บทที่ 449 ท่านจะให้พวกเราช่วยอย่างไร
บทที่ 449 ท่านจะให้พวกเราช่วยอย่างไร
“สินค้าชุดนี้เสียหายแล้ว ข้ารู้สึกเสียใจอยู่บ้าง แต่ก็พอรู้หลักเสียเงินหลีกเลี่ยงหายนะ เพียงข้ากลับมาแบบมีชีวิตก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว แต่ข้าเคยถูกขังอยู่ที่นั่นมาก่อนและได้ยินคนเฝ้าคุยกันจึงได้รู้จากปากพวกมันว่า ข้าไม่ใช่คนแรกที่ถูกพวกมันทำร้าย บางคนฉลาดพอที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว พวกเขาจึงได้กลับมาแบบมีชีวิต แต่ก็ยังมี…”
“ที่คนถูกพวกมันฆ่า” เจิ้งซูอวี้พูดให้จบแทนอีกฝ่าย
“ใช่” เถ้าแก่เฉียนกล่าว “ข้ารู้ว่าควรไปหาทางการ ทว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นในเมืองหลี ใต้เท้าขุนนางของเมืองฮู่เป่ยจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องทางนั้นได้อย่างไร?”
“หากแม้แต่ทางการยังไม่อาจจัดการเรื่องทางนั้นได้ เช่นนั้น กลุ่มการค้าเรายิ่งไม่อาจรับมือ” เจิ้งซูอวี้เอ่ย “นี่ไม่ใช่แค่เรื่องกิจการอีกต่อไปแล้ว”
“นี่เป็นการฆ่าและหลอกลวงคน เป็นคดีอาญา” มู่ซืออวี่ถาม “เถ้าแก่เฉียน ตอนนี้ท่านปลอดภัยหรือไม่?”
“ข้าไม่รู้” อีกฝ่ายตอบ “ข้าพ้นอันตรายมาได้ก็มาพบพวกท่านท่านทันที แต่ข้ารู้ว่าหากกลับไปตอนนี้คงไม่ปลอดภัยนัก พวกเขาอาจจะมาตามหาข้าเมื่อใดก็ได้ เรื่องสำคัญเช่นนี้ ข้าต้องเอ่ยออกมา ไม่เช่นนั้นจะมีคนตายมากขึ้น และข้าเองก็จะตายเปล่าอยู่ข้างนอก”
“ท่านกลับไปตอนนี้คงไม่ปลอดภัยแน่ หากท่านเชื่อพวกข้า พวกข้าจะพาท่านไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยและคอยคุ้มครอง ท่านคิดเห็นว่าอย่างไร?”
“ได้ ขอบคุณหัวหน้ากลุ่มทั้งสอง” เถ้าแก่เฉียนซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง
สถานที่ที่ปลอดภัยที่มู่ซืออวี่เอ่ยถึง แน่นอนว่าเป็นศาลาว่าการ
นางพาอีกฝ่ายไปที่ศาลาว่าการ แล้วแจ้งเรื่องนี้กับลู่อี้และเวินเหวินซง
“เถ้าแก่เฉียนหลบหนีมาแล้ว ข้าเกรงว่าหากอีกฝ่ายหาเขาไม่พบจะตามไปแก้แค้นครอบครัวเขาแทน ข้าว่าจะให้ครอบครัวเขาย้ายไปที่อื่นเพื่อหลบเลี่ยงหูตาคนเสียก่อน”
“เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง” ลู่อี้กำชับ “ถึงแม้นี่จะเกี่ยวข้องกับการค้า ทว่าก็เกี่ยวข้องกับการฆ่าด้วย อีกทั้งยังมีมากกว่าหนึ่งคดี ทางการย่อมต้องจัดการแน่นอน”
“ข้าก็คิดเช่นนี้” มู่ซืออวี่กล่าว “แต่ข้าช่วยพวกท่านได้ เถ้าแก่เฉียนบอกว่าเขาไม่ใช่เหยื่อคนแรก ดังนั้นจะต้องมีคนเป็นทุกข์เพราะเรื่องที่บอกใครไม่ได้นี้อย่างแน่นอน ทุกคนล้วนรักศักดิ์ศรี พวกเขาย่อมไม่ยินดีเอ่ยออกมาเมื่อตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ในฐานะที่เป็นหัวหน้ากลุ่มการค้า หากข้าสอบถามพวกเขาเป็นการส่วนตัว จะต้องมีคนยินดีให้ความร่วมมือเป็นแน่”
“ดี”
มู่ซืออวี่กับลู่อี้ทำงานร่วมกันคนละทาง
เถ้าแก่เฉียนและครอบครัวของเขาอาศัยอยู่กับทางฝั่งลู่อี้
ส่วนมู่ซืออวี่สอบถามข่าวอยู่ทางนี้ สุดท้ายจึงได้ข้อมูลจากสมาชิกกลุ่มการค้าเพิ่มอีกสองคน
“เถ้าแก่หลี่และเถ้าแก่จาง ทั้งสองคนได้รับการแนะนำลูกค้ารายใหญ่ผ่านสหาย และสหายผู้นี้เป็นคนคนเดียวกัน ข้าได้รับการยืนยันจากเถ้าแก่เฉียนแล้วว่าสหายของเขาก็คือคนผู้นี้ ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังมีความสัมพันธ์กับ ‘สหาย’ ผู้นี้มากกว่าครึ่งปีก่อนที่จะมีการสั่งซื้อ กล่าวได้ว่าเป็นแผนการสมคบคิดที่วางไว้มากกว่าครึ่งปี”
“ยังไม่รุนแรงมากพอ ควรเป็นคดีหลอกลวงและฆ่าคน” ลู่อี้เอ่ย “พวกเขาถูกหลอกในเมืองหลีทั้งหมดเลยหรือ?”
“ไม่ใช่ เถ้าแก่หลี่โดนหลอกในเมืองหลีอวี้ ส่วนเถ้าแก่จางโดนหลอกในเมืองซูโจว” มู่ซืออวี่กล่าวต่อ “วิธีการที่ใช้หลอกล่อก็แตกต่างกัน เถ้าแก่หลี่ถูกหลอกในโรงพนัน เขาถูกลากเข้าไปเล่นพนัน ทว่าเสียไปสองแสนตำลึงเงิน ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่า สินค้าชุดนั้นของเขาก็เก็บรักษาเอาไว้ไม่ได้ เขาไปที่นั่นด้วยความหวังว่าจะได้โชคลาภสักหน่อย สุดท้ายสินค้าก็ไม่เหลือ เงินก็หลุดลอยไป ขณะที่เถ้าแก่จางถูกพาไปยังบ้านของลูกค้า พอดีว่าภรรยาของลูกค้าคนนั้นงดงามเป็นอย่างยิ่ง เถ้าแก่จางเป็นคนมักมากจึงหลงเสน่ห์นางเข้าทันที”
“เขาโชคร้ายแล้ว?”
“เขาบอกว่าแม้เขาจะมีจิตใจมักมากเพียงใดก็ไม่มีความกล้าที่จะทำ นับประสาอะไรกับภรรยาของผู้อื่น นอกจากนี้ ที่บ้านเขาก็มีแม่เสือเฒ่ารออยู่จึงได้เพียงแค่คิด ทว่าคืนนั้น… เขากลับกล้าขึ้นมาเสียดื้อ ๆ”
“จึงถูกจับได้ในทันที จากนั้นก็จ่ายเงินไปจำนวนมาก สินค้าก็ให้ไปแล้ว?” ลู่อี้มั่นใจ
“ใช่ เป็นอย่างนั้น” มู่ซืออวี่ผายมือ “ข้าไม่รู้ว่าควรเอ่ยว่าเขาไร้เดียงสาหรือโง่งมดี ฝั่งนั้นก็วางแผนมาเป็นอย่างดี ทั้งยังวางแผนตามลักษณะนิสัยของเหยื่อ หากไม่รู้ล่วงหน้า กับดักเช่นนี้ไม่อาจหนีรอด!”
“คิดคำนวณมาเป็นอย่างดีจริง ๆ” ลู่อี้ยอมรับ “นี่เป็นขบวนการ”
“ใต้เท้าลู่ หากอยากจับขบวนการนี้คงไม่ง่ายนัก! เถ้าแก่เฉียนหลบหนีมาได้ อีกฝ่ายก็คงทราบเรื่องแล้ว ท่านคิดว่าพวกเขาจะอยู่รอพวกเราไปจับอย่างว่านอนสอนง่ายหรือ?”
