สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 398 พวกเรายังมีคนผู้หนึ่งเป็นเครื่องมือ

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 398 พวกเรายังมีคนผู้หนึ่งเป็นเครื่องมือ

บทที่ 398 พวกเรายังมีคนผู้หนึ่งเป็นเครื่องมือ

มู่ซืออวี่เอนซบอ้อมอกลู่อี้ ฟังเสียงหัวใจที่เต้นอย่างมั่นคงของเขา เพียงเท่านี้ใจของนางก็สงบลง

เผชิญหน้ากับเรื่องเช่นนี้มา เขากลับยังคงใจเย็นได้ ความสามารถในการอดทนทางจิตใจของเขาช่างแตกต่างจากคนทั่วไปจริง ๆ

“ท่านรักษาความสัมพันธ์กับเจียงเหล่ามาโดยตลอดไม่ใช่หรือ? เวลานี้เขาควรก้าวออกมาช่วยสิ” มู่ซืออวี่เงยหน้ามองเขา

“อยากให้จิ้งจอกเฒ่าเช่นนั้นออกมาช่วย หากไม่มีเหยื่อล่อที่น่าดึงดูดใจ สิ่งอื่นใดล้วนไร้ประโยชน์ ส่วนเหยื่อล่อที่จะดึงดูดใจเขานั้น เจ้าคงพอคาดเดาได้แล้วกระมัง” ลู่อี้เอ่ย

“ข้ากำลังลังเลใจว่าจะต่อรองกับเขาอย่างไรเพื่อให้เสียน้อยที่สุด แน่นอนว่าลานหรรษาเป็นน้ำพักน้ำแรงของเจ้า หากเจ้าไม่เห็นด้วย ข้าย่อมไม่นำมาแลกอย่างแน่นอน”

ลู่อี้รู้ดีว่าเมื่อโครงการนี้สร้างเสร็จแล้วจะนำประโยชน์มากมายมหาศาลเพียงใดมาให้ ยังไม่ต้องเอ่ยถึงเหล่าผู้ค้า แม้กระทั่งคนธรรมดาทั่วไปย่อมไม่ยินยอมมอบรากฐากที่หาได้ยากเช่นนี้ให้ผู้อื่น

“เบื้องหน้าเรามีเพียงสะพานที่ทำจากไม้ชิ้นเดียว*[1] หากเราไม่จัดการให้เหมาะสม เราอาจตกลงไปในแม่น้ำจนจมน้ำตาย หากเคลื่อนย้ายก้อนหินที่ขวางทางบนสะพานไม้ชิ้นเดียวนั้นจะช่วยให้เรารอดพ้นหายนะได้ เงินมากเพียงใดข้าก็ยินดีจ่าย ท่านตัดสินใจเถอะ ข้าย่อมไม่โทษท่าน อย่างไรเสียพวกเราก็ต้องปลอดภัย ส่วนอย่างอื่น ตราบใดที่เราไม่เป็นไร ต้องการอะไรก็สามารถสร้างใหม่ได้”

ณ ประตูของร้านสาวทอผ้า

ลู่จื่ออวิ๋นมองฉู่เหยี่ยนที่ระบายยิ้มเต็มหน้าแล้วเอ่ยว่า “ข้าเคยบอกท่านแล้วไม่ใช่หรือ? ช่วงนี้พวกเรายุ่งมาก ในเมื่อท่านเป็นผู้เล่าเรียน เช่นนั้นก็หมั่นเล่าเรียน ไม่ต้องมาหาข้าทุกเวลาเช่นนี้”

“เจ้าไม่ดีใจหรือ?” ฉู่เหยี่ยนเผยสีหน้าเศร้าโศก “อวิ๋นเอ๋อร์ ข้าเพียงอยากเป็นสหายกับเจ้า เจ้าเกลียดข้ามากเพียงนี้เชียวหรือ?”

“ไม่ได้” ลู่จื่ออวิ๋นส่ายหัว “ข้าไม่ได้เกลียดท่าน เพียงแต่ช่วงนี้ข้ายุ่งจริง ๆ ข้าไม่มีอารมณ์มาเล่นกับท่าน จริงสิ ข้าไม่ได้อาศัยอยู่ศาลาว่าการแล้ว ท่านไม่ต้องไปหาข้าที่ศาลาว่าการ ที่นั่นมีคนไม่ดีอยู่ หากท่านไปหาข้าแล้วตกไปอยู่ในมือของผู้ร้ายคนนั้น ท่านจะต้องลำบากมากเป็นแน่ ท่านพ่อข้าก็ช่วยอะไรท่านไม่ได้ เข้าใจหรือไม่?”

ฉู่เหยี่ยนกระทำความผิด ถูกท่านอาจารย์เหวินขังไว้สองสามวัน จึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างนี้

เมื่อเห็นลู่จื่ออวิ๋นขมวดคิ้วระหว่างที่เอ่ยถึงคนร้ายผู้นี้ เขาก็ฉลาดมากพอที่จะคาดเดาอะไรบางอย่างได้

“เจ้ากลับไปเถอะ หากเจ้ามีเวลาและไม่ยุ่งแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปทานของอร่อย” ฉู่เหยี่ยนเอ่ย “เช่นนั้นข้าไปแล้ว”

ลู่จื่ออวิ๋นเข้าไปในร้านสาวทอผ้าโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา

ฉู่เหยี่ยนมองตามหลังนาง บ่นด้วยความขุ่นมัว “เจ้าเด็กไร้หัวใจ ไม่แม้กระทั่งหันกลับมามอง ไม่ชอบข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”

“องค์ชาย นางเป็นเพียงบุตรสาวของนายอำเภอคนหนึ่ง นอกจากหน้าตาสะสวยเล็กน้อยแล้วก็ไม่มีอะไรพิเศษ เหตุใดท่านต้องสนอกสนใจนางเพียงนี้เล่าขอรับ?” ผู้ติดตามที่อยู่ข้างหลังเขาบ่นพึมพำ

“หน้าตางดงามนี่ไม่พิเศษหรือ? นี่ยังบอกว่านางสวยเพียงเล็กน้อยอีกหรือ? นางงดงามจะตายไป หากข้ามีน้องสาวน่ารักเพียงนี้ ข้าก็จะไปหาดวงดาวบนฟากฟ้ามาให้นาง เฮ้อ น่าเสียดายที่คนเย็นชาเช่นลู่ฉาวอวี่กลับมีน้องสาวที่น่ารักเช่นนี้ สวรรค์ช่างไม่มีตาเอาเสียเลย” ฉู่เหยี่ยนพึมพำ “จริงสิ ผู้ร้ายที่อวิ๋นเอ๋อร์เอ่ยถึงคือผู้ใดหรือ? เจ้าไปตรวจสอบมา เหตุใดแม้กระทั่งอาศัยอยู่ในที่ว่าการก็อยู่ไม่ได้แล้ว หรือว่าเป็นขุนนางใหญ่อะไรมา?”

ผู้ติดตามคนนี้อายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉู่เหยี่ยน

ด้วยสถานะของฉู่เหยี่ยนแล้ว แม้กระทั่งผู้ติดตามก็ไม่อาจเป็นเด็กจากครอบครัวธรรมดาทั่วไปได้ ทว่าเป็นบุตรหลานตระกูลขุนนาง

ผู้ติดตามเขาชื่อถังจี้อวี่ อายุสิบสี่ปี ร่างกายสูงยาว ดูแล้วทึ่มทื่อเล็กน้อย

“ใต้เท้าหลู่?”

ฉู่เหยี่ยนนั่งอยู่ในโรงน้ำชา ฟังบทเพลงขับขานภาษาอู๋อันนุ่มนวล*[2] คลับคล้ายคลับคลาว่าได้ยินชื่อของหลู่เหยียน จึงหันมาถามด้วยความประหลาดใจ “ใต้เท้าหลู่กลายมาเป็นผู้ร้ายตั้งแต่เมื่อใดกัน?”

ถังจี้อวี่นั่งลง ยกกาน้ำชาขึ้นรินน้ำให้ตนเองหนึ่งถ้วย

องค์ชายน้อยท่านนี่ช่างสรรหาความสำราญให้ตนยิ่งนัก ฟังเพลงขับขานไปพลาง ทานผลไม้แห้ง จิบชาอยู่ที่นี่ไปพลาง แต่ฟังเพียงประโยคหลังของข่าวที่เขาวิ่งไปหามาขาแทบหัก

“ผู้ที่มาคนแรกเป็นใต้เท้าหลู่ ผู้ที่ตามหลังมาเป็นนายกองโอวหยาง องค์ชายก็รู้ว่านายกองโอวหยางไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน*[3]” ถังจี้อวี่กล่าว “เขาบอกว่าต้องการตรวจสอบใต้เท้าลู่ ใต้เท้าอยู่ระหว่างการควบคุมตัว วันนี้ฮูหยินลู่ถูกพาตัวไป หากไม่ใช่เพราะคนใต้บังคับบัญชาของใต้เท้าลู่มีฝีมือ เกรงว่าพวกเขาจะสูญเสียครั้งใหญ่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตระกูลลู่กำลังตกอยู่ในความวุ่นวาย ไม่แปลกใจว่าเหตุใดคุณหนูลู่จึงดูอารมณ์ไม่ดี”

“โอวหยางเจี๋ยผู้นี้…” ฉู่เหยี่ยนลุกขึ้น “ไปเถอะ ไม่ฟังไม่กินมันแล้ว พวกเราไปหาโอวหยางเจี๋ย”

“องค์ชาย ท่านจะไปหาเขาเพื่ออะไร? หรือว่าท่านต้องการจะช่วยครอบครัวลู่ แต่องค์ชาย ตอนนี้ท่านยังไม่มีอำนาจที่แท้จริง โอวหยางเจี๋ยผู้นั้นจะไว้หน้าท่านได้อย่างไร?”

โอวหยางเจี๋ยจะไว้หน้าฉู่เหยี่ยนหรือไม่?

คำตอบคือ ‘แน่นอน’

ถึงแม้ฉู่เหยี่ยนจะยังไม่มีอำนาจที่แท้จริง ทว่าอำนาจบารมีของตระกูลท่านลุงในราชสำนัก ภายหน้าย่อมมีอำนาจอย่างที่ควรจะมีอย่างแน่นอน

โอวหยางเจี๋ยคำนับฉู่เหยี่ยน “คารวะองค์ชายเก้า”

“ข้าออกมาเยี่ยมชมทุกข์สุขของราษฎรนอกเครื่องแบบ ท่านไม่ต้องเกรงใจ รีบนั่งลงเร็วเข้า” ฉู่เหยี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นายกองโอวหยาง คราก่อนเมื่อเราพบกัน ท่านยังเป็นเพียงแค่ทหารรักษาการณ์ผู้หนึ่ง นึกไม่ถึงว่าท่านจะได้เลื่อนขั้นเร็วเพียงนี้ ร้ายกาจนัก!”

“องค์ชายชมเชยเกินไปแล้ว” โอวหยางเจี๋ยขมวดคิ้ว “ไม่รู้ว่าเหตุใดองค์ชายจึงมายังสถานที่เล็ก ๆ เช่นนี้?”

“ท่านอย่าเห็นว่าสถานที่แห่งนี้เล็กน้อย แท้จริงแล้วกลับมีผู้เก่งกาจมากมายอยู่ที่นี่!” ฉู่เหยี่ยนกล่าว “ท่านรู้จักท่านชายเหวิน คนข้างกายองค์รัชทายาทที่พระองค์ทรงไว้ใจที่สุดท่านนั้นกระมัง บัดนี้เขาสอนหนังสืออยู่ในเมืองฮู่เป่ย เขาเป็นท่านอาจารย์ของข้าด้วย ข้ามาเล่าเรียนที่นี่เพราะเขาโดยเฉพาะเชียว ติดตามท่านอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ไม่น่าสนใจกว่าติดตามบัณฑิตชราเหล่านั้นในเมืองหลวงหรอกหรือ? จริงสิ นายกองโอวหยาง ท่านมาที่นี่ด้วยเหตุใด? ที่นี่ไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจของท่านกระมัง?”

“ข้าน้อยผ่านมาที่นี่ ได้ยินว่านายอำเภอเมืองฮู่เป่ยทุจริตคดโกงไม่เคารพกฎหมาย เขาฝ่าฝืนกฎหมายยี่สิบข้อ ข้าน้อยจึงมาตรวจสอบดูขอรับ”

“ผู้ใดกล่าว? คนผู้นั้นกล้ากล่าวเช่นนั้น เหตุใดเขาไม่กล้าปรากฏตัวเล่า?”

เมื่อหลู่เหยียนและลู่อี้เข้ามา พวกเขาจึงเห็นฉู่เหยี่ยนและโอวหยางเจี๋ยกำลังสนทนาบางเรื่องพอดี ฉู่เหยี่ยนยิ้มไม่หุบ ราวกับเด็กไม่รู้ประสา ทว่าหว่างคิ้วกลับเผยความน่าเกรงขามออกมา ทำให้คนไม่กล้าดูหมิ่น

ลู่อี้เคยพบฉู่เหยี่ยน เขามักจะตามลู่ฉาวอวี่มาเป็นแขกที่บ้าน ลักษณะท่าทีโดดเด่น ดังนั้นเขาจึงจับตามองเป็นพิเศษ ตอนนี้เห็นเด็กคนนี้เผชิญหน้ากับโอวหยางเจี๋ย จึงพบว่าตัวตนของอีกฝ่ายไม่ธรรมดา

“ใต้เท้า คนผู้นี้…” ลู่อี้เอ่ยถามหลู่เหยียน

“ดูเหมือนว่าข้างกายเจ้าจะรายล้อมไปด้วยผู้สูงศักดิ์มากมาย” หลู่เหยียนกล่าว “เจ้าช่างโชคดีจริง ๆ”

หลู่เหยียนก้าวออกไปสองสามก้าวแล้วเอ่ยว่า “คารวะองค์ชายเก้า”

แววตาของลู่อี้วูบไหว เขาคำนับตามหลู่เหยียน

ฉู่เหยี่ยนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “พวกท่านทั้งสองไม่ต้องมากพิธี ข้าได้ยินว่านายกองโอวหยางมาที่นี่ ข้าจึงอยากมารำลึกความหลังกับเขาเสียหน่อย พวกท่านต้องการตรวจสอบอย่างไรก็ตรวจสอบอย่างนั้น ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับข้า อ้อ หากพวกท่านมีปัญหาใดก็บอกข้าได้ ทุกสิบวันข้าต้องส่งจดหมายเข้าเมืองหลวง ถึงตอนนั้นข้าจะส่งจดหมายไป ย่อมได้รับอนุมัติเร็วขึ้นกว่าเดิมแน่นอน”

[1] มีเพียงสะพานที่ทำจากไม้ชิ้นเดียว หมายถึง เส้นทางที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก

[2] ภาษาอู๋ คือภาษาถิ่นในเมืองซูโจว มณฑลเจียงซู เป็นภาษาที่นุ่มนวลอ่อนโยน

[3] ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน คือ เป็นคนที่จัดการด้วยยาก

*ชี้แจงจากทาง EnjoyBook ขออนุญาตแก้ไขชื่อตัวละครจาก ฉูเหยี่ยน เป็น ฉู่เหยี่ยน เพื่อให้ตรงตามต้นฉบับ

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท