บทที่ 448 ความรับผิดชอบของหัวหน้ากลุ่มการค้า
บทที่ 448 ความรับผิดชอบของหัวหน้ากลุ่มการค้า
ชิวซวงเดินเข้ามาพร้อมกับชายวัยกลางคนสีหน้าซีดเซียวผู้หนึ่ง
“เถ้าแก่เฉียน” เจิ้งซูอวี้เห็นเขาจึงกล่าวทัก “นี่ท่าน…”
เถ้าแก่เฉียนน้อมคำนับตัวสั่นเทิ้ม “หัวหน้ากลุ่มเจิ้ง ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากขอร้องท่าน”
“ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป จิบชาแล้วค่อย ๆ พูดเถิด” เจิ้งซูอวี้เห็นว่าริมฝีปากของเขาแห้งแตก สีหน้าไม่สู้ดีนัก
นางหันไปมองมู่ซืออวี่
มู่ซืออวี่รู้จักเถ้าแก่เฉียน เถ้าแก่เฉียนเองก็รู้จักนางเช่นกัน ทว่าในตอนนี้ เขาไม่แม้แต่จะสังเกตเห็นมู่ซืออวี่ บางทีสภาพจิตใจของชายผู้นี้อาจจะย่ำแย่กว่าที่คิด
เถ้าแก่เฉียนยกถ้วยชาในมือขึ้นจิบ สุดท้ายจึงใจเย็นลงบ้าง
“มีอะไรกินหรือไม่?” เขาเอ่ยถาม
เจิ้งซูอวี้สั่งให้ชิวซวงไปนำอาหารมาทันที
“ท่านไม่ได้ทานอะไรมานานแล้วหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม “หากไม่ได้ทานอะไรนานแล้ว เช่นนั้นท่านต้องทานโจ๊กรองท้องเสียก่อน ชิวซวง เจ้าไปซื้อโจ๊กมา”
“เถ้าแก่เนี้ยมู่!” เถ้าแก่เฉียนพลันหันมาให้ความสนใจกับมู่ซืออวี่ “ดูเหมือนข้าน้อยจะสายตาฝ้าฟาง ไม่ได้สังเกตว่าท่านอยู่ที่นี่ เสียมารยาทแล้ว”
“เถ้าแก่เฉียน พวกเราไม่ได้รู้จักกันเพียงแค่วันสองวัน ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถ้อยคำเกรงใจเหล่านี้ ข้าเห็นท่านมีท่าทางไม่สู้ดี ท่านเผชิญเรื่องยุ่งยากอะไรหรือไม่?” มู่ซืออวี่ถาม
“หากเถ้าแก่เนี้ยมู่อยู่ที่นี่ เรื่องของข้าน้อยก็มีทางแก้แล้ว” เถ้าแก่เฉียนเอ่ย “เถ้าแก่เนี้ยมู่จำได้หรือไม่ว่าข้าทำกิจการเกี่ยวกับหยก”
“แน่นอน หยกชิ้นนั้นที่ท่านแนะนำข้าครั้งก่อนสวยมาก” มู่ซืออวี่กล่าว “ท่านมีปัญหาเกี่ยวกับกิจการหรือ?”
“เฮ้อ…” เถ้าแก่เฉียนตอบ “ต้องโทษข้าที่โลภมาก”
“อย่าร้อนใจไป ทานอะไรก่อนเถอะ พวกเราล้วนอยู่ที่นี่ ไม่ต้องรีบร้อน” เจิ้งซูอวี้เอ่ย
หอที่ทำการของเมืองฮู่เป่ยอยู่ที่นี่ เดิมทีที่นี่ค่อนข้างห่างไกลผู้คน แต่ตอนนี้กลับมีร้านรวงผุดขึ้นมาทุกหนแห่งในบริเวณรอบ ๆ มีทุกอย่างตั้งแต่อาหาร ของเล่น เสื้อผ้า และอื่น ๆ อีกมากมาย
ชิวซวงซื้อโจ๊กกลับมาอย่างรวดเร็ว
ขณะที่เถ้าแก่เฉียนทานโจ๊ก มู่ซืออวี่และเจิ้งซูอวี้ก็จัดการงานที่ยังคั่งค้างอยู่ต่อไป
อย่าคิดว่าพวกนางดูแลกลุ่มการค้าเพียงอย่างเดียว มีหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกนางต้องจัดการ เช่นเดียวกันกับคนทำงานในชุมชน นางต้องรับผิดชอบดูแลสมดุลของทุกวิชาชีพ และยังต้องเป็นคนกลางระหว่างเจ้าของกิจการสองกิจการ ทว่างานเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องจุกจิกทั้งนั้น หัวหน้ากลุ่มการค้ามีอำนาจมากมาย ความรับผิดชอบจึงต้องมากตามไปด้วย มีเรื่องให้ต้องกังวลไม่น้อย
แต่ก็มีข้อดีเช่นกัน นั่นก็คือกิจการในเมืองฮู่เป่ยมีศูนย์กลาง หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หรือหากทางการต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา ย่อมสะดวกที่จะปรึกษาหารือกันมากกว่า
“เรือนวสันต์ต้องการเข้าร่วมกลุ่มการค้าของเรา นี่…” เจิ้งซูอวี้ยื่นหนังสือคำร้องให้นาง “ข้าตัดสินใจไม่ได้จริง ๆ”
“ยินยอม” มู่ซืออวี่เอ่ยโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิด
“หา?” เจิ้งซูอวี้มองมาด้วยสายตาประหลาดใจ “เจ้าเป็นภรรยาขุนนาง จะยินยอมอย่างนี้เลยหรือ? หากเป็นสตรี ไม่ใช่ว่าผู้ใดก็ทำใจยอมรับไม่ได้หรือ?”