“การหลอกลวงประเภทนี้ไม่อาจวางแผนได้ชั่วข้ามคืน อย่างน้อยพวกมันก็ใช้เวลาครึ่งปีในการสร้างสัมพันธ์ ‘สหาย’ นี้ขึ้นมา หากพวกมันหายไปกะทันหันและอยากหลอกหลวงครั้งถัดไป ย่อมต้องใช้เวลาเริ่มวางแผนใหม่อีกครั้ง ในเมื่อเป็นกลุ่มคนที่อุกอาจ บางทีพวกมันอาจจะไม่ยอมรับความล้มเหลวจากการสู้อุตสาหะมาอย่างยาวนาน พวกมันคงอยู่ที่นี่ด้วยความหวังว่าจะโชคดี รอให้พวกเราตรวจสอบเสร็จ แล้วค่อยเริ่มแผนถัดไปอีกครั้ง”
“ท่านคิดว่าพวกมันจะไม่สลายตัวไปงั้นหรือ?”
“ย่อมไม่”
“ดี เช่นนั้นบอกข้าที ขบวนการที่ฉลาดเฉลียวขบวนการนี้ควรจะอยู่ที่ใด?”
“กระต่ายเจ้าเล่ห์มักจะมีสามโพรง พวกมันต้องไม่อยู่เพียงที่เดียวอย่างแน่นอน เมืองเตียนอวี้ เมืองซูโจว เมืองหลี สามเมืองนี้อยู่ไม่ไกลกัน พวกมันฉลาดมากจึงไม่ลงมืออยู่ที่ใดที่หนึ่ง”
ขอแค่พวกมันเคยทำ เช่นนั้นย่อมต้องทิ้งร่องรอยไว้ สิ่งที่จัดการได้ในตอนนี้คือเรื่องเถ้าแก่เฉียน เพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้น อีกสองเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว ร่องรอยหลายอย่างย่อมถูกกำจัดไปหมด ทว่าสิ่งที่แน่นอนคือโรงพนันและหอนางโลมซึ่งล้วนแต่เป็นสถานที่ที่พวกมันลงมือ ข้าเดาว่าพวกมันจะต้องเกี่ยวข้องกับโรงพนันและหอนางโลมแน่ ๆ พระหนีไปได้แต่วัดหนีไปไม่ได้ เราจะต้องตรวจสอบพบร่องรอยอย่างแน่นอน
“ใต้เท้า…” เวินเหวินซงเดินเข้ามา “คนในคุกเหล่านั้น…”
เมื่อเห็นมู่ซืออวี่ เวินเหวินซงก็หุบปากลงทันที
อย่างไรเสีย เขาก็ไม่กล้าให้นางรู้เรื่องเหล่านั้น
มู่ซืออวี่เห็นว่าพวกเขายังมีเรื่องต้องปรึกษากันจึงขอตัวออกไปอย่างมีชั้นเชิง
“ท่านจะไปเมืองหลีเมื่อใด? ข้าจะไปด้วย”
จริง ๆ แล้วลู่อี้ไม่อยากให้ภรรยาเสี่ยงอันตรายไปกับตน แต่เหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับพ่อค้าวาณิชจำนวนมาก นางมีชื่อเสียงในวงการนี้ ดังนั้นหากมีนางไปด้วยย่อมตรวจสอบได้ง่ายกว่า
“ได้”
หลังจากมู่ซืออวี่ไปแล้ว เวินเหวินซงจึงเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“คดียุ่งยากอีกคดีหนึ่ง” ลู่อี้เอ่ย “ไม่ถูกสิ เจ้าเป็นนายอำเภอ เหตุใดข้าต้องมาทำงานของเจ้า?”
“ใต้เท้าลู่ ตำแหน่งนายอำเภอนี้ข้าไม่อยากเป็นเลย แต่ท่านให้ข้าเป็น” เวินเหวินซงเอ่ย “ข้าไม่สนแล้ว ก่อนที่ท่านจะไป ต้องช่วยข้าจัดการคดียาก ๆ ของที่นี่ด้วย”
“เช่นนั้น เจ้าไม่พูดเล่าว่าฮูหยินของข้าอยู่ที่นี่ช่วยแก้ปัญหาไปให้เจ้ามากน้อยเพียงใด” ลู่อี้เอ่ย “ครั้งนี้นางจะยังไม่ตามข้าไป จะอยู่ที่เมืองฮู่เป่ยอีกระยะหนึ่ง บางทีไม่นานเจ้าอาจจะได้เข้าเมืองหลวงไปรวมตัวกับข้า”
“เลื่อนขั้นหรือ?”
“แน่นอน” ลู่อี้ตบบ่าเขาเบา ๆ “ข้าให้เจ้าเป็นนายอำเภอ แต่ไม่ได้ให้เป็นนายอำเภอไปตลอดชีวิต เจ้าจะต้องเข้าเมืองหลวงไปช่วยข้า”