บทที่ 435 สมบัติล้ำค่าสามสิ่งแห่งเมืองฮู่เป่ย
บทที่ 435 สมบัติล้ำค่าสามสิ่งแห่งเมืองฮู่เป่ย
บทสนทนาของพวกชาวบ้านไปถึงหูคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
ฟ่านหยวนซีมองลู่อี้ที่มีสีหน้านิ่งสุขุมแล้วเอ่ยขึ้น “ใต้เท้าลู่ ไม่มีเจ้าอยู่ข้างกายแท้ ๆ ทว่าชื่อเสียงของฮูหยินลู่ท่ามกลางผู้คนกลับสูงส่งยิ่งกว่าเดิมแล้ว”
“ฮูหยินลู่?” ซูเซิ่งพลันงงงวย
“แม่ทัพซูคงยังไม่ทราบ เถ้าแก่เนี้ยมู่ผู้นี้ก็คือฮูหยินลู่ สตรีผู้ทำการค้าอันดับหนึ่งในใต้หล้า” ฟ่านหยวนซียกถ้วยในมือมาหมุนเล่น “ข้าก็นับถือนางเป็นอย่างมาก”
“ที่แท้สตรีแปลกประหลาดที่ชาวบ้านกล่าวถึงก็คือฮูหยินลู่” ซูเซิ่งมองลู่อี้ “มิน่าเล่า ใต้เท้าลู่ถึงไม่เห็นสตรีทั่วใต้หล้าอยู่ในสายตา ที่แท้ฮูหยินลู่ก็เป็นสตรีที่หาได้ยากนี่เอง”
โม่อู๋เว่ยยังคงไม่ยอมแพ้เรื่องลู่อี้ ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้แล้วนางยังคงรู้สึกไม่เชื่อ “ข้าไม่เชื่อว่าจะมีสตรีที่เห็นแก่ผู้อื่นเช่นนี้อยู่ในโลกจริง ๆ”
“หากหัวหน้าโม่เห็นนางแล้วก็จะเชื่อ” ฟ่านหยวนซีเงยหน้ามองลู่อี้ “หากไม่ใช่เพราะฮูหยินลู่แต่งงานแล้ว เกรงว่าวีรบุรุษทั่วทั้งใต้หล้าจะรุดมาเป็นขุนนางใต้กระโปรงนาง”
“คำพูดของท่านอ๋องไม่เหมาะสมเล็กน้อย” ลู่อี้เอ่ยขึ้นนิ่ง ๆ “ฮูหยินทำเรื่องที่น่าชื่นชม นางไม่เคยอยากให้ขุนนางมุดใต้กระโปรง เพียงแต่อยากพยายามทำให้หลาย ๆ คนมีชีวิตที่ดีมากขึ้น ถึงจะมีคนมากมายไม่เข้าใจนาง แต่นางไม่เคยกังวล นางสามารถใช้ชีวิตที่สุขสบายยิ่งกว่านี้ได้ ทว่านางกลับทำเรื่องมากมายที่ไม่ได้รับการขอบคุณ แต่ข้าเข้าใจ นางแค่จิตใจดีเกินไป”
“ฟังดูสิ ใต้เท้าลู่ที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเป็นคนพูดมากเช่นนี้ สามารถพูดจาได้มากมายเพียงนี้มีเพียงแค่เอ่ยถึงเรื่องภรรยาเท่านั้น” ครั้นฟ่านหยวนซีกล่าวจบ เขาก็พลันเปลี่ยนความคิดเห็นของตน “แต่ก็ไม่ใช่ ก่อนหน้านี้ใต้เท้าลู่เขียนจดหมายไปให้ใต้เท้าหลี่ บอกว่าบุตรชายของเขาฆ่าคนทั้งยังฉุดสตรีของผู้อื่น คารมคมคายของเขาราวกับมีด ทุกถ้อยคำล้วนเชือดเฉือน แต่ละคำประหนึ่งนองโลหิต ถึงขั้นที่คนมากประสบการณ์เช่นใต้เท้าหลี่ไม่อาจพูดออกมาได้แม้เพียงคำเดียว”
…
เส้นทางไปบรรเทาทุกข์นั้นขรุขระ
ทุกครั้งที่ไปถึงสถานที่บรรเทาทุกข์ ซูเซิ่งจะต้องนำทหารไปส่งเสบียงและเงิน ส่วนลู่อี้รับผิดชอบในการติดต่อขุนนางท้องที่ให้จัดการเรื่องบรรเทาทุกข์
ฟ่านหยวนซียังคงกินดื่มเช่นเคย ถึงแม้เขาจะไม่ได้เปิดเผยตัวตนของตนเอง ทว่าลูกหลานขุนนางในคณะบรรเทาทุกข์ล้วนคาดเดาตัวตนของเขาออก พวกเขาจึงทำได้เพียงดูแลฟ่านหยวนซีไม่ให้ขาดเหล้ายาปลาปิ้ง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดระหว่างปฏิบัติภารกิจ
อีกครึ่งเดือนผ่านพ้นไป
ตรงหน้าก็คือเมืองฮู่เป่ยแล้ว
“ในเมื่อเมืองฮู่เป่ยไม่ได้ประสบภัย เช่นนั้นพวกเราไม่จำเป็นต้องเข้าไป ตรงไปยังเมืองซูโจวเพื่อย่นระยะเวลาเถอะ!” ฟ่านหยวนซีกล่าว “เพียงแค่กลับไปดูที่เรือนอีกหลังของข้าเสียหน่อย กล่าวไปแล้ว เรือนย่อยของข้าก็เป็นฮูหยินลู่ที่รับผิดชอบ อีกทั้งยังสร้างได้อย่างสวยงามยิ่ง ข้ายังรอให้ฮูหยินลู่ไปยังเมืองหลวง นางจะได้ออกแบบเรือนหลังใหม่ให้ข้า น่าเสียดาย ไม่ได้พบนางเสียนี่”
“ในเมื่ออย่างไรก็ต้องผ่านเมืองฮู่เป่ย ไม่สู้ไปยังเมืองฮู่เป่ย…” ซูเซิ่งเห็นจงอ๋องจงใจสร้างความลำบากใจให้ลู่อี้ จึงเอ่ยคำพูดดี ๆ แทนเขา
“ลู่อี้ยังไม่ร้อนใจ เจ้าจะร้อนใจอะไร?” ฟ่านหยวนซีกล่าวอย่างสงบ “หากใต้เท้าลู่เอ่ยเพียงคำเดียว ข้าจะเชื่อเขา”
“เมืองฮู่เป่ยไม่มีภัยพิบัติ อีกทั้งยังมีผู้ประสบภัยอยู่ที่นั่น เวลานี้เกรงว่าจะมีเรื่องราวมากมายให้ต้องจัดการ หากพวกเราหลายคนเข้าไปในเมืองฮูเป่ย ย่อมสร้างปัญหาที่ไม่จำเป็นให้ชาวฮู่เป่ย ท่านอ๋องกล่าวไม่ผิด ไปเมืองซูโจวเลยดีกว่า ถัดจากเมืองซูโจวก็เป็นเมืองเตียนอวี้ เช่นนั้นมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเถิด พวกเราจะต้องทำหน้าที่ที่ฮ่องเต้มอบหมายให้ลุล่วงด้วยดี”
“จะได้ยินเจ้าเอ่ยถ้อยคำอ่อนโยนนี่ช่างยากเย็นจริง ๆ” ฟ่านหยวนซีเอ่ยด้วยสีหน้าเหม็นเบื่อ “ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เจ้าไม่คิดถึงฮูหยินของเจ้า แต่ข้ากลับคิดถึงนางแล้ว จะต้องแวะเมืองฮู่เป่ย”
ฟ่านหยวนซีปลดผ้าม่านลง เอาอกเอาใจเสือดาวของตนในรถม้าที่แสนสะดวกสบายของเขาต่อไป
ซูเซิ่งบังคับม้าไปข้าง ๆ ม้าของลู่อี้
“ทั้งที่ท่านรู้ว่าจงอ๋องอยากได้ยินคำพูดอ่อนโยนนุ่มนวลจากปากท่าน เหตุใดท่านไม่ไว้หน้าเขาเช่นนี้? ใต้เท้าลู่ ท่านฉลาดถึงเพียงนี้ ควรรู้ว่าทำให้ท่านอ๋องหมดอารมณ์ไม่ฉลาดเท่าใดนัก”
“ถึงแม้ข้าจะตามน้ำเขาไป เขาก็จะคิดหาวิธีอื่นให้ยุ่งยากอยู่ดี ไม่สู้ให้โอกาสครั้งนี้กับเขา ครั้งหน้าเขาจะได้ไม่ต้องคิดหาวิธีอื่น” ลู่อี้เอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ว่าท่านอ๋องอยากจะเล่นแบบใด สุดท้ายเราก็จัดการงานได้เป็นอย่างดี เขาชั่งน้ำหนักแล้ว ไม่กระทบกับหน้าที่เราอย่างแน่นอน”
“ฟังท่านเอ่ยอย่างนี้แล้ว ระหว่างทางเขาสร้างเรื่องไม่น้อยก็จริง ทว่าทุกครั้งที่มีลมฝนฟ้ากระหน่ำ เว้นเสียแต่ว่าจงอ๋องชอบความสนุกสนานสำราญใจแล้ว กลับไม่มีปัญหาใหญ่โตจริง ๆ”
ลู่อี้มองไปทางรถม้าแล้วกล่าวในใจ ‘เพราะเขารู้ว่าฮ่องเต้มอบหมายหน้าที่สำคัญให้ตนเองอย่างไรเล่า เขาคงไม่อยากให้องค์ชายคนอื่น ๆ ฉกฉวยความชอบไป’
บรรดาองค์ชายเติบใหญ่แล้ว พวกเขาเริ่มมีความคิดเป็นของตนเอง เริ่มต่อสู้แย่งชิงอำนาจและความชอบแล้ว
ฮ่องเต้ชราก็เริ่มตื่นตระหนกเช่นกัน
เขาจึงเรียก ‘บุตรชายนอกสมรส’ หรือจงอ๋อง ผู้ที่ไม่เคยเห็นความสำคัญกลับมายังเมืองหลวง ให้จงอ๋องยืนขวางหน้า เป็นโล่กำบังจากการโจมตีของเหล่าองค์ชาย
จงอ๋องเข้าใจความคิดของฮ่องเต้ชราดี เขาไม่ต้องการให้โอรสได้รับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ หรือได้โอกาสสร้างบารมีในหมู่ราษฎร หากจงอ๋องทำดีเกินไป สิ่งที่รออยู่หลังจากกลับไปยังเมืองหลวงไม่ใช่รางวัล แต่เป็นการข่มอำนาจ ดังนั้นกินดื่มเฮฮาไปตลอดทางย่อมดีกว่า เรื่องสำคัญปล่อยให้เหล่าขุนนางอาวุโสจัดการ เช่นนี้เขายังคงได้รับรางวัลตอบแทนความชอบ
“ท่านแม่ทัพ ถนนข้างหน้ามีหินขวางเอาไว้ขอรับ” ทหารที่ออกไปสอบถามข่าวกลับมารายงาน
“ขวางไว้? ไปไม่ได้หรือ?”
“ไปไม่ได้แล้วขอรับ” ทหารคนนั้นเอ่ย “ดูเหมือนจะมีภูเขาถล่ม ถนนเส้นนี้ไม่ปลอดภัยนัก”
โม่อู๋เว่ยเอ่ยว่า “ข้าให้คนไปถามแล้ว ที่นี่มีเส้นทางลัด ในเมื่อถนนถูกขวางไว้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงอ้อมผ่านหมู่บ้านรอบ ๆ แล้ว”
“ยามนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หากเป็นเช่นนี้ พวกเราค้างแรมในหมู่บ้าน พรุ่งนี้ค่อยอ้อมผ่านเขาวั่งโยวดีกว่า ท่านอ๋อง ได้โปรดตัดสินเถิด” ซูเซิ่งกล่าว
“พวกเจ้าปรึกษากันแล้วไม่ใช่หรือ ในเมื่อปรึกษากันแล้ว จะถามข้าทำซากอะไร” ฟ่านหยวนซีเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “ข้าอยากได้น้ำอุ่น ๆ อาบ อยากได้อาหารรสเลิศทาน”
บัดนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติ ชาวบ้านทั่วไปใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก พวกเขาจะมีของกินของดื่มดี ๆ ได้อย่างไร?
ทว่าขบวนทหารนำเสบียงของตนเองมา หากรวมกับของในป่าบางอย่าง บางทีอาจจะพอแก้ขัดไปได้
คนทั้งหมู่คณะเข้าไปใน ‘หมู่บ้านหลิ่วซู่’
หัวหน้าหมู่บ้านหมู่บ้านหลิ่วซู่ออกมาต้อนรับพวกเขา ค้อมคำนับให้ทุกคน แล้วเอ่ยอย่างตื่นตระหนก “ผู้น้อยเป็นหัวหน้าหมู่บ้านหลิ่วซู่ ผู้สูงศักดิ์ทุกท่านมีอะไรจะสั่งหรือขอรับ?”
“ไม่ต้องตื่นตระหนกไป พวกเราเพียงแค่ผ่านมาที่นี่ อยากค้างแรมที่นี่สักคืน” ซูเซิ่งกล่าว “แน่นอนว่าพวกเรามามากมายเพียงนี้ หากหมู่บ้านของพวกท่านรับรองไม่ไหว ท่านไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา เพียงแค่หาบ้านหลังที่ดีที่สุดให้ผู้สูงศักดิ์บนรถม้าท่านนั้นก็พอ”
“ได้ขอรับ ๆ” หัวหน้าหมู่บ้านหลิ่วซู่เอ่ย “เรียนเชิญผู้สูงศักดิ์เคลื่อนขบวนไป”
บ้านที่ดีที่สุดในหมู่บ้านหลิ่วซู่เป็นบ้านหลังใหญ่มุงกระเบื้องที่ทำจากอิฐ
ฟ่านหยวนซีไม่ได้สร้างความลำบากใจให้ ทุกคนจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
จากนั้นหมู่บ้านหลิ่วซูก็รวบรวมวัตุดิบที่ดีที่สุดมาทำอาหารห้าอย่างและน้ำแกงหนึ่งถ้วยให้ฟ่านหยวนซี จากนั้นจึงนำสุราของพวกเขามามอบให้ทุกคนดื่ม
“หมู่บ้านของเราบ่มสุรารสเลิศ ทุกหลังคาเรือนล้วนมีสุรา วันนี้ไม่มีของต้อนรับอย่างอื่น เช่นนั้นก็เชิญพวกท่านมาดื่มสุราของหมู่บ้านเรา” ใบหน้าซื่อ ๆ ของหัวหน้าหมู่บ้านเต็มไปด้วยความกังวล