“วิชาชีพทุกประเภทเกิดขึ้นได้เพราะการดำรงอยู่ของมันเป็นที่ต้องการ หากไม่มีเรือนวสันต์ก็จะมีเรือนวาโยสารท เรือนวาโยคิมหันต์ เรือนวาโยเหมันต์อยู่ดี หรือต่อให้ไม่มีสิ่งเหล่านี้ บุรุษก็ยังปีนหน้าต่างแม่ม่ายได้ อาจมีการก่อเหตุอีกมากมายตามมา สินค้าของเรือนวสันต์มีอยู่ทุกยุคทุกสมัย พวกเราไม่สามารถควบคุมได้ แต่ว่า…”
นี่เป็นครั้งแรกที่เจิ้งซูอวี้ได้ยินคำกล่าวเช่นนี้ นางตกตะลึงกับข้อคิดเห็นของมู่ซืออวี่ สุดท้ายก็พุ่งความสนใจไปที่คำว่า ‘แต่’ ของอีกฝ่าย
“แต่อะไรหรือ?”
“หากต้องการเข้าร่วมกับกลุ่มการค้า ย่อมต้องอยู่ภายใต้การตัดสินใจของเรา เรื่องนี้หากกล่าวไปแล้วก็เป็นข้อจำกัดของพวกเขา ถ้าพวกเขายินยอม ข้าก็ไม่ขัดข้องอันใด”
“อย่างเช่นว่า…”
“อย่างเช่นว่า ไม่อนุญาตให้พวกเขาบังคับขาย หรือบังคับให้สตรีดีงามเป็นนางโลม” มู่ซืออวี่เอ่ย “หากเป็นการสมัครใจ พวกเราก็ไม่มีอะไรจะกล่าว แต่หากพวกเราพบว่าพวกเขาซื้อขายสตรีจากครอบครัวที่ดีโดยวิธีที่ไม่บริสุทธิ์ เช่นนั้นต้องให้ทางการเข้ามาควบคุม”
“โดยทั่วไป พวกเขาจะเลือกเด็กกำพร้าหน้าตาน่ามองมาฝึกฝน หรือคนที่มีชีวิตยากลำบาก บางครั้งก็จะขายลูกสาวไปยังที่เหล่านั้น…”
“พวกเราไม่อาจควบคุมคนมากมายไหว อีกทั้งยังไม่อาจช่วยได้ทุกคน” มู่ซืออวี่กล่าว “นอกจากควบคุมเรื่องการบีบบังคับคนเป็นนางโลมโดยมิชอบแล้วก็ไม่มีวิธีอื่น”
“อันที่จริง จากสถานการณ์ของเมืองฮู่เป่ยในตอนนี้ ครอบครัวที่ไม่อาจหาข้าวสารกรอกหม้อได้นับวันยิ่งน้อยลงไปเรื่อย ๆ มีคนขายลูกหลานตนเองน้อยลง” เถ้าแก่เฉียนที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ย “ในเมืองฮู่เป่ยไม่มีแม้แต่ขอทาน การจะหาคนท่ามกลางเด็กกำพร้าจึงยากยิ่งกว่าเดิม ข้าได้ยินจากสหายมาว่า แม่เล้าเรือนวสันต์ซื้อเด็กสาวมาจากเมืองอื่น”
“เถ้าแก่เฉียน ท่านดีขึ้นแล้วหรือ? เช่นนั้น มาคุยเรื่องของพวกเรากันเถอะ!” มู่ซืออวี่เอ่ย
“ทำให้หัวหน้ากลุ่มทั้งสองต้องขบขันแล้ว” เถ้าแก่เฉียนเอ่ย “เรื่องเป็นเช่นนี้…”
เถ้าแก่เฉียนทำกิจการเกี่ยวกับหยก วัตถุดิบของเขาล้วนมาจากเหมืองหยก หลังผ่านกระบวนการต่าง ๆ จึงกลายมาเป็นเครื่องถ้วยหยก หรือเครื่องประดับหลากหลายรูปแบบ
ครึ่งเดือนก่อน สหายคนหนึ่งแนะนำลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งให้เขา ลูกค้ารายนั้นกล่าวอย่างจำเพาะเจาะจงว่าต้องการเครื่องถ้วยหยกคุณภาพดีชุดหนึ่ง ทว่าอีกฝ่ายอยู่ที่เมืองหลี ดังนั้นจึงต้องส่งสินค้าไปที่นั่น
เถ้าแก่เฉียนส่งไปแล้ว
ของที่เขาเลือกใช้ดีมาก อีกฝ่ายก็ชอบมันมากเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงยอมรับทันที
ชุดเครื่องหยกหลายชิ้นรวม ๆ แล้วราคาถึงหนึ่งแสนสองหมื่นตำลึงเงิน
“เพราะเป็นคนที่สหายแนะนำมา ข้าจึงนับว่าเขาเป็นสหายอีกคน พวกเราจึงไปทานข้าวกันก่อน ท้ายที่สุดพวกเขาไม่ได้พาข้าไปที่ภัตตาคาร หากแต่พาไปหอนางโลม”
“จากนั้นเล่า? อีกฝ่ายไม่จ่ายเงินหรือ?”
“พวกเขาพบคนกลุ่มหนึ่งในนางโลม อีกฝ่ายทะเลาะวิวาทกับพวกเขาและต่อยตีกัน ข้าผลักเจ้าถีบ ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น บังเอิญไปผลักหนึ่งในนั้นเข้า คนที่โดนผลักเกลือกกลิ้งลงไปกับบันไดและได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที พวกเขาต้องการให้ข้าชดใช้ค่าเสียหาย ข้าตระหนกไปชั่วขณะหนึ่งจึงมอบเงินทั้งหมดที่มีให้ไป แต่พวกเขากล่าวว่ามันไม่เพียงพอ…”
“เครื่องหยกชุดนั้น พวกเขาก็เอาของท่านไปแล้วหรือ?” มู่ซืออวี่คาดเดา
“ไม่ผิด”
“จากนั้นเกิดอะไรขึ้น?” เจิ้งซูอวี้เอ่ยถาม “คนที่ได้รับบาดเจ็บผู้นั้นเป็นอย่างไร?”
“ถึงแม้ข้าจะเจ็บปวดใจเรื่องเงิน แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่ตนทำกับอีกฝ่ายแล้ว ข้าก็รู้สึกผิดและอยากส่งเขาไปรักษาที่โรงหมอ ทว่าพวกเขาพาคนผู้นั้นไป ไม่ยอมให้ข้าตามไปด้วย”
“เรื่องนี้… มีบางอย่างไม่ค่อยถูกต้อง” เจิ้งซูอวี้ขมวดคิ้ว “หากเจ้ายินดีรับผิดชอบ พวกเขาก็ควรยินดีสิ เหตุใดไม่ยอมให้ท่านตามไป?”
“ข้าก็คิดอย่างนั้นเช่นกันจึงลอบตามไปเงียบ ๆ” เถ้าแก่เฉียนเอ่ย “ไม่นานหลังจากที่ข้าตามไป ข้าก็ปวดหัว จากนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกที ข้าก็อยู่ภายในห้องที่มืดมิดแห่งหนึ่งแล้ว ข้างล่างเป็นน้ำเน่า ข้าได้ยินคนพูดคุยกันอยู่ข้างนอกจึงรู้ว่าถูกพวกเขาขังเอาไว้ ข้าพยายามคิดหาวิธีเนิ่นนาน สุดท้ายก็หลบหนีมาได้ ข้าแอบอยู่ในรถม้าแล้วกลับมายังเมืองฮู่เป่ย เรื่องนี้น่าหวาดกลัวเกินไป ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วจึงรีบมาที่นี่”