บทที่ 433 เส้นทางสู่การบรรเทาทุกข์ไม่ราบรื่นนัก
บทที่ 433 เส้นทางสู่การบรรเทาทุกข์ไม่ราบรื่นนัก
การบรรเทาทุกข์ให้ราษฎรเป็นเรื่องใหญ่ จงอ๋องแต่งตั้งขุนนางอาวุโสหลายคนติดตามเขาไป ทว่าระหว่างทางเขากิน ดื่ม สำเริงสำราญอย่างไร้ความละอาย เหล่าขุนนางต่างเหนื่อยล้าและลำบากใจไม่น้อย
ในบรรดาขุนนาง ลู่อี้เป็นหนึ่งในคนที่ถูกแต่งตั้งให้ไปบรรเทาทุกข์
เขาเป็นผู้ช่วยของศาลต้าหลี่ กล่าวตามหลักแล้วการบรรเทาทุกข์เป็นงานของกรมพระคลัง ไม่ควรวนมาถึงเขา ทว่าฮ่องเต้มอบหมายงานสำคัญเช่นนี้ให้จงอ๋อง
จงอ๋องเป็นคนเลือกคนเอง เขาต้องการลู่อี้ แม้จะไม่ได้ให้เหตุผลอะไร ศาลต้าหลี่ย่อมส่งลู่อี้มาแต่โดยดี
“แม่ทัพซู”
ระหว่างทางไปบรรเทาทุกข์ ลู่อี้ควบม้าตามซูเซิ่งไปข้างหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “เส้นทางนี้เงียบสงบราบรื่นเกินไป หากมีอะไรผิดพลาด จะต้องมีปีศาจเป็นแน่ ระวังตกหลุมพรางล่ะ”
“ใต้เท้าลู่เตือนข้าพอดี” ซูเซิ่งมีความประทับใจที่ดีต่อลู่อี้ ถึงแม้เขาจะเป็นปัญญาชน ทว่าเขาไม่อ่อนแอ ร่างกายไม่ด้อยไปกว่าแม่ทัพทหารคนไหน ที่สำคัญ ไม่มีปัญหาด้านการพูดจาเหมือนปัญญาชนคนอื่น พวกเขาพูดคุยกันอย่างสรวลเสเฮฮา ทั้งยังเห็นอกเห็นใจความยากลำบากของเหล่าทหาร
จงอ๋องเอาใจยากเป็นอย่างยิ่ง หากไม่มีลู่อี้เป็นคนกลาง เกรงว่าเขาจะควบคุมตนเองไม่ไหว จัดการจงอ๋องเจ้าบงการนั่นให้เสร็จสิ้นแล้ว
“ใต้เท้าลู่เป็นคนเมืองฮู่เป่ยหรือ?”
“ใช่”
ซูเซิ่งดึงสายบังเหียนม้า แม้ว่าเขาจะกำลังพูดคุยกับลู่อี้ แต่ก็กวาดตาและฟังเสียงจากทิศทางรอบด้านอยู่ตลอดเวลา ไม่ละเลยในการสังเกตสถานการณ์โดยรอบแต่อย่างใด
“ช่วงนี้เมืองฮู่เป่ยกลายมาเป็นจุดสนใจ พ่อค้าวาณิชมากมายที่เคยผ่านไปยังเมืองฮู่เป่ยล้วนโอ้อวดว่าที่นั่นราวกับแดนเซียนบนดิน กล่าวว่าที่นั่นไม่มีขอทานแม้เพียงคนเดียว ผู้คนล้วนคึกคักกระตือรือร้น”
“นั่นเป็นพวกเขาที่กล่าวเกินไป ไม่ว่าอย่างไรที่นั่นคนมั่งมีล้วนมั่งมี คนยากจนล้วนยากจน” ลู่อี้เอ่ย “โลกนี้มีแดนเซียนที่ใดกัน ที่ใดมีคน ที่นั่นย่อมมีข้อพิพาทโต้แย้ง”
“ระวัง” ซูเซิ่งเอ่ยขึ้นมา “บนภูเขามีบางอย่างแปลก ๆ”
“คนเหล่านี้คงมาเพราะเสบียง”
สิ่งที่พวกเขาคุ้มกันมาเป็นเงินบรรเทาทุกข์และเสบียง
เสบียงพวกเขาซื้อมาระหว่างทาง ปริมาณมหาศาลทีเดียว
ถึงจะมีเสบียงบรรเทาทุกข์ แต่บางพื้นที่ที่ค่อนข้างยากจน ทางการก็ไม่มีคลังเสบียงมากพอจะมอบให้ ซึ่งเสบียงพวกนี้มีไว้สำหรับพื้นที่ข้างหน้า
“ข้างหน้ามีผู้ประสบภัยขอรับ”
รองแม่ทัพของซูเซิ่งเข้ามารายงาน
“สถานการณ์ของพวกเขาเป็นอย่างไร?”
“แต่ละคนต่างนั่งอยู่กลางถนน ดูเหมือนพวกเขาจะอดอยากมานานแล้ว สภาพจึงไม่สู้ดีนัก ผู้ประสบภัยบางคนมีบาดแผล ต้องทำแผลโดยด่วนขอรับ”
“ใต้เท้าขอรับ ผู้ประสบภัยเหล่านั้นกำลังแย่งชิงเสบียงจากเรา” นายทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน
“ไปควบคุมพวกเขาเดี๋ยวนี้”
“พวกเขาราวกับคลุ้มคลั่งไปแล้ว แม้พวกเราจะข่มขู่พวกเขาด้วยอาวุธ พวกเขาก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย”
ผู้ประสบภัยและทหารต่อสู้ชุลมุนวุ่นวาย เหล่าทหารไม่กล้าลงมือฆ่า สถานการณ์พลันตึงเครียด
เงาสีดำเงาหนึ่งพุ่งออกมาจากรถม้า
“โฮกกก!!!”
มันเป็นเงาของเสือดาวตัวหนึ่ง
เสือดาวคำรามใส่ผู้ประสบภัยแล้วแยกเขี้ยว ราวกับว่าลมหายใจถัดไปจะพุ่งไปขย้ำคอพวกเขาให้ขาด
ผู้ประสบภัยหวีดร้องด้วยความหวาดกลัว เข้าไปกอดกันด้วยเนื้อตัวสั่นเทา
เสียงของฟ่านหยวนซีดังขึ้น “แม่ทัพซู อย่างไรท่านก็โลดแล่นอยู่ในสนามรบฆ่าฟันผู้คนมานักต่อนัก ตัวก่อปัญหาเหล่านี้รนหาที่ตาย ไล่พวกเขาไปเสีย เหตุใดต้องมาเปลืองเวลาอยู่กับพวกเขาด้วยเล่า?”
“จงอ๋อง ฮ่องเต้มีพระบัญชาให้ท่านมาช่วยผู้ประสบ…”
“เสด็จพ่อมีพระบัญชาให้มาบรรเทาทุกข์ ไม่ได้ให้มาโมโหเพราะคนไม่รู้กฎเกณฑ์เหล่านี้ หากพวกเขาไม่เชื่อฟัง เช่นนั้นทุกข์ภัยนี้ไม่ต้องบรรเทาแล้ว ผู้ประสบภัยยังมีอยู่อีกมากมายหลายแห่ง ตายไปไม่กี่คนก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือ?”
ผู้ประสบภัยเหล่านี้ไม่กล้าสร้างความวุ่นวายอีก
กลุ่มคนที่ซุ่มอยู่บนภูเขาก็ค่อย ๆ หันกลับ จากไปอย่างเงียบเชียบเช่นกัน
เดิมทีซูเซิ่งโมโหเป็นอย่างมาก ทว่าเมื่อเห็นความเคลื่อนไหวผิดปกติบนภูเขา เขาจึงสบตากับลู่อี้
ดูเหมือนผู้ประสบภัยเหล่านี้เป็นระเบิดควันที่คนเหล่านั้นโยนลงมา
“พวกเจ้าเป็นผู้ประสบภัยจากที่ใด? เหตุใดจึงมาขวางพวกเราอยู่ที่นี่? พูดมา ผู้ใดให้พวกเจ้าทำเช่นนี้?” ซูเซิ่งเอ่ยถาม
ผู้ประสบภัยเหล่านั้นต่างหวาดกลัวจนไม่กล้าเปิดปาก
“ไม่พูดก็ไม่เป็นไร” ฟ่านหยวนซีเอ่ยขึ้น “สัตว์เลี้ยงของข้ากำลังหิวอยู่พอดี”
ผู้ประสบภัยตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
เมื่อครู่นี้ได้ยินคนจากทางการเรียกชายคนนี้ว่า ‘จงอ๋อง’ พวกเขาก็รู้ทันทีว่าคนผู้นี้คือจงอ๋องที่เหี้ยมโหด กล้าทำในเรื่องที่ไม่ควรทำคนนั้น
“อันที่จริงมีคนให้พวกเรามาแย่งชิงเสบียง” หญิงชราคนหนึ่งเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คนผู้นั้นกล่าวว่าพวกท่านมาจากราชสำนัก ถึงแม้พวกเราจะแย่งชิงเสบียงไป พวกท่านก็จะไม่ทำร้ายพวกเรา”
“คนผู้นั้นหน้าตาอย่างไร มีท่าทีอย่างไร?” ซูเซิ่งถาม
“พวกเขาเป็นโจรภูเขา” บุรุษอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา “ข้าเป็นชาวบ้านแถวนี้ เคยถูกพวกเขาปล้นมาก่อนจึงรู้จักพวกเขา”
“โจรภูเขา? ต้องป้อนอาหารสัตว์เลี้ยงของข้าพอดี” จงอ๋องฟ่านหยวนซีเอ่ย “ยังนิ่งอยู่ไย ในเมื่อมีคนขวางทาง เช่นนั้นก็ไปเก็บกวาดเส้นทางให้ข้าเสีย”
ซูเซิ่งไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้
ขอแค่เพียงไม่ให้เขาทำร้ายชาวบ้านธรรมดา เขาย่อมเต็มใจขึ้นไปปราบปรามโจรภูเขาเหล่านั้น
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยมีบางอย่างจะกล่าว” ลู่อี้เอ่ยกับฟ่านหยวนซี
“ข้าไม่อยากฟัง” ฟ่านหยวนซีไม่สนใจ
“ท่านอ๋อง เท่าที่ข้ารู้มา รอบ ๆ นี้มีโจรภูเขาอยู่มากมาย บัดนี้เกิดภัยพิบัติขึ้นมา คนที่ไม่อาจทนได้จึงเป็นโจรภูเขา พวกเขามีมากขึ้น หากเป็นแค่โจรภูเขาที่ปล้นสะดมบ้านเรือนเข่นฆ่าผู้คนเป็นผักเป็นปลา ท่านอ๋องคิดจะลงมือก็ไม่ผิดอะไร ทว่าไม่ใช่เช่นนั้น กว่าครึ่งของคนเหล่านั้นล้วนเป็นคนที่อับจนหนทาง เพียงแค่ต้องการเอาชีวิตรอด หากฆ่าพวกเขาไปหมดคงไม่ค่อยมีมนุษยธรรมเท่าใดนัก”
“ใต้เท้าลู่” ฟ่านหยวนซีมองอีกฝ่ายผ่านหน้าต่างรถม้า “เจ้าดูไม่เหมือนคนใจอ่อน ข้าได้ยินว่าภรรยาของเจ้าคลอดลูกสาว นี่เจ้าคิดจะสั่งสมบุญกุศลให้ลูกสาวหรือไร?”
“ท่านอ๋องช่างรอบรู้ยิ่งนัก ในเมื่อท่านอ๋องให้ข้าน้อยติดตามมาบรรเทาทุกข์ นั่นหมายความว่ายอมรับความสามารถของข้าน้อย ข้าน้อยเพียงตักเตือนตามหน้าที่ หากท่านอ๋องยืนกรานที่จะทำตามแบบของตน ข้าน้อยก็ไม่กล้ารนหาที่ตาย” ลู่อี้เอ่ยนิ่ง ๆ
“ตอนนี้เจ้านับวันยิ่งเหมือนฮูหยินของเจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว” ฟ่านหยวนซีเอ่ยเบา ๆ “เช่นนั้นข้าก็จะไว้หน้าฮูหยินของเจ้า หากเจ้ากำราบพวกเขาได้ ข้าจะละเว้นความตายให้พวกเขา”
“ข้าจะติดตามไปกับท่าน” ซูเซิ่งกล่าว
ฟ่านหยวนซีเอ่ยด้วยท่าทีเกียจคร้าน “ใต้เท้าลู่เก่งกล้าสามารถปานนี้ ไม่จำเป็นต้องให้ผู้อื่นช่วยเหลือ ขึ้นเขาไปเพียงคนเดียวได้”
ซูเซิ่งมองลู่อี้อย่างเป็นกังวล
ลู่อี้ยินดีพูดแทนโจรภูเขาเหล่านั้น ซูเซิ่งมองเขาด้วยความนับถือ
ลู่อี้ขานรับคำ
หลังจากลู่อี้ขึ้นเขาไปแล้ว ซูเซิ่งจึงถามฟ่านหยวนซีว่า “เช่นนั้นผู้ประสบภัยเหล่านี้…”
“พักอยู่ที่นี่ ตั้งหม้อทำอาหาร มอบอาหารให้พวกเขา อย่าได้ให้คนอดอยากตายไปเสียก่อน” ฟ่านหยวนซีกล่าวเสียงเรียบ
“ขอบพระทัยท่านอ๋อง”
ซูเซิ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอก
โชคยังดี จงอ๋องผู้นี้ยังไม่ถึงขั้นคลุ้มคลั่ง
เพียงแต่…
ใต้เท้าลู่คนเดียวจะจัดการโจรภูเขามากมายเพียงนั้นได้หรือ?
เหล่าทหารตั้งหม้อทำอาหาร ในที่สุดผู้ประสบภัยเหล่านั้นจึงได้เติมเต็มท้อง
ฟ่านหยวนซีแจกจ่ายเสบียงบางส่วนให้ผู้ประสบภัยเหล่านี้ ให้พวกเขาไปหาที่อยู่อาศัย จากนั้นสั่งว่าอีกสองวันค่อยไปต่อแถวรับเสบียงในเมือง
“ใต้เท้า” ผู้ประสบภัยไม่ได้จากไปทันที แต่ลอบไปพบซูเซิ่งเพื่อสอบถามสถานการณ์ของลู่อี้ “หัวหน้าโจรบนภูเขาแห่งนั้นเป็นสตรี ใต้เท้าท่านนั้นหน้าตาดีเช่นนี้…”
ซูเซิ่ง “…”