วยจึงกระโดดไปกอดขาเขา “ท่านพ่อ เมื่อครู่นี้ข้าไปหาท่านน้าทั้งสิบสองท่านนั้นแล้ว พวกนางหน้าตางดงามจริง ๆ เจ้าค่ะ ที่สำคัญคือพวกนางร้ายกาจมาก ข้าอยากเรียนวรยุทธ์จากพวกนาง”

มู่ซืออวี่ “…”

นางสังหรณ์ใจบางอย่างขึ้นมา

ทว่า ‘ลางสังหรณ์’ นี้สำหรับลูกเขยในอนาคต

“ตราบใดที่เจ้ามีความสุขก็พอ” ลู่อี้กล่าว “เด็กผู้หญิงมีความสามารถไว้ปกป้องตนเองเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ดีเช่นกัน”

“ข้าก็คิดเช่นนั้น โดยเฉพาะยาผงที่ทำให้คนสลบได้ หากข้าได้เรียนรู้ ผู้ใดจะกล้ามารังแกข้า?” สีหน้าของลู่จื่ออวิ๋นดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

“สิ่งที่เจ้าสนใจจริง ๆ คือสิ่งนี้งั้นหรือ?” มู่ซืออวี่พลันปวดหัวขึ้นมา

เป็นดังคาด ลางสังหรณ์นั้นถูกต้อง

“ไม่ใช่เสียทั้งหมดนะเจ้าคะ น้าสิบเก่งกาจด้านการใช้อาวุธลับ ตอนที่เข็มเล็ก ๆ นั่นพุ่งออกไป นกบนท้องฟ้าล้วนตกลงมาตายทั้งสิ้น ตอนนี้ข้าใช้เข็มแทบจะตลอดเวลา ดังนั้นข้าก็อยากฝึกทักษะอาวุธลับนี้ไว้” ลู่จื่ออวิ๋นพยักหน้าหงึก ๆ “ใช่แล้ว ตอนนี้ข้าต้องไปหาน้าสิบก่อน”

มู่ซืออวี่ “…”

ลู่อี้โอบกระชับเอวบางของมู่ซืออวี่อีกครั้ง

“กังวลหรือ?” ลู่อี้เห็นสีหน้าของนางจึงเอ่ยขึ้นว่า “อวิ๋นเอ๋อร์ทำเช่นนี้ก็ดีแล้ว อนาคตนางจะได้ไม่ลำบาก เจ้าอย่ากังวลเลย มีพวกเราหลายคนเพียงนี้คอยปกป้องนาง จะต้องไม่มีอะไรอย่างแน่นอน”

“ท่านกล่าวถูกต้องแล้ว สตรีนั้นเดิมทีก็อ่อนแอ หากสามารถปกป้องตนเองได้ ภายหน้าจะได้อยู่บนโลกนี้อย่างราบรื่น” มู่ซืออวี่กล่าว “ข้าไม่ควรเจาะเข้าไปในโพรงเขาควาย*[1]”

ทิศทางของเรื่องในตอนนี้แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ขอเพียงลู่จื่ออวิ๋นไม่ชอบฉู่เหยี่ยน เรื่องที่นางเป็นกังวลย่อมไม่เกิดขึ้น

“ได้ยินว่าเจิ้งซินเยว่ถูกจับกลับมาแล้ว” มู่ซืออวี่กอดเอวของลู่อี้ไว้ “ท่านคิดจะทำอย่างไรกับนาง?”

“จ้างนักฆ่าสังหารคน อีกทั้งยังมีคนได้รับบาดเจ็บมากมายเพียงนั้น อย่างน้อยก็ต้องถูกเนรเทศ” ลู่อี้เอ่ยเบา ๆ “อย่างไรก็ตาม ฟางโจวอวี่ไม่ยอมแพ้ง่ายดายเช่นนั้นแน่นอน ข้าจะปล่อยให้เขาได้มีเวลาเล่นต่ออีกหน่อย”

ฟางโจวอวี่ผู้นี้ไม่ต่างอะไรจากตัวเรือดในรางน้ำที่กระโดดโลดเต้นไปทั่ว บัดนี้ควรถูกกำจัดได้แล้ว

เขาชอบสตรีอสรพิษตระกูลเจิ้งผู้นี้ไม่ใช่หรือ?

พอดีเลย เช่นนั้นก็ให้เขาได้สมปรารถนาแล้วกัน

“แต่ฟางโจวอวี่เป็นจวี่เหริน หากท่านทำอะไรเขา จวี่เหรินคนอื่น ๆ จะคิดว่าท่านทนเห็นผู้อื่นมีความสามารถไม่ได้ อย่างไรเสียก็เคยมีเหตุการณ์ขุนนางท้องถิ่นกดขี่บัณฑิตเพียงเพราะไม่ต้องการให้แสงของผู้อื่นบดบังตน ท่านไม่จำเป็นต้องทำให้ชื่อเสียงของตนต้องแปดเปื้อนเพราะฟางโจวอวี่”

“ข้าจะไม่ยอมให้เขาประสบความสำเร็จ” ลู่อี้กล่าว

[1] เจาะเข้าไปในโพรงเขาควาย เป็นสำนวน หมายถึง จริงจังเกินเหตุ

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท