บทที่ 411 ฉู่หลิงถูกวางยาพิษ
บทที่ 411 ฉู่หลิงถูกวางยาพิษ
ในฐานะที่เป็นคนเมืองหลวงโดยกำเนิด ฉู่หลิงเติบโตมาจากภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาทำให้มีประสบการณ์มากมาย นางพามู่ซืออวี่ไปเดินเล่นเป็นเวลาสองสามชั่วยามนั้น ถือว่าคุ้มค่ามากจริง ๆ
มู่ซืออวี่ไม่ได้ขาดแคลนเงิน ขาดเพียงคนนำทางเท่านั้น และฉู่หลิงก็เข้ามาทำหน้าที่นี้ได้ดีมาก นางพามู่ซืออวี่ไปเรียนรู้ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงและเยี่ยมชมร้านค้าหลายแห่ง
หลังจากแยกทางกับอีกฝ่าย มู่ซืออวี่ก็กลับจวนแล้วเขียนเอกสารวางแผนทีละฉบับ รอโอกาสที่จะนำมาใช้ในเมืองหลวง
ไม่ช้าก็เร็วลู่อี้จะได้ย้ายมาที่นี่ เรือนกรุ่นฝันของนางจึงต้องย้ายมาเมืองหลวงด้วย สาขาที่เมืองซูโจวและเมืองฮู่เป่ยอยู่ภายใต้การดูแลของเจิ้งซูอวี้จึงไม่ต้องกังวล นางเพียงแค่ต้องพาเด็กฝึกงานสองสามคน มาช่วยกันพัฒนาสาขาใหม่ที่เมืองหลวงด้วยเท่านั้น
“ฮูหยิน มีกลุ่มคนข้างนอกต้องการพบท่านขอรับ บ่าวบอกว่าจะส่งข่าวต่อให้ท่านเอง แต่อีกฝ่ายยืนกรานจะเข้ามาให้ได้ โชคดีที่แม่นางฉานอีและคนอื่น ๆ ช่วยกันหยุดเขาไว้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงบุกเข้ามาแล้วขอรับ” พ่อบ้านหลินป๋อรายงาน
“ผู้ใดกัน?”
“พวกเขาอ้างว่ามาจากจวนฉู่กั๋วกงขอรับ”
มู่ซืออวี่เดินตามพ่อบ้านหลินป๋อไปที่ประตู
ชายในเครื่องแบบห้าคนอยู่บริเวณนั้น พวกเขาทุกคนล้วนแต่มีรังสีอำมหิต ดูโหดเหี้ยมขึงขัง
ขุนนางระดับสูงได้รับอนุญาตให้มีทหารส่วนตัวได้ แต่มีกฎอยู่ว่าห้ามเกินจำนวนที่กำหนด มองจากรูปร่างหน้าตาของคนเหล่านี้ก็พอเดาได้ว่าพวกเขาเป็นทหารส่วนตัวที่ขุนนางชุบเลี้ยงไว้ แตกต่างจากทหารที่ลาดตระเวนในเมืองหลวง
ทหารที่ลาดตระเวนในเมืองหลวงล้วนแต่เป็นทหารธรรมดา เรื่องจับหัวขโมยทั่วไปนั้นไม่เป็นปัญหา แต่หากต้องเผชิญหน้ากับคนร้ายที่รับมือยากจริง ๆ เกรงว่าจะหลุดมือไปได้ง่าย
เรือยพักของทหารส่วนตัวเหล่านี้ ได้รับงบประมาณจากขุนนางมากมาย ไม่เพียงแต่พวกเขาทุกคนจะมีอาวุธครบครันเท่านั้น แต่ดูจากกลิ่นอายของพวกเขาแล้ว เพียงแค่คนเดียวคงมีฝีมือเท่ากับทหารหลายสิบนายที่ลาดตระเวนในเมือง ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงแตกต่าง
“พวกเจ้าคือ…”
“ฮูหยินลู่ใช่หรือไม่ จวนท่านกั๋วกงของเราเชิญท่านขอรับ”
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“มีเรื่องใหญ่ขอรับ”
“เกี่ยวข้องกับข้าหรือ?”
“ขอรับ”
“นายท่านกลับมาแล้ว” หลินป๋อพูดด้วยความตื่นเต้น “นายท่าน…”
วันนี้ลู่อี้ขี่ม้ากลับมา เมื่อเห็นผู้คนมากมายอยู่ที่ประตู เขาก็ลงจากหลังม้า เดินไปหามู่ซืออวี่แล้วถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
ทหารทวนสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไป
“ตกลง ข้าจะพาฮูหยินไปด้วย” ลู่อี้จับมือมู่ซืออวี่ “ไม่ต้องกลัว”
มู่ซืออวี่ไม่ได้กลัวเลย แต่นางไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการทำอะไร
แม้ว่าจะเพิ่งมาถึงเมืองหลวง แต่นางก็เคยได้ยินเกี่ยวกับขุนนางระดับสูงหลายคนที่นี่
บรรพบุรุษของคนจวนฉู่กั๋วกงเป็นขุนพล พวกเขาจึงสืบทอดอำนาจทางทหารด้วย
ฉู่กุ้ยเฟยในวังก็เป็นลูกสาวของตระกูลฉู่
มู่ซืออวี่นึกไม่ออกว่าตนเข้าไปมีส่วนพัวพันกับจวนฉู่กั๋วกงได้อย่างไร หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว คนสกุลฉู่คนเดียวที่ได้พบ… คือฉู่หลิงที่เจอกันวันนี้
“สามี วันนี้ข้า…”
มู่ซืออวี่เล่าเรื่องฉู่หลิงให้ลู่อี้ฟัง
“ข้าไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ แต่นอกจากฉู่หลิงแล้ว ข้าก็นึกถึงใครอื่นไม่ได้”
หากพูดถึงพระเอกฉู่เหยี่ยน ครอบครัวฝ่ายลุงของฟ่านเหยี่ยนก็คือฉู่กั๋วกง
เป็นไปไม่ได้ที่จะเกี่ยวข้องกับฟ่านเหยี่ยนใช่หรือไม่?
“ข้าจะสอบถามให้ชัดเจน” ลู่อี้พูด “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีข้าอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องกลัว”
ณ จวนฉู่กั๋วกง มู่ซืออวี่อยู่ในห้องพัก ส่วนลู่อี้เดินตามทหารไปพบเจ้าของจวน
สาวใช้เข้ามาพร้อมชาและของว่าง
“แม่นางผู้นี้” มู่ซืออวี่เรียกสาวใช้ให้หยุด “ข้าต้องการพบฮูหยินกั๋วกง”
สาวใช้ตอบ “บ่าวจะไปรายงานให้เจ้าค่ะ”
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็กลับมาแล้วเอ่ยเบา ๆ “ฮูหยิน โปรดตามบ่าวมาเจ้าค่ะ”
ข้างหน้าคือเรือนหลังใหญ่งดงาม
บ่าวรับใช้กำลังง่วนอยู่กับธุระของตัวเองจึงไม่มีเวลาแม้แต่จะซุบซิบกัน บรรยากาศค่อนข้างอึมครึม เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นข้างใน
ก่อนเข้าประตู สาวใช้ลดเสียงลงขณะกล่าว “คนข้างในคือฮูหยินกั๋วกง ท่านต้องคำนับและทักทายเมื่อพบนาง ฮูหยินกั๋วกงเป็นคนใจดีมาก หากท่านต้องการกล่าวอะไรก็สามารถบอกนางได้เจ้าค่ะ”
“ขอบคุณแม่นางสำหรับคำแนะนำ” มู่ซืออวี่นำเงินจากกระเป๋าใส่มือสาวใช้
สาวใช้พานางเข้าไป
มู่ซืออวี่มองไปยังสตรีที่นั่งอยู่ข้างเตียง
สตรีผู้นั้นแต่งกายเรียบง่ายทว่าสง่างาม ไม่มีเครื่องประดับอื่นใดบนศีรษะนอกจากปิ่นปักผม หากสาวใช้ไม่บอกว่านี่คือฮูหยินกั๋วกง นางคงคิดว่าเป็นเพียงคนต้อนรับ
สตรีหน้าตางามงดนอนอยู่บนเตียง ดูคุ้นเคยแปลก ๆ
เปาซื่อผู้เป็นฮูหยินฉู่กั๋วกงได้ยินเสียงฝีเท้าจึงหันกลับมามอง เมื่อนางเห็นมู่ซืออวี่ก็ถามขึ้น “เจ้าคือมู่ซื่ออวี่ใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ” มู่ซืออวี่มองอีกฝ่าย “ยินดีที่ได้พบฮูหยินกั๋วกง”
“เจ้ารู้จักลูกสาวข้าหรือไม่?” ฮูหยินกั๋วกงมองไปยังหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง
คนถูกถามมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เมื่อพิจารณาให้ดี คิ้วและดวงตาอันคุ้นเคยเช่นนี้ จะเป็นผู้ใดไปได้อีกนอกจากฉู่หลิง?
“นางสวมชุดบุรุษ แม้ว่าข้าจะมองออกแต่ข้าก็ไม่ได้เอ่ยอะไร เกิดอะไรขึ้นกับนางหรือเจ้าคะ? เราไปซื้อของด้วยกันตอนบ่าย แล้วนางก็พาข้าเดินไปหลายที่ เหตุใดตอนนี้นางถึงดูไม่ดีเลยเจ้าคะ?”
“หลังจากแยกกับเจ้า นางก็อาเจียนโลหิตสีดำออกมาขณะเดินทางกลับ หมอหลวงวินิจฉัยว่านางถูกวางยาพิษ” เปาซื่อถือลูกประคำไว้ในมือ และบีบมันแน่นขณะพูด
“ก่อนที่ยาพิษจะออกฤทธิ์ นางก็ดูสบายดี พวกเราพบว่านางอยู่กับเจ้าตลอดช่วงบ่าย ข้าจึงอยากให้เจ้าให้ความร่วมมือในการสอบสวนที่นี่ อย่าได้กังวลเลย เราได้ส่งเรื่องนี้ไปยังศาลต้าหลี่*[1] แล้ว เจ้าเพียงแค่ต้องให้ความร่วมมือในการตอบคำถามพวกเขาเท่านั้น”
“สามีของข้าไปพบคนในจวนของท่านก่อน แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีข่าว เขาอยู่ที่ใดหรือ?” มู่ซืออวี่ถามถึงลู่อี้เป็นอันดับแรก
“จวนฉู่กั๋วกงของเราไม่เคยไม่ยุติธรรมต่อผู้อื่น จนกว่าเราจะรู้ว่าใครคือฆาตกร เราจะไม่ทำร้ายผู้คนอย่างผลีผลาม โปรดวางใจ ข้าได้ยินมาว่าสามีของเจ้าเป็นข้าหลวงเช่นกัน เขาย่อมต้องถูกเรียกไปหารือเรื่องนี้”
“นางเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
“หมอหลวงบอกว่าต้องขอบคุณที่นางกระอักเลือดสีดำออกมา จึงสามารถขับพิษได้ทันเวลาและรักษาชีวิตไว้ได้ ทว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะล้างพิษ พวกเขายังคงปรึกษากันเรื่องใบสั่งยา หมอหลวงยังบอกอีกว่าสิ่งที่ช่วยชีวิตหนิงจูไว้ คือการที่นางกินน้ำแกงถั่วเขียวไปหนึ่งชามตอนบ่าย ถั่วเขียวมีสรรพคุณช่วยล้างพิษ เพราะถั่วเขียวชามนี้ ยาพิษจึงถูกขับออกมา ทำให้อาการของนางไม่ได้แย่ลงมากนัก”
มู่ซืออวี่นึกถึงตอนที่นางลาก ‘ฉู่หลิง’ ไปลิ้มรสอาหารอร่อยมากมาย แล้วแอบปาดเหงื่อ
หากไม่ใช่เพราะน้ำแกงถั่วเขียวชามนั้น ชีวิตของฉู่หลิงคงสูญสิ้นไปแล้ว และนางที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมคงไม่ได้รู้สึกดีเช่นกัน
“นางชื่อฉู่หนิงจู”
ลู่เซวียนยังไม่ทราบว่า ‘ฉู่หลิง’ เป็นสตรี ไม่ใช่บุรุษ และมาจากตระกูลข้าหลวงที่มีนามว่า ‘ฉู่หนิงจู’
“วันนี้คุณหนูฉู่กับข้า…” มู่ซืออวี่เล่าเหตุการณ์ตอนที่นางอยู่กับฉู่หนิงจู “เราไปกันหลายที่และได้กินอาหารหลายอย่าง ข้าก็กินแบบเดียวกับนาง แต่ข้าสบายดี! ฮูหยินคงอยากจะถามว่าปัญหาอยู่ที่ใด ทว่าข้าไม่ทราบจริง ๆ ข้าไม่ได้มีความโกรธเคืองอะไรกับคุณหนูฉู่เลย เราเข้ากันได้ดีมาก จึงไม่มีเหตุจูงใจที่จะทำร้ายนางจริง ๆ เจ้าค่ะ”
แม่นมคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกเปาซื่อ “ท่านใต้เท้าสั่งให้บ่าวตรวจสอบเสื้อผ้าที่คุณหนูสวมใส่ในวันนี้ พบว่ามีร่องรอยของยาพิษติดอยู่บนผ้าเช็ดหน้าของนาง ท่านใต้เท้าบอกว่ายาพิษถูกใส่ไว้บนผ้าเช็ดหน้าเจ้าค่ะ”
[1] ศาลต้าหลี่ คือ สถานที่ดูแลรับผิดชอบคดีอาญาในจีนโบราณ
*ชี้แจง เนื่องจากต้นฉบับมีการปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่อง ทางทีมงาน EnjoyBook จึงขออนุญาตแก้ไขเนื้อหาบางจุดโดยยึดตามต้นฉบับล่าสุด นั่นคือ ลู่เซวียนยังไม่ทราบว่าฉู่หลิงเป็นสตรี และผู้แต่งมีการเปลี่ยนแปลงลำดับขององค์ชายฉู่เหยี่ยนเป็นองค์ชายห้